ตอนที่ 196 สะอิดสะเอียนน่าดู / ตอนที่ 197 ไปง้อด้วยตัวเอง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 196 สะอิดสะเอียนน่าดู

 

 

           “สัญญาณแย่?”

 

 

           “เพราะว่าภูเขาตรงนั้นยังไม่มีใครมาบุกเบิก ดังนั้นสัญญาณยังเข้าไปไม่ถึง รอให้บุกเบิกทำโครงการเสร็จ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า ส่งข้อความหาคุณแม่เจียงบอกว่าเขามีธุระต้องออกไปทำ อีกไม่กี่วันจะกลับมา

 

 

           พูดจบก็ปิดมือถือ นอนหลับต่อ

 

 

           โคลงเคลงไปมาตลอดทางจนฟ้ามืดแล้ว ถึงเพิ่งมาถึงตีนเขา ซังจิ่งเรียกปลุกคนข้างๆ ให้ตื่น “ตื่นเถอะ ถึงแล้ว“

 

 

           เจียงมู่เฉินขยี้ตา นอกหน้าต่างรถมืดค่ำลงแล้ว “นี่คือที่ไหน”

 

 

           “ดึกแล้ว พักที่โรงแรมนี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปสำรวจกัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “ได้ ก็ไม่ได้รีบอะไรด้วย ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแล้วกัน”

 

 

           ทั้งสองคนแบกสัมภาระลงจากรถ แล้วเดินตรงเข้าในโรงแรมไป ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นโรงแรม แต่ปัจจัยสภาพแวดล้อมไม่ถือว่าดีมากนัก ช่างแตกต่างกับเคหสถานที่เจียงมู่เฉินอาศัยอยู่ทุกวันลิบลับราวฟ้ากับเหว

 

 

           ยังดีที่เจียงมู่เฉินคนนี้ ถึงแม้จะถูกโอ๋ถูกเลี้ยงประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ทำตัวหัวสูง เขาไม่พูดไม่จา ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปข้างใน

 

 

           ได้ห้องพักมาสองห้อง ทั้งสองคนอยู่กันคนละห้อง เจียงมู่เฉินลาซังจิ่งแล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องทันที

 

 

           ภายในห้องไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเพียบพร้อม มีแค่เตียงหลังหนึ่งกับโต๊ะหนึ่งตัว นอกนั้นไม่มีอะไรสักอย่าง เจียงมู่เฉินนั่งลงบนเตียงหยิบมือถือออกมา หลังจากเปิดเครื่อง ไม่มีสัญญาณอย่างที่คิดไว้จริงๆ กดสไลด์หน้าจอไปมาอยู่ตั้งนานก็ไม่มีสัญญาณอะไรขึ้นมา

 

 

           คิดไปคิดมาเขาไม่เล่นมือถือแล้วดีกว่า ก่อนจะเอนกายนอนบนเตียงครุ่นคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา

 

 

           เรื่องที่เจอที่บริษัทซือเหยี่ยนวันนี้ เขาไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นแล้ว ถึงแม้ตอนที่ได้ยินซือเหยี่ยนพูดแนะนำตัวเขา จะดูห่างเหินเหมือนไม่สนิทกัน ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่พอตอนนี้อารมณ์เย็นลง มาคิดดูอีกที ก็รู้สึกว่าที่ซือเหยี่ยนทำไปแบบนั้นต้องมีเหตุผลของซือเหยี่ยนเอง

 

 

           ถึงแม้จะรู้ว่าซือเหยี่ยนมีความคิดของตัวเอง แต่เวลาได้ยินซือเหยี่ยนพูดแบบนั้น ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

 

 

           เจียงมู่เฉินใจร้อนไม่เป็นสุขจนปิดตาลงไป เวลานี้ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้ต่อไปอีกแล้วจริงๆ สงบสติอารมณ์กันสักสองวันก็ดี

 

 

           มีเรื่องอะไรก็รอให้สงบสติอารมณ์ใจเย็นลงได้ก่อน จะยิ่งทำให้ได้คำตอบได้ง่ายขึ้น อีกอย่างเดิมทีเขาก็ต้องมากับซังจิ่งอยู่แล้ว ได้จังหวะฉวยโอกาสใช้เวลานี้จัดการธุระให้เรียบร้อยพอดี

 

 

           ประตูถูกเคาะทีสองที เสียงไป๋จิ่งดังเข้ามาจากข้างนอก “คุณชายเจียง ออกมากินอะไรกันเถอะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินยันกายขึ้นมาจากเตียง เดินไปเปิดประตู “อืม ไปกัน”

 

 

           ทั้งสองคนไปข้างนอกด้วยกัน ซังจิ่งได้ให้คนเตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดเป็นอาหารป่ากลางเขา เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วมองดูอาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาหารป่าแบบนี้

 

 

           “เป็นไรไป ไม่ถูกปากเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว “นายเป็นคนแรกที่พาฉันกินอาหารป่า แปลกจริงๆ”

 

 

           “ได้เป็นคนแรกที่พาคุณกินอาหารป่า ดีสุดๆ ไปเลย ไม่ว่ายังไงก็ได้เป็นคนแรกเชียวนะ” ซังจิ่งรู้สึกว่า ‘คนแรก’ คำนี้มีความหมายอยู่ไม่เบา

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าซังจิ่งเกินเยียวยาแล้วจริงๆ เรื่องอะไรก็เอามาโยงกับเขาได้ตลอด

 

 

           เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารขึ้นมา ดูจากภาพนอกไม่ค่อยเท่าไหร่จริงๆ แต่พอเอาเข้าปากกลับแปลกไม่เหมือนใคร ชินกับอาหารเลิศรสชั้นดีมากมายก็จริง แต่บางทีได้มาสั่งอาหารแบบนี้กินก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยจริงๆ

 

 

           ซังจิ่งสังเกตดูเจียงมู่เฉินอยู่ตลอด เห็นเขากินได้ไม่ติดขัดก็วางใจแล้ว เขาเอาแต่กังวลว่าคุณชายน้อยผู้นี้คนที่ถูกประคบประหงมเลี้ยงมาพร้อมมาดคุณชายอันใหญ่โต จะไม่คุ้นชินกับการอาศัยอยู่ที่นี่

 

 

           เพียงแต่ว่าตอนนี้ดูท่าว่าคุณชายน้อยจะปรับตัวได้เร็วกว่าเขาอีก

 

 

           ซังจิ่งลูบคางไปมา ไม่ต้องพูดถึงเลย ว่าเขานั้นยิ่งชอบคุณชายน้อยผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองไป๋จิ่งผู้ต่ำตม “กินข้าวสิ นายจะมองฉันทำไม หน้าฉันมีดอกไม้หรือไง”

 

 

           ไป๋จิ่งพยักหน้าเงียบๆ “บนหน้าคุณดูดีๆ มีอะไรติดอยู่จริงๆ นะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว

 

 

           “หล่อน่าดู!” ซังจิ่งตอบอย่างหน้าไม่อาย

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าอาหารไม่กี่คำที่เพิ่งจะกินเข้าไปเมื่อครู่นี้ อีกนิดจะอาเจียนออกมาทั้งหมดแล้ว เพราะโดนอีกคนทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน เขามองไป๋จิง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “บนหน้านายดูดีๆ ก็มีอะไรติดอยู่เหมือนกัน”

 

 

           ซังจิ่งเอ่ยถาม “อะไรเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเผยอปากขึ้นเอ่ยอย่างไม่ใยดี “สะอิดสะเอียนน่าดู”

 

 

              

 

 

ตอนที่ 197 ไปง้อด้วยตัวเอง

 

 

           ซังจิ่งทำไขสือลูบจมูกป้อยๆ เขา…ดูน่าสะอิดสะเอียนมากเลยเหรอ

 

 

           ซังจิ่งผู้โดนด่าไปเต็มๆ ทำได้เพียงนั่งกินข้าวอย่างว่าง่าย ถึงอย่างไรคุณชายน้อยผู้นี้ด่าคนขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ไว้หน้าใครเลยจริงๆ

 

 

           ที่สำคัญคือท่าทางที่เจียงมู่เฉินเอ่ยต่อว่าคนอย่างไม่ไยดีแล้วยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยช่างดูมีเสน่ห์ เขายังชอบอยู่ไม่เบาจริงๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินคร้านจะพูดจากับซังจิ่งต่อ จึงรีบกินยัดๆ เข้าไป แล้วยังดื่มน้ำแกงต่ออีกหน่อย ถึงได้เอนพิงพนักเก้าอี้ นั่งพักครู่หนึ่ง

 

 

           เขาเอียงหัวมองไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกฟ้าสีดำ มีเพียงดวงไฟสองสามดวงที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด ฉายความอ่อนแอบางอย่างออกมา

 

 

           เป็นครั้งแรกที่เจียงมู่เฉินได้มาในสถานที่แบบนี้ ทั้งสงบเงียบทั้งวังเวง ให้ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเงียบงันลงไปหมด

 

 

           เขาลุกยืนขึ้นเดินออกไปทางประตูที่อยู่ด้านข้าง เขายืนใต้แสงไฟมองสิ่งต่างๆ รอบนอก พอมองไปก็เห็นท้องฟ้าที่เหมือนกับใช้ตาข่ายสีดำปกคลุมเอาไว้ทั้งหมดอย่างไรอย่างนั้น มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง

 

 

           เขาดูต่ออีกสักพักก็เงยหน้าสูงขึ้นไปอีก บนท้องฟ้าทั้งหมดคือดวงดาว ประดับประดาอยู่เติมเต็มทั่วผืนฟ้า

 

 

           ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ซังจิ่งเองก็เดินออกมาข้างนอกด้วย เขายืนอยู่ข้างเจียงมู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “รู้สึกว่าที่นี่เงียบเกินไปแล้วใช่ไหม”

 

 

