ตอนที่ 575 จิตมุ่งร้าย

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 575 จิตมุ่งร้าย

เมื่อเห็นทัวป๋าหลิวลี่ทำท่าทางไร้เดียงสาราวกับมิรู้เรื่องอันใด ท้ายที่สุดมู่จวินฮานก็เริ่มใจอ่อน

เนื่องจากบรรดาสตรีในจวนอ๋องแห่งนี้ ทัวป๋าหลิวลี่ถือว่าไร้สมองที่สุด

หลังจากที่มู่จวินฮานเล่าเรื่องของหลีเอ๋อให้ฟัง ทัวป๋าหลิวลี่จึงเริ่มเข้าใจว่าหลีเอ๋อหายตัวไปอยู่ที่ใด

ในเวลาเดียวกันก็แอบก่นด่าว่าเหล่าหวางเฟยรังแกกันเกินไปแล้ว การปาหินก้อนเดียวได้นกสองตัวดูจะเป็นการกำราบชายารองและสนมคนอื่นในคราวเดียวและก็เป็นการข่มเหงนาง !

การใช้ยาพิษทำร้ายคนซึ่งผู้ที่ถูกพิษต้องได้รับอันตรายถึงชีวิตอยู่แล้ว หากมิได้เพราะมียาฟื้นวิญญาณของหลิงอวี่หนิงอยู่ ตอนนี้ตนก็คงต้องแบกรับความผิดฐานฆ่าทัวป๋าถิงฟางไปแล้ว

ผู้ที่คิดกลอุบายโหดร้ายถึงเพียงนี้ได้ นอกจากมู่เหล่าหวางเฟยผู้ชั่วช้าแล้วก็คงไม่มีผู้อื่นอีกกระมัง ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้นางก็สงสัยว่าเหตุใดในห้องของหลีเอ๋อจึงมียาพิษได้และไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายเรื่องนี้ว่าแม้หลีเอ๋อจะปฏิเสธก็ไม่มีใครเชื่อนาง

“ท่านอ๋อง เรื่องของหลีเอ๋อนี้ข้ามิรู้เรื่องจริง ๆ เจ้าค่ะ” ทัวป๋าหลิวลี่เงยหน้า ทันใดนั้นน้ำตาเม็ดใสก็ไหลอาบแก้มทำให้คนมองรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที “บางทีอาจเพราะสาวใช้ผู้นั้นตัดสินใจด้วยตนเองและแอบทำเรื่องชั่วช้าลับหลังข้า แต่สุดท้ายก็เป็นเพราะหลิวลี่สั่งสอนมิดีเอง หากท่านอ๋องจะลงโทษก็ลงโทษเถิดเจ้าค่ะ ! ”

ขณะกล่าว นางก็ยังเอาศีรษะโขกพื้นอย่างแรงจนมีเลือดไหลออกมา ใบหน้าน้อย ๆ อันขาวซีดของคนป่วยเป็นรอยแดงที่เห็นได้ชัดกว่ารอยจากการถูกตบเสียอีก ทำให้นางดูน่าสงสารยิ่งกว่าอันใด

ในเวลานี้ทัวป๋าหลิวลี่ทำได้แค่ร้องขอความเป็นธรรมให้ตนเองและทิ้งตัวหลีเอ๋อไป มิเช่นนั้นนางก็จะหาหนทางปกป้องตนเองได้ยาก

“ลุกขึ้นมา ต่อไปจงสั่งสอนสาวใช้ในเรือนของเจ้าให้ดีก็พอ ! ” มู่จวินฮานกล่าวพร้อมแอบหัวเราะให้แก่ความอยู่เป็นของนาง เขาจึงมิได้สร้างความลำบากอันใดให้อีก

ด้วยเหตุนี้เรื่องจึงถือว่าจบลงแล้ว ผลลัพธ์ก็ไม่มีอันใดมากไปกว่านี้

หลังมู่เหล่าหวางเฟยรู้ว่าทัวป๋าหลิวลี่มิโดนลงโทษ นางก็มิได้ผิดหวังเสียทีเดียว เนื่องจากเรื่องนี้ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวมิน้อย อย่างน้อยต่อไปก็จะมิกล้าทำตัวเป็นจุดสนใจอีก

“ยินดีกับเหล่าหวางเฟยด้วยเจ้าค่ะ มิเพียงกำราบถิงฟางเช่อเฟยได้ แต่ยังแสดงอำนาจให้หลิวลี่เช่อเฟยเห็นในเวลาเดียวกันด้วย ต่อไปสาวใช้ในจวนก็จะได้รู้ตัวว่าควรอยู่ตรงไหนเจ้าค่ะ ! ” สาวใช้ที่ชื่อฟางจูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจเพราะรู้สึกภูมิใจแทนเจ้านายยิ่งนัก

