บทที่ 228 ผมอยากให้คุณอยู่ข้างๆ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

การรักษาความปลอดภัยในที่รับรองทหารนั้นเข้มงวดมาก ต้องผู้ที่ถือบัตรเท่านั้นที่จะสามารถเข้าออกได้ ที่ลานจอดรถมีรถจอดอยู่เต็มลาน ทอดมองไป มองไม่เห็นหัวแถวของรถเลย

เมื่อเห็นดังนั้น เชอร์รีนก็เกิดลังเล เธอไม่อยากจะเจอสุนันท์ แต่สุนันท์ก็ต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ

แต่ตอนนี้มายืนอยู่ที่หน้าประตูของที่รับรองทหารแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เข้าไป ไม่ใช่เหรอ ?

จูงมือซาราง เธอเดินมาถึงที่หน้าคฤหาสน์ พวงหรีด ถูกวางทอดยาวจากหน้าประตูไปถึงยังห้องโถง คนที่เข้าๆออกๆต่างมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย เคร่งขรึม และเป็นคนมีหน้ามีตาและมีชื่อเสียง

สูดหายใจลึกๆ เดินมาที่หน้าประตู ก็เห็นสุนันท์ที่สวมชุดสีดำยืนอยู่ ดวงตาบวมและแดงก่ำ ข้างๆมีหยาดฝนยืนอยู่ และคอยประคองเธอไว้

เดินเข้าไปหา ท่าทีเชอร์รีนสุภาพเรียบร้อย โค้งคำนับให้ “ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ”

เมื่อเห็นเป็นเชอร์รีน สีหน้าของสุนันท์ก็เปลี่ยนทันที จ้องเขม็งมองเธอ“ใครให้เธอมาที่นี่ ไปเลยนะ ที่นี่ไม่ต้องการความเสแสร้งจอมปลอมของเธอ !”

“มีคนมาแจ้งเรื่องงานศพ ฉันก็เลยมาเพื่อไว้อาลัย คุณคิดมากไปแล้ว”เชอร์รีนกล่าว“จุดสนใจของคุณไม่ควรมาอยู่ที่ฉัน ในวันนี้ ”

งานในวันนี้ เธอต้องคอยดูแลทักทายบรรดาแขกเหรื่อ ไม่ใช่พออ้าปากได้ก็จะหาเรื่องกันแบบนี้

“ฉันขอพูดอีกครั้ง ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ ไปซะ!” สุนันท์กดเสียงต่ำ“ มีคนไปแจ้งข่าว ? เธอคิดว่าจะมีใครไปแจ้งข่าวให้เธอกัน?”

เชอร์รีนกำลังจะตอบกลับ เสียงที่ทุ้มต่ำก็ดังขึ้น “ผมเอง”

จากนั้น ร่างที่สูงใหญ่ของออกัสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนทั้งสอง ไม่เจอกันหลายวัน หนวดเคราของเขาก็ขึ้นเป็นตอ สวมใส่ชุดสูทสีดำ เส้นเลือดฝอยในตาปรากฏชัดเจน ท่าทีอ่อนเพลีย ราวกับไม่ได้นอนมาเป็นเวลานาน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความหล่อเหลาของเขาเลย

สุนันท์จ้องเขม็ง ออกัสกลับมองเลยเธอ อุ้มซารางขึ้นมา และพูดกับเชอร์รีนว่า “ไปกันเถอะ”

พยักหน้าให้ เชอร์รีนก็ไม่ได้หันมองสุนันท์อีก เดินตามหลังเขา ที่ตรงห้องโถงคนที่มาเคารพศพนั้นมีจำนวนมาก แทบไม่หยุดหย่อนเลย

สุนันท์ยังคงจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของเธอ ขณะที่สายตาของหยาดฝนกลับมองไปที่ทั้งสองคน จ้องมองดูพวกเขา

โค้งคำนับให้กับรูปขาวดำหน้าโลงศพ รูปถ่ายขาวดำของคุณหญิงมัทนานั้นมีอารมณ์แจ่มใสมาก ใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอมองซาราง พูดเสียงเบา“สวัสดียายทวดสิลูก”

แม้จะไม่ได้ยิน แต่มันก็เป็นความจริงใจ เธอหวังว่า เขาจะรับความจริงใจนี้ไว้

ซารางกะพริบตาปริบๆ แต่ก็เชื่อฟัง น้ำเสียงสดใส เอ่ยเรียกเสียงเบา“สวัสดีค่ะยายทวด”

เลอแปงก็เห็นคนทั้งสองด้วยเช่นกัน เขาเองก็ดูล้ามาก เดินเข้ามาหา พาเชอร์รีนไปที่ห้องข้างๆ“รีบมากันขนาดนี้ คงเหนื่อยแย่ พักก่อนนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันกับซารางจะนั่งอยู่ตรงนี้ คุณไปทำงานของคุณเถอะ ไม่ต้องมาคอยดูแลเราหรอก ”

เขาออกไปได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ออกัสเดินเข้ามา นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาดึงเนกไทที่ผูกตรงคอออก

หลังจากนั้น เขาก็นั่งลงบนโซฟา เชอร์รีนยังไม่ได้สติ ท่อนแขนแกร่งรวบร่างเธอมาไว้ในอ้อมกอด ฝังใบหน้าลงบนต้นคอขาวที่หอมกรุ่นของเธอ

การกระทำของเขาทำเธอตกใจมาก เธอขัดขืน แล้วดิ้นขยับไปมา ออกัสก็กระชับแขนที่กอดเธอให้แน่นขึ้น“อย่าขยับ ขออยู่แบบนี้ก่อน ขอผมกอดคุณหน่อย แค่แป๊บเดียวก็พอ”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ต่ำจนราวกับมีเสียงสะท้อน และคำพูดก็เหมือนจะร้องขอไปด้วย……