           “ทำไม ประธานซังไม่ชินกับความเงียบสงบขนาดนี้เหรอ”

 

 

           ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “บอกตามตรง ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินจริงๆ” เขาเอียงหัวมองเจียงมู่เฉิน “คุณล่ะ? คุณชินไหม”

 

 

           “เมื่อกี้ยังไม่ค่อยชิน แต่ตอนนี้ก็ยังพอได้ ตามธรรมชาติที่เป็นไปก็เท่านั้นเอง”

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองอีกแวบหนึ่ง “โอเค ฉันจะกลับไปก่อนแล้ว นายค่อยๆ ปรับตัวไปแล้วกัน”

 

 

           ซังจิ่งเอียงหัวมองเจียงมู่เฉินที่เตรียมจะออกไป “บอกตามตรง ผมยังรู้สึกคิดไม่ถึงอยู่บ้างนะ”

 

 

           “หืม?”

 

 

           “คิดไม่ถึงว่าคุณจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่แบบนี้”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ทำไม คิดว่าปกติฉันดื้อรั้นหัวแข็งเกินจะทนหรือไง”

 

 

           “ตอนนี้ผมชอบคุณมากๆ จริงๆ นะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “น่าเสียดาย ฉันเกรงว่าฉันจะชอบนายไม่ลง”

 

 

           “จะชอบหรือไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง ถ้าหากว่าลองดูแล้ว คุณรู้สึกว่าผมคนนี้เหมาะสมเป็นพิเศษ ดีเป็นพิเศษล่ะ?”

 

 

           “ลองดู? เกรงว่าจะยากหน่อยนะ”

 

 

           “คุณว่าผมเทียบกับซือเหยี่ยนแล้ว ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ใช่ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเตะหินที่อยู่ใต้เท้า “อืม”

 

 

           “ถ้างั้นทำไมคุณถึงไม่เห็นผมในสายตาบ้าง” เขาไม่รู้จริงๆ ว่าสรุปแล้วตัวเองเทียบกับซือเหยี่ยนไม่ได้ตรงไหน

 

 

           “ไม่รู้”

 

 

           ซังจิ่งเลิกคิ้ว “ไม่รู้?”

 

 

           “อืม”

 

 

           “ไม่รู้หมายความว่าไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วเลิกคิ้วเงียบๆ “อะไรกัน ฉันไม่เห็นนายในสายตา นายยังจะโทษฉันหรือไง”

 

 

           ซังจิ่ง “…”

 

 

           ‘ดังนั้นที่เจียงมู่เฉินไม่เห็นเขาในสายตา ผิดที่เขางั้นสิ’ ซังจิ่งรู้สึกว่าจริงๆ แล้วตัวเองก็ไม่ได้มีความผิดอะไรขนาดนั้น

 

 

           ……

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินกลับเข้าห้องพัก เอนกายนอนบนเตียงแล้วกลับนอนไม่ค่อยจะหลับ เขามองดูภาพสีดำขลับที่นอกหน้าต่าง พลางหยิบมือถือออกมา แต่พอเห็นว่าสัญญาณสักขีดเดียวก็ไม่มีก็เอาเก็บเข้าไปอย่างเงียบๆ

 

 

           เขาหลับตาลง ไม่มีสัญญาณก็ดี จะได้ไม่ให้ตัวเองคิดอยากจะติดต่อกับซือเหยี่ยน

 

 

           ไม่รู้ว่าหลับตาไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเจียงมู่เฉินก็เข้าสู่นิทราไปเรียบร้อย ไม่มีซือเหยี่ยน พอมานอนคนเดียว ก็รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

 

 

           “ประธานซือครับ หาตำแหน่งของคุณชายเจียงเจอแล้วครับ”

 

 

           “จองตั๋วเครื่องบิน ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้” ซือเหยี่ยนไม่เอ่ยต่อ มุ่งหน้าไปสนามบินทันที

 

 

           “ได้ครับ”

 

 

           “ช่วงนี้บอกกับข้างนอกให้หมดว่าฉันไปดูงานต่างเมือง ติดต่อไม่ได้ ถ้าซูเตอร์มาหาฉัน บอกว่าฉันมีธุรกิจสำคัญมากที่ต้องไปเจรจา ช่วยฉันปฏิเสธให้หมด”

 

 

           “แล้วประธานไป๋ล่ะครับ? จะให้แจ้งข่าวชั่วคราวไหมครับ”

 

 

           ซือเหยี่ยนคิดอยู่พักหนึ่ง “พรุ่งนี้เช้าโทรหาไป๋จิ่ง บอกความจริงกับเขา ให้เขาต้องช่วยฉันปกปิดที่ๆ ฉันจะไป”

 

 

           “ได้ครับ ประธานซือ”

 

 

            กลางดึกซือเหยี่ยนนั่งเครื่องบินมุ่งตรงไปตามเจียงมู่เฉิน เขากุมขมับด้วยความเหนื่อยล้า รอเขาไปง้อด้วยตัวเอง ไปตามคนที่หนีไปให้กลับมาได้ก่อนนะ