ตอนที่ 198 ความรักราคาถูกมาก / ตอนที่ 199 เรื่องราวในอดีตของไป๋จิ่ง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 198 ความรักราคาถูกมาก

 

 

           มั่วไป๋หลับยาวจนถึงกลางดึกถึงเพิ่งจะตื่นขึ้นมา เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วพบว่าทั้งห้องเป็นสีดำมืดไปหมด จังหวะที่เขาเอียงคอก็เห็นใบหน้ายามหลับใหลของไป๋จิ่งเข้าพอดี

 

 

           มั่วไป๋มองดูใบหน้านั้นในระยะประชิด ใจก็ลอยไปนิดหน่อย

 

 

           นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้นอนกันอย่างสงบนิ่งขนาดนี้

 

 

           ครุ่นคิดเรื่องราวอยู่หลายนาที มั่วไป๋ถึงได้ดึงมือของไป๋จิ่งที่วางอยู่บนเอวของตัวเองออก เขาลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง แล้วเดินออกจากห้องนอนไป

 

 

           ยืนที่ห้องรับแขก มั่วไป๋เทน้ำรินใส่แก้วให้ตัวเอง เพิ่งจะตื่นนอนมาก็มีชีวิตชีวาขึ้นบ้างแล้ว เขาเดินไปยืนอยู่ที่ระเบียง ลมพัดโชยให้เสื้อเชิ้ตบนตัวเขาปลิวไสว เผยให้เห็นไหล่ผอมบาง มั่วไป๋กำแก้วในมือไว้แน่น

 

 

           เขาถอนหายใจเงียบๆ โน้มตัวพิงระเบียง ทันใดนั้นก็มีมือๆ หนึ่งจากด้านหลังเข้ามาโอบกอดเขาไว้ในอ้อมอก มั่วไป๋ตะลึงงันไปสักพัก เขากลับไม่ดิ้น แต่เอนซบอกแกร่งไปทั้งแบบนี้

 

 

           “ทำไมลุกมาแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำ

 

 

           “นอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยอยากออกมายืนสักหน่อย” มั่วไป๋ดื่มน้ำเข้าไป แล้วถามต่อ “นายล่ะ ฉันเสียงดังจนทำให้นายตื่นหรือเปล่า”

 

 

           ไป๋จิ่งเกยคางไว้บนไหล่ของมั่วไป๋ “ไข้คุณลดหรือยัง”

 

 

           มั่วไป๋พยักหน้าเล็กน้อย “ลดแล้ว ดีขึ้นเยอะแล้ว”

 

 

           ข้างนอกระเบียงถึงจะเป็นเวลากลางดึกแล้ว แต่แสงไฟทั้งเมืองกลับสว่างแพรวพราว ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง ใบหน้ามุมข้างของมั่วไป๋ยิ่งสะท้อนความอ้างว้างอย่างชัดเจน

 

 

           มือไป๋จิ่งที่โอบกอดเขาไว้อดไม่ได้ที่จะกระชับแน่นขึ้น เขากอดแนบกายชิด เอ่ยที่ข้างๆ หูคนในอ้อมกอด “พูดเรื่องในอดีตของคุณกับผมได้หรือเปล่า”

 

 

           มั่วไป๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “นายอยากจะถามเรื่องแฟนเก่าคนนั้นของฉันสินะ”

 

 

           “ขอโทษ ผมก็แค่รู้สึกว่าคุณดูเหมือนจะได้รับความเจ็บปวดครั้งใหญ่ เพราะเขา”

 

 

           ครั้งแรกที่ได้เข้าหามั่วไป๋ ก็แค่รู้สึกว่าคนคนนี้หน้าตาดี บุคลิกดูเย็นชา ดึงดูดใจตัวเองอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ต่อมาพอค่อยๆ ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกัน ถึงได้รู้ตัวว่านับวันยิ่งใกล้ชิดกันยิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งสงสารเขา

 

 

           โดยเฉพาะยามที่ได้เห็นสีหน้าแสนเย็นชาของเขา ไป๋จิ่งรู้สึกราวกับมีมือๆ หนึ่งเข้าไปจับกุมหัวใจของเขาไว้แน่นอย่างไร้ความปราณี