ในที่สุดใบหน้าขมขื่นของมู่เหล่าหวางเฟยก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “หึ โชคดีที่มีเจ้าอยู่ ‘แม่’ จึงจัดการเช่อเฟยสองคนนั้นได้อย่างราบรื่น แม้ทัวป๋าถิงฟางมิตายแต่ก็ถือว่าบาดเจ็บหนัก ช่วงนี้คงมิคิดก่อเรื่องอันใดขึ้นอีก”

คำว่า ‘แม่’ ทำให้ฟางจูรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก หลังจากนั้นก็เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นในเรือนเป็นเวลานาน แม้แต่บนใบหน้าของทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยความสุข

เพราะฟางจูยอมรับเหล่าหวางเฟยเป็นแม่บุญธรรมตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ตอนนี้มู่เหล่าหวางเฟยมีตำแหน่งสูงขึ้นแต่คาดมิถึงว่าจะยังจดจำนางได้

เหตุการณ์ในตอนนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่คาดไว้และร่างกายของทัวป๋าถิงฟางเพิ่งหายดี หลังทราบว่าเรื่องนี้มิได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ กอปรกับการหวนคืนมาของอันหลิงเกอจึงทำให้ความหวังอันน้อยนิดของนางก่อนหน้านี้หายไป ยิ่งในเวลานี้แผนร้ายของเหล่าหวางเฟยก็ทำให้นางเหมือนโดนราดน้ำเย็นใส่หัวและทำให้รู้สึกมิสบายไปทั้งกาย

“นายหญิงอย่าใส่ใจเลยเจ้าค่ะ แม้ตอนนี้พระชายากลับมาแล้วก็ขอเพียงท่านอ๋องโปรดปรานท่าน ต่อไปก็มิต้องกลัวว่าจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้พูดปลอบอยู่ด้านข้าง ขณะเดียวกันก็ช่วยหวีผมให้ด้วย

ส่วนทัวป๋าถิงฟางที่มองหน้าตาอันงดงามของตนในกระจกก็ทำให้นางรู้สึกหดหู่ขึ้นเรื่อย ๆ สตรีที่เข้ามาอยู่เรือนหลังแล้วมักเต็มไปด้วยความอิจฉาเคียดแค้นกันจริง ๆ นางเพิ่งเข้ามาได้มิเท่าไรก็เผชิญกับเรื่องมากมายและยังต้องเสี่ยงถึงชีวิตอีก

พอคิดว่าคนที่ทำร้ายตนในวันนั้นยังมีชีวิตอยู่ดีมีสุข ภายในใจของทัวป๋าถิงฟางก็รู้สึกเหมือนโดนไฟเผา ท้ายที่สุดนางก็อดระเบิดไฟลูกนั้นออกมามิได้

“เจ้าไปหยุดคนทำแป้งประทินผิวให้เหล่าหวางเฟยไว้ แล้วคิดวิธีทำให้แป้งเสื่อมคุณภาพ ไป ไปเดี๋ยวนี้ ! ”

ทัวป๋าถิงฟางออกคำสั่งและเลือกสาวใช้ที่ดูฉลาดคล่องแคล่วไปทำงานนี้

ในเมื่อมู่เหล่าหวางเฟยกล้าวางยาพิษนาง เยี่ยงนั้นนางก็ต้องมีลูกไม้อื่นเช่นกัน !

ในแป้งผัดหน้าได้ผสมสมุนไพรนานาชนิด หากมีสารพิษบางอย่างหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปก็หามีผู้ใดสังเกตไม่ ดูสิว่าหากสารพิษผสมอยู่ในแป้งของมู่เหล่าหวางเฟยแล้วส่งผลต่อผิวพรรณ ยังจะกล้าวางอำนาจอีกหรือไม่ !

ผู้ใดก็คาดมิถึงว่าทัวป๋าถิงฟางซึ่งเป็นอนุภรรยาคนหนึ่งจักกล้าวางอุบายใส่มู่เหล่าหวางเฟย

สายลมอบอุ่น ใบไม้ซ่อนเงา แมลงจำศีลหลากชนิดแอบเคลื่อนไหวกันอย่างเงียบ ๆ

สนมทุกคนในจวนต้องไปคารวะมู่เหล่าหวางเฟยซึ่งตอนนี้ทัวป๋าถิงฟางกำลังกวาดสายตามองทั่วใบหน้ามู่เหล่าหวางเฟย หลังสังเกตมาหลายวันแล้วก็มิเห็นสิ่งใดเกิดขึ้น

ภายในเรือนของทัวป๋าถิงฟางมีสาวใช้ผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น นั่นก็คือสาวใช้ที่ออกไปซื้อยาเมื่อวันนั้น ส่วนทัวป๋าถิงฟางก็เอนกายบนเก้าอี้และให้อีกฝ่ายช่วยทาสีเล็บ