เมื่อได้ยินคำพูดที่ร้องขอของเขา หัวใจของเชอร์รีนก็กระเพื่อมไหว ไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป

ความผูกพันของเขากับคุณหญิงมัทนาเธอเห็นมันมาตลอด เธอรู้สึกได้ ในหมู่ของญาติพี่น้อง เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณหญิงมัทนามากที่สุดแล้ว

ตอนนี้ไม่มีคุณหญิงมัทนาแล้ว ในใจของเขาย่อมต้องรู้สึกเศร้าเสียใจมากกว่าใครอยู่แล้ว

เขาไม่ได้นอนมาเป็นเวลาสามวันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ก็นั่งเฝ้าอยู่ที่ข้างโลงเย็นของหัวหน้ามัทนาตลอด ไม่คลาดสายตาไปไหนเลย

ความเครียดสะสมของร่างกายและจิตใจทำเอาเขาบอบช้ำมาก หาวิธีผ่อนคลายมันไม่ได้ เขาก็จึงต้องกักเก็บมันไว้อยู่อย่างนั้น

ครั้งนี้ได้โอบรัดร่างบางที่นุ่มนวลของเธอ และได้กลิ่นหอมจางๆที่ลอยออกมา ความตึงเครียดที่มีของเขาในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลง

แรงกอดของเขานั้นมีมากพอดู ราวกับจะกลืนกินร่างของเธอกับเขาให้เป็นร่างเดียวกัน กอดแน่น กอดร่างเธอเอาไว้แน่น

“คุณสบายดีไหม ?”ผ่านไปสักพัก เชอร์รีนก็พูดออกมา

“อืม……”เขาตอบกลับ น้ำเสียงแหบพร่า และมีความแหบแห้งที่อธิบายไม่ถูก

“ทำไมจู่ๆหัวหน้ามัทนาถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้?”

“เส้นเลือดในสมองแตก……”

“คุณไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว?”

“……”ครั้งนี้ เขาไม่ได้ตอบ กอดเธออย่างเงียบ ๆ

ความรุนแรงในอารมณ์ยังคงปั่นป่วน ความเจ็บปวดในใจของออกัสยังคงไหลเวียน จากนั้น ก็ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในกระดูก

บรรยากาศเงียบสงบ ยกมือขึ้น เชอร์รีนตบไปที่แผ่นหลังของเขาเบาๆ“คุณหญิงมัทนาท่านไปสบายแล้ว ที่ท่านหวังมากที่สุดก็คือให้พวกคุณไร้ทุกข์ไร้โศก”

ไม่มีคำพูดใดๆ แม้จะผ่านไปสามวันแล้ว ออกัสก็ยังยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

เขาทำตัวเองให้ยุ่ง ทำตัวเองให้เหนื่อย ทำให้ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าหมดแรง มีเพียงแบบนี้ ถึงจะทำให้เขาไม่คิดถึงเธอได้

ถ้าปล่อยตัวให้ว่าง เขาก็จะเอาแต่คิดถึงเธอไม่หยุด คิดถึงทุกช่วงเวลากับคุณหญิงมัทนา ความรู้สึกคลุ้มคลั่งแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่า เสียใจในการกระทำของตัวเอง อึดอัดจนราวกับจะบ้าให้ได้ !

“ออกัส……”เธอพูดเสียงอ่อน น้ำเสียงแผ่วเบามาก แผ่วเบาจนราวกับสายลมที่พัดผ่านเข้ามาที่ใจของเขา“ยังไงหัวหน้ามัทนาก็ต้องจากคุณไปในสักวัน ก็แค่จะเวลาไหนเท่านั้น ท่านอายุมากแล้ว จะอยู่กับคุณไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ชีวิตคนเราล้วนเกิดแก่เจ็บตาย หัวหน้ามัทนาเองก็ด้วยเช่นกัน แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะกะทันหันไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทรมาน ไม่ใช่เหรอ?”

“อืม……”จมูกที่โด่งเป็นสันของเขากดลงตรงผิวที่อ่อนนุ่มของเธอ และตอบกลับ

“คุณไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว?”เขาถามคำถามเดิม เส้นเลือดฝอยที่ดวงตาของเขามันรุนแรงมาก ดูก็รู้ว่าไม่ได้นอนมาเป็นเวลานาน

“สามวัน……”เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ เขาก็ผ่อนคลาย และอ่อนลง

คำปลอบโยนแบบนี้ หยาดฝนก็เคยพูดกับเขา เลอแปงก็ด้วย แต่มันก็ไม่เป็นผลอะไรเลย

แต่พอมันออกจากปากของเธอ ความรู้สึกที่มีในใจก็เริ่มเปลี่ยนไป มันคือความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างคนที่รักกับคนที่ไม่ได้รัก

“คุณต้องพักผ่อน เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ นอนพักสักหน่อยเถอะนะ แค่ครึ่งชั่วโมงก็ยังดี ”

“ผมคิดถึงคุณ ผมอยากเจอคุณ เวลานี้ ผมต้องการแค่คุณอยู่ข้างๆผม……”

เสียงแผ่วเบา น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของออกัสดังออกมา แต่กลับทั้งแห้งและแหบ จ้องมองมาที่เธอ

มือที่ตบหลังของเขาอยู่ก็แข็งค้างไปเล็กน้อย หัวใจเต้นรัว มือและเท้าร้อนผ่าว ชะงักไปครู่หนึ่ง และจึงพูดขึ้นว่า“นอนพักก่อนเถอะนะ คุณต้องพักผ่อน ฉันจะอยู่ตรงนี้ ”