 

 

           นั่นเป็นความรู้สึกอีกมุมหนึ่งที่ไป๋จิ่งไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน

 

 

           ท่ามกลางความเงียบงัน ไป๋จิ่งคิดว่ามั่วไป๋จะเหมือนกับคราวก่อน จะไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น

 

 

           แต่เวลานี้ จู่ๆ มั่วไป๋ก็เอ่ยเสียงต่ำขึ้นมา “ฉันเคยชอบเขา แต่น่าเสียดาย เขาไม่ชอบฉัน”

 

 

           “ถ้าจะบอกว่านายคิดว่าฉันได้รับความเจ็บปวดอะไรเพราะเขา มันก็ไม่เชิง แต่เป็นฉันเองที่เข้าไปหาเอง”

 

 

           ตอนนั้นเขารู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะทำไม่ต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่เขากลับบินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งโดนไฟแผดเผา เขาถึงได้เข้าใจว่าตัวเองนั้นโง่งมงายสิ้นดี

 

 

           “ไป๋จิ่ง นายคงจะไม่รู้ว่าฉันเคยชอบเขามากแค่ไหน”

 

 

           ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น ร่างกายเกิดสั่นเทาขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ไป๋จิ่งที่กอดเขาอยู่เพียงชั่วพริบตาก็รู้สึกได้ มือที่โอบกอดกระชับแน่น เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่านิดหน่อย “แล้วต่อมาล่ะ”

 

 

           มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ “ต่อมาเหรอ…”

 

 

           “ต่อมาฉันก็เกือบจะตาย หลังจากถูกช่วยชีวิตมาแล้ว ฉันก็ไม่รักเขาแล้ว”

 

 

           จู่ๆ มั่วไป๋ก็หมุนตัวหันกลับมามองไป๋จิ่ง “ดังนั้น ฉันที่นายเห็นในตอนนี้ที่จริงได้ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ฉันที่เป็นแบบนี้ นายยังคิดอยากจะเล่นเกมกับฉันอยู่อีกเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งสบสายตาแสนเย็นชาของเขา ข้างในนั้นไม่มีความหวังแม้เพียงนิด สงบนิ่งราวกับบึงน้ำตายที่ไร้เส้นคลื่น

 

 

           เขาไม่เข้าใจว่าต้องชอบมากสักแค่ไหน ถึงได้เปลี่ยนคนที่มีชีวิตชีวากลายเป็นแบบนี้ในวันนี้ไปได้

 

 

           “ผมไม่ได้คิดจะเล่นเกมกับคุณ” ไป๋จิ่งมองเขาตรงๆ “มั่วไป๋ ผมชอบคุณ ให้ผมดูแลคุณได้ไหม”

 

 

           มั่วไป๋เงียบไปไม่กี่นาที จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา เขาค่อยๆ ดึงมือไป๋จิ่งที่จับแขนเขาอยู่ “ชอบเหรอ”

 

 

           “ชอบคือสิ่งของประเภทที่ราคาถูกมาก เสี้ยวเวลาที่พูดออกจากปากก็ไม่มีราคาแม้แต่สักนิดแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งมองเขาด้วยความตระหนก “ผมพูดจริงๆ ไม่ได้กำลังล้อเล่น”

 

 

           “นายชอบฉันที่ตรงไหนเหรอ” มั่วไป๋มองเขาด้วยท่าทีเรียบเฉย “ใบหน้านี้? ร่างกายนี้? หรือว่าเพราะนายไม่เคยเจอคนอย่างฉัน คนแบบที่นายไม่ได้มาง่ายๆ เลยรู้สึกอยากรู้อยากลองเพียงเท่านั้นเอง?จ”

 

 

 

 

ตอนที่ 199 เรื่องราวในอดีตของไป๋จิ่ง

 

 

           “เพราะเป็นคุณคนนี้ไม่ได้เหรอ”

 

 

           มั่วไป๋ชะงักนิดหนึ่ง “คนเหรอ”

 

 

           “เพราะว่าเป็นคุณ ผมถึงได้ชอบคุณไง” ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำอีกครั้ง

 

 

           ราวกับมั่วไป๋รู้สึกน่าขันจนยกมุมปากขึ้นเบาๆ ถ้าไป๋จิ่งรู้ว่าเขาก็คือ ‘หลินฝาน’ ในตอนนั้น คงจะไม่พูดประโยคในวันนี้ออกมาแน่

 

 

           “นายเองก็ใช้วิธีแบบนี้ง้อคนบ่อยๆ ใช่ไหม” มั่วไป๋หัวเราะเบาๆ ค่อนข้างจะมองเขาด้วยความใคร่รู้

 

 

           “คุณเป็นคนแรก” ไป๋จิ่งบอกไปตามตรง

 

 

           “นายไม่ต้องคิดมาบอกฉันหรอก เพราะคนอื่นเห็นนายก็วิ่งแจ้นใส่นายแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งลูบจมูกปอยๆ “ถึงจะเขินบ้างที่จะยอมรับ แต่ก็เป็นจริงตามนี้”

 

 

           มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ “สุดยอดไปเลย ไม่ปฏิเสธใครที่เข้ามาได้พอดีด้วย”

 

 

           ไป๋จิ่งถอนหายใจ “คุณเห็นว่าผมว่างงานมากหรือไง ยังจะมาไม่ปฏิเสธใครที่เข้ามาอีก”

 

 

           หลายปีมานี้เขาโดนซือเหยี่ยนโขกสับมาตลอด เวลาพักสักนิดก็ไม่มี แล้วจะมีเวลาไปมีความรักกับคนอื่นเมื่อไหร่กัน ตลอดหลายปีมานี้ มั่วไป๋ถือเป็นคนแรกที่เขาตามจีบ

 

 

           “อะไรกัน นายอย่าบอกฉันนะว่า หลายปีมานี้นายจิตใจขาวสะอาดใช้ชีวิตอย่างสันโดษมาตลอด”

 

 

           “นี่คุณเริ่มจะสอบประวัติเรื่องความรักของผมแล้วใช่ไหม” ไป๋จิ่งจงใจเอ่ยหยอกล้อ

 

 

           “นายจะให้ฉันสอบประวัตินายเหรอ” มั่วไป๋ยกมุมปากด้วยท่าทีเย็นชา

 

 

           “ถึงแม้ว่าภายนอกผมจะดูเป็นคนหลายใจไปหน่อย แต่ที่จริงแล้วยังถือว่ารักเดียวใจเดียวมากอยู่” ไป๋จิ่งถอนหายใจ

 

 

           “รักเดียวใจเดียว? นายอย่าบอกฉันนะ ว่านายไม่มีสักคน”

 

 

           “เคยมีอยู่คนหนึ่ง” ไป๋จิ่งเอ่ยเสียงต่ำ

 

 

           มั่วไป๋เลิกคิ้วไม่ค่อยอยากจะถามอีกต่อไป เขารู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องให้ตัวเองลำบากใจแล้ว ฉวยโอกาสสอบประวัติชีวิตส่วนตัวของไป๋จิ่ง อยากจะพิสูจน์อะไรเหรอ

 

 

           ‘พิสูจน์ว่าเขาในตอนที่ตัวเองใกล้จะตาย ข้างกายยังมีคนอื่นอีกเหรอ’

 

 

           เขาเอามือผลักไป๋จิ่งออก “ตอนนี้ฉันง่วงแล้ว ขอตัวไปพักก่อนนะ” เขาพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนไป

 

 

           ไป๋จิ่งยืนอยู่ตรงระเบียงเห็นด้างข้างมีบุหรี่วางไว้พอดี จึงหยิบออกมาจุดไฟมวนหนึ่ง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เหม่อมองออกไปข้างนอก

 

 

           ถ้าคืนนี้มั่วไป๋ไม่ถามเขา เขาคงใกล้จะลืมว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มอบความอบอุ่นให้เขามากมาย

 

 

           แวบแรกที่เจอมั่วไป๋ ก็รู้สึกว่าเขาเหมือนคนคนนั้นในตอนนั้นมากๆ ถึงแม้ว่าบุคลิกเฉพาะตัวจะแตกต่างกันมาก คนคนนั้นอบอุ่นมาก แต่มั่วไป๋กลับเย็นชาจนยากจะเข้าใกล้ได้ เสี้ยวนาทีนั้นที่ได้พบกับมั่วไป๋ ไม่รู้ว่าทำไมเงาสะท้อนของพวกเขากลับทับซ้อนกันได้พอดิบพอดีแบบนี้

 

 

           ถ้าบอกว่าเขาไป๋จิ่งใช้ชีวิตมาตั้งนานขนาดนี้ เคยมีคนที่ทรมานใจจากความละอายอะไรบ้างไหม ก็คงจะมีแค่เขาคนนั้นคนเดียวแล้ว  

 

 

           เขาหลับตาลงเบาๆ ในหัวก็ห้ามเสียงดังก้องของเขาคนนั้นไม่ได้ “ฉันชื่อหลินฝาน ฉันชอบนาย นายจะคบกับฉันไหม”

 

 

           “ชอบผม?”

 

 

           “ใช่สิ ฉันชอบนายมานานมากแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งมองดูเด็กหนุ่มวัยละอ่อนตรงหน้าตัวเองอย่างขำๆ ผิวขาวเกลี้ยงเกลา หน้าตาดีดูจิ้มลิ้ม ดูเหมือนจะไร้เดียงสาเกินไปจนจะถูกหลอกเอาง่ายๆ ทีเดียว

 

 

           “เจ้าหนู ดึกแล้วรีบกลับบ้านไปนอนเถอะ ไม่งั้นคนที่บ้านจะเป็นกังวลได้”

 

 

           หลินฝานชักจะเดือดดาลหน่อยๆ แล้ว เขาอายุยี่สิบแล้วนะ ยังเด็กอยู่ที่ไหนกัน

 

 

           “ฉันจริงจังนะ ไม่ได้ล้อเล่นกับนายสักหน่อย” เขาคิดอยู่ตั้งนานกว่าจะรวบรวมความกล้ามาสารภาพรักกับไป๋จิ่งได้

 

 

           “อะไรกัน นี่ชอบผมจริงๆ เหรอ” ไป๋จิ่งยกมุมปากขึ้น “งั้นคุณรู้ไหม ผมไป๋จิ่ง ต้องการร่างกายไม่ต้องการหัวใจ ถ้าคุณอยากจะคบกับผมจริงๆ ความสัมพันธ์ของพวกเรามีแค่บนเตียงเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว พวกเราไม่มีความสัมพันธ์ใดใดทั้งสิ้น”

 

 

           เขาเห็นเด็กหนุ่มผู้ไร้เดียงสาก็จงใจจะทำให้เขาหวาดกลัว อยากให้เขารับรู้ถึงความลำบาก แล้วถอยหนีห่างไป “ดังนั้นถ้าคุณไม่ยอมรับ หนีไปตอนนี้ยังจะดีกว่านะ”

 

 

           หลินฝ่านกัดริมฝีปาก แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดไตร่ตรองข้อเสนอเมื่อครู่นี้ของเขาอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าเปลี่ยนกลับไปกลับมา

 

 

           ไป๋จิ่งมองดูเขาอยู่หลายนาที คิดว่าตัวเองพูดแบบนี้ไป คงจะทำให้เด็กน้อยตกใจกลัวแล้ว “เอาล่ะ ผมยังยุ่งมากอยู่ อยู่ต่อกับคุณที่นี่ไม่ได้แล้ว คุณรีบกลับบ้านแต่หัวค่ำเถอะ อย่ามาสถานที่แบบนี้อีก”

 

 

           เขาพูดจบก็หมุนตัวคิดจะเดินออกไป แต่กลับโดนหลินฝานจับตัวไว้ก่อน

 

 

           “ฉันคิดดีแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งเลิกคิ้วเงียบๆ

 

 

           “ที่นายพูดมา ฉันตกลงทุกอย่าง” เหมือนหลินฝานนึกถึงอะไรน่าอายขึ้นมาได้ แก้มแดงจัด “ฉันควรจะเป็นคู่…นอนของนาย”