“พูดมาว่าเกิดอันใดขึ้น ? ” นางเอ่ยถามพร้อมเหลือบตามองผู้ที่คุกเข่าและทาเล็บให้ตน

“บะ บ่าว…” สาวใช้ผู้นั้นเอ่ยออกมาติดๆ ขัดๆ พร้อมโขกศีรษะลงพื้น ตัวสั่นสะท้าน “เพราะที่บ้านของบ่าว…ที่บ้านของบ่าวติดหนี้ผู้อื่น บ่าวจึงตาบอดไปชั่วขณะเจ้าค่ะ”

“ตาบอดไปชั่วขณะหรือ ? ” ทัวป๋าถิงฟางกำลังจะลุกขึ้นนั่ง แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกปวดที่ปลายนิ้วจึงร้องออกมาเบา ๆ และขมวดคิ้วด้วยความโมโห

หลังจากนั้นนางก็ยกมือตบหน้าสาวใช้ที่ทาเล็บและทำให้เจ็บผู้นั้น สาวรับโดนนางตบจนล้มลงกับพื้นและมีรอยเลือดบนใบหน้า

ทัวป๋าถิงฟางลูบนิ้วที่สาวใช้ทำเจ็บพร้อมเอ่ยด้วยความโมโห “ตัดนิ้วทั้งสิบของนางทิ้ง ! ”

“นายหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ!” ใบหน้าของสาวใช้มีรอยฟกช้ำและเลือดไหลซึมออกมา นางจึงได้แต่ขอร้องอ้อนวอน ทว่าสุดท้ายก็โดนคนลากตัวออกไปอยู่ดี

“นายหญิงไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ ! ” สาวใช้คุกเข่ากรีดร้องอ้อนวอน ขณะร้องไห้ก็สารภาพเรื่องที่เอาเงินไปซื้อยาพิษปลอมและนำส่วนต่างที่ได้ไปใช้จนหมด “บ่าวคิดว่าฤทธิ์ยาแค่ไม่เหมือนสูตรเดิม แต่มิคิดว่ามันจะเป็นของปลอม บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดยกโทษให้ด้วยเจ้าค่ะ”

ขณะฟังคำพูดของนาง ความปรารถนาในใจทัวป๋าถิงฟางก็ค่อย ๆ เติบโต แม้เป็นแค่อนุภรรยาตัวเล็ก ๆ มิอาจสู้กับอันหลิงเกอหรือทัวป๋าหลิวลี่ได้ ทว่าการจัดการกับสาวใช้ยังสามารถทำได้

บางทีอาจเพราะโดนกดขี่ในจวนมานานเกินไป เสียงกรีดร้องโหยหวนภายในเรือนจึงช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของนางได้และสาวใช้ที่ร้องไห้อยู่นั้นก็ทำให้นางรู้สึกเกลียดชังกว่าเดิม

ทัวป๋าถิงฟางลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปลูบเครื่องประดับดอกไม้ที่อยู่กับศีรษะของสาวใช้ ตอนนี้แม้แต่เครื่องประทินผิวยังปกปิดแววตาชั่วร้ายไว้มิอยู่ นางจับจ้องสาวใช้ที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้า จากนั้นริมฝีปากสีแดงก็เหยียดยิ้มบ้าคลั่งออกมา

“บ่าวมิกล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ ! นายหญิง…บ่าวมิกล้าแล้ว ท่านปล่อยบ่าวไปเถิด ปล่อยบ่าวไปเถิดเจ้าค่ะ”

สาวใช้เห็นคนอีกด้านดึงไม้ไผ่ออกมาสองสามลำ ทั้งยังจ้องเขม็งมาที่นางจึงหวาดกลัวจนคลานเข้าไปคว้าเท้าของทัวป๋าถิงฟางไว้ “บ่าวทำไปเพราะบ้านมีหนี้สิน เพราะไร้ทางอื่นแล้วจึงได้ขโมยเงินค่ายาของท่านไป โปรดไว้ชีวิตบ่าวสักครั้งเจ้าค่ะ ! โปรดปล่อยบ่าวไปเถิดเจ้าค่ะ ! ”

“พวกเจ้ารีบมาจับตัวนางออกไป ! แล้วปิดปากของนางเสีย ! ” จากนั้นทัวป๋าถิงฟางก็เตะสาวใช้ให้ออกจากตัวพร้อมชี้นิ้วและตวาดด้วยน้ำเสียงดุร้าย

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องที่ดังไปถึงนอกเรือนก็หยุดลง พร้อมการแสดงในเรือนที่เริ่มต้นขึ้น

ตอนนี้สาวใช้ที่ขโมยเงินถูกจับมือและเท้าไว้แน่น ปากก็ถูกผ้าอุดไว้ เสียงกรีดร้องจึงติดอยู่ในลำคอและทัวป๋าถิงฟางมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น จนสาวใช้หมดสติไปเพราะทนความเจ็บปวดมิไหว ทัวป๋าถิงฟางจึงกล่าวขึ้นว่า “ทำให้ตื่น ในเมื่อกล้าขโมยเงินข้าก็ต้องโดนลงโทษให้สาสม”