ตอนที่ 1604 ปีศาจ (3)
หลินเฮ่าอวี่แอบปาดเหงื่อและรวบรวมความกล้าเล่าให้กู่อิ่งฟังถึงความไม่ยุติธรรมทั้งหมดที่พวกเขาได้รับในสำนักธาราเมฆ ตลอดการเล่าเรื่อง เขาเอ่ยถึงจวินอู๋ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้ฟังดูเหมือนว่าสภาพอันน่าอับอายของวิหารมารโลหิตทั้งหมดเป็นเพราะจวินอู๋ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเกี่ยวกับเรื่องที่เขาวางแผนจัดฉากจวินอู๋และพยายามทำให้จวินอู๋ยอมจำนนต่อพวกเขา
ยิ่งกู่ซินเยียนได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง นางอยากจะอ้าปากพูดอยู่หลายครั้ง แต่สายตาของกู่อิ่งทำให้นางกลัวจนไม่กล้าพูด
เมื่อหลินเฮ่าอวี่พูดจบ ใบหน้าของกู่อิ่งก็ยังมีรอยยิ้มที่ไม่อาจเข้าใจได้เหมือนเดิม ไม่รู้เลยว่าเขากำลังดีใจหรือโกรธ
“เด็กจากเผ่าจ้าววิญญาณนั่นฟังดูเหมือนจะเก่งพอตัว ด้วยกำลังของคนเพียงคนเดียว สามารถยุยงให้คนจากวิหารอื่นทุกคนหันมาเล่นงานพวกเจ้าได้” กู่อิ่งพูดยิ้มๆ ดวงตาของเขามองตรงไปที่หลินเฮ่าอวี่ ทำให้หลินเฮ่าอวี่ขนลุกเกรียวที่ด้านหลัง
หลินเฮ่าอวี่กลืนน้ำลายเสียงดังและพูดว่า “ใช่ ปกติจวินอู๋ดูเหมือนเงียบๆไม่พูดไม่จา แต่พอพูดทีก็สามารถบิดเบือนความจริงกลับขาวเป็นดำได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
เมื่อกู่อิ่งได้ยินคำว่า “จวินอู๋” ดวงตาของเขาก็ส่องประกายทันที
“จวินอู๋? เจ้าบอกว่าคนจากเผ่าจ้าววิญญาณนั่นชื่อจวินอู๋หรือ?”
“ใช่…….ใช่แล้ว” หลินเฮ่าอวี่พูดพลางกลืนน้ำลาย
“แซ่จวินอีกแล้ว……” กู่อิ่งลูบคาง แววตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หลินเฮ่าอวี่ไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
“จวินอู๋นั่นมีลักษณะแบบไหน?” กู่อิ่งถามอีกครั้ง
หลินเฮ่าอวี่พูดว่า “ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แค่ตัวเล็กๆผอมๆ ทำหน้าเย็นชาทั้งวัน แล้วก็พักอยู่ห้องตรงข้ามกับซินเยียน”
ในหัวของกู่อิ่ง มีภาพของเด็กหนุ่มที่เขาเห็นตรงทางเดินก่อนจะเข้าห้องปรากฏขึ้น
เด็กหนุ่มคนนั้นค่อนข้างคล้ายกับคนในความทรงจำของเขา แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
คนในความทรงจำของเขาก็ตัวเล็กเหมือนกัน แต่เล็กกว่าจวินอู๋อยู่หนึ่งส่วน และที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังของคนผู้นั้นไม่ต่ำต้อยเท่าจวินอู๋ที่หลินเฮ่าอวี่พูดถึง กล่าวได้ว่าจวินอู๋แตกต่างจากคนคนนั้นอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เหมือนกันระหว่างคนทั้งสองก็คือดวงตาเท่านั้น
ทั้งความใสกระจ่างและความเย็นชา เมื่ออยู่บนใบหน้าที่ดูธรรมดามากนั้น ทำให้มันยิ่งดูสวยมากขึ้น
และพวกเขายังแซ่ “จวิน” ทั้งคู่!
เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรืออะไรกันแน่? กู่อิ่งรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก
“พี่ใหญ่กู่อิ่ง……วิหารมารโลหิตของเราถูกจวินอู๋ทำถึงขนาดนี้ มันช่าง……” หลินเฮ่าอวี่ไม่สามารถรู้ได้ว่ากู่อิ่งคิดอะไรอยู่ เขารวบรวมความกล้าพูดออกไปขนาดนี้แล้ว ถ้ากู่อิ่งยังไม่ตอบสนอง เขาก็เครียดแล้วล่ะคราวนี้
กู่อิ่งได้สติกลับมา เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อนำยามาให้สวี่มู่ แม้ว่าข้าจะเคยเป็นศิษย์ของสำนักธาราเมฆ แต่ดูเหมือนสำนักธาราเมฆจะไม่ต้อนรับข้า เกรงว่าเรื่องนี้พวกเจ้าต้องจัดการกันเองแล้ว”
คำพูดของกู่อิ่งทำให้หลินเฮ่าอวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันที่กู่อิ่งยอมทำตามคำสั่งของคนอื่นและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด นี่มันแตกต่างจากกู่อิ่งที่เขาจำได้อย่างสิ้นเชิง ปีศาจร้ายที่มองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นเหมือนกับขยะ!
หลินเฮ่าอวี่รู้สึกผิดหวัง แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
กู่ซินเยียนลอบมองไปที่กู่อิ่งซึ่งกำลังยิ้มแย้ม
หลินเฮ่าอวี่ไม่ได้รู้จักกู่อิ่งเลย แต่นางรู้จักกู่อิ่งดี
นางรู้ดีว่าคำพูดของกู่อิ่งเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน