สีหน้าอึมครึมของเวินหลานฉีกลายเป็นตื่นตะลึง สุดท้ายก็น้ำตาอาบหน้า
“คุณนายฮั่ว คุณดูนี่…” สีหน้าของคุณหมอรู้สึกลังเลอยู่บ้าง
เวินหลานฉีปาดน้ำตา สงบจิตสงบใจลง หลังจากแอบกระซิบกระซาบกับหมอพักหนึ่ง คุณหมอก็เดินออกไป
จิ่งหลานกับเฉิงหมิงทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ตกลงหมอส่งรายงานอะไรให้เวินหลานฉี เพราะมองลอดกระจกหน้าต่างไปเห็นรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเวินหลานฉี
เวินหลานฉีนอนอยู่บนเตียงคนไข้คล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ เธอยังไม่ตื่นจากความเสียใจครั้งใหญ่นี้ แต่ในความเป็นจริงเธอไม่สามารถทนต่อความลังเลได้เลยแม้แต่น้อย
ภายในบ้านใหญ่สกุลฮั่ววันต่อมา ยิ่งคิดฮั่วเทียนเย่ว์ก็ยิ่งไม่ยอม เขาไม่อาจเอาหูไปนา เอาตาไปไร่แบบนี้แค่เพียงเพราะจิ่งหลานปรากฏตัวออกมา เขากลอกตา เตรียมจะกล่าวหาฮั่วจวินโทษฐานทำร้ายคนอื่นในอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนี้ก่อน
ฮั่วเทียนเย่ว์ล้วงโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์คุ้นเคยเบอร์หนึ่ง “จัดงานแถลงข่าวให้ฉัน!”
ใช่ งานแถลงข่าว
ตั้งแต่เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ปูดออกไป ไม่เพียงแต่ทางโรงพยาบาลมีนักข่าวและปาปารัสซี่ดักซุ่มอยู่เท่านั้น ข้างกายเขาเองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ตอนกลับมาเมื่อวาน ยังเห็นนักข่าวหลายคนดักซุ่มอยู่บริเวณละแวกบ้านใหญ่อยู่เลย
เพียงแต่เขาไม่อยากให้สัมภาษณ์พวกเขามาโดยตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ระมัดระวังยิ่งยวด ด้วยกลัวอยู่ลึกๆ ว่าจะโดนจับตามองอยู่
อย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร แพร่ข่าวออกไปว่าลูกชายของตนฆ่าฟันกันเอง ย่อมไม่ใช่เรื่องดีอะไรอยู่แล้ว
หนำซ้ำเขาคิดว่าความจริงเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ จะต้องมีคนล่วงรู้เข้าสักวัน
แต่เขานึกไม่ถึงว่าจิ่งหลานจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ถ้าเรื่องนี้ยังยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ คงเป็นภัยต่อตนเองแทน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนไม่สู้เปิดเผยความจริงออกไปก่อนดีกว่าเหรอ แสดงออกเรื่องนี้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมาเลยไงล่ะ
หลังจากวางสาย ฮั่วเทียนเย่ว์ก็เร่งฝีเท้า เปิดประตูรถ และเหยียบคันเร่งออกไป…
“คุณท่าน เตรียมการเรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม ดี!”
ในเมื่อเป็นงานแถลงข่าว แน่นอนว่าจะอยู่บ้านไม่ได้อยู่แล้ว ฮั่วเทียนเย่ว์ให้คนจัดงานแถลงข่าวในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ห่างจากบ้านใหญ่สกุลฮั่วไม่ไกล ทั้งสภาพแวดล้อมยังนับว่าไม่เลวอีกต่างหาก
ฮั่วเทียนเย่ว์จัดเสื้อผ้าเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก ขมวดคิ้วแน่น และปั้นหน้าปั้นตา เพื่อให้ตนเองดูโศกเศร้าและจนตรอกมาก ผ่านไปเป็นเวลานานถึงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วค่อยเดินตามคนใช้เข้าไป
พอเข้ามาในโรงแรม แสงแฟลชนับไม่ถ้วนก็สาดวิบวับเข้ามาทันที
“คุณฮั่ว ไม่ทราบว่าข่าวลือว่าลูกชายคนรองของคุณ ขับรถชนลูกชายคนโตนั้นเป็นจริงไหม”
“คุณฮั่ว ได้ข่าวมาว่าลูกชายคนรองของคุณตายแล้ว จริงไหม”
“คุณฮั่ว ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง”
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงได้แล้ว และช่วงนี้นักข่าวและปาปารัสซี่ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างยุ่งกันจนร่างแทบแหลก ทั้งโรงพยาบาลและบ้านใหญ่สกุลฮั่วต่างป้องกันคน จึงได้แต่จับตาดูทุกการกระทำอย่างนิ่งๆ ด้วยกลัวว่าจะพลาดข่าวไป ถึงอย่างไรก็เป็นถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์เชียวนะ! เรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นเรื่องเล็กเสียหน่อย
แต่ทางเข้าออกของบ้านสกุลฮั่วนั้นเข้มงวดมาก คนอย่างพวกเขาเหล่านี้ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้โดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทางโรงพยาบาลเลยด้วย
ทางโรงพยาบาลไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย พอได้ยินว่าทางฮั่วเทียนเย่ว์จะจัดงานแถลงข่าวขึ้น แม้ช่วงเวลาจะกระชั้นชิดมาก จนแทบไม่ทันได้เตรียมตัวเลยสักนิด หากแต่ก็ยังมีนักข่าวมากกว่าสิบเฮโลกันมางานแถลงข่าว จนเกือบอัดแน่นเต็มโรงแรม
ทันทีที่เห็นฮั่วเทียนเย่ว์เข้ามา ทุกคนจึงเริ่มยิ่งคำถามกันทันที
มิหนำซ้ำแต่ละคำถามยังคมกริบมากด้วย โดยแทบไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เปลี่ยนคำถามโดยสิ้นเชิง
ข่าวเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นแพร่สะพัดไปเป็นวงกว้าง แทบทุกคนต่างเล่าลือกันว่าภายในสกุลฮั่วฆ่าฟันกันเอง หากแต่ทุกคนยังคงหวังว่าจะได้ยินเขายอมรับจากปากตัวเอง
อย่างไรเสียอธิบายด้วยตัวเอง กับให้ทุกคนคาดเดาไปต่างๆ นานา ความเห็นจากทั้งสองย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ฮั่วเทียนเย่ว์แอบหยิกตัวเองไปทีอย่างรุนแรง ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา เพื่อแสดงออกชัดถึงความรู้สึกเสียใจต่อการสูญเสียลูกชาย
“ไม่ผิด…เพราะผมเลี้ยงดูสั่งสอนไม่เข้มงวด รวมถึงประสานไม่เหมาะสม ทำให้ลูกชายคนรองของผมอาฆาตแค้นลูกชายคนโตมาตั้งแต่เกิด สุดท้ายก็ถูกบีบบังคับจนคิดจะขับรถชนลูกชายคนโตให้ตาย…” ฮั่วเทียนเย่ว์พูดไป ก็พลอยปาดน้ำตาไปด้วย พยายามอย่างสุดความสามารถให้น้ำเสียงของตัวเองเจือแววสั่นเครือ แม้เขาจะไม่ได้ทุกข์ใจขนาดนั้น ออกจะอยากหัวเราะด้วยความดีใจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แม้ฮั่วฉินเยี่ยนจะยังไม่ตาย และเวินหลานฉียังมีชีวิตอยู่ แต่ฮั่วฉินเยี่ยนนั้นกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ข่าวนี้ยังคงทำให้เขาดีใจยิ่งนัก
“ถ้าอย่างนั้นขอถามคุณฮั่ว ว่าทำไมฮั่วจวินลูกชายคนรองของคุณ ถึงเกิดเคียดแค้นประธานฮั่วขึ้นมาล่ะคะ”
“เฮ้อ…ก็เพราะลูกชายคนโตของผมถือว่าตนเองมีตงหยวนเป็นแบ็ค และไม่พอใจจวินเอ๋อร์ เลยพยายามกำจัดเขาให้สิ้นซากมาตลอด สุดท้ายจวินเอ๋อร์เลยทนไม่ไหวในที่สุด แต่ผมนึกไม่ถึงว่าเขาจะแยกแยะไม่ออกเช่นนี้ ถึงขนาดทำเรื่องแบบนี้อา…” ฮั่วเทียนเย่ว์ปิดหน้าร้องไห้กระซิก
“งั้นฮั่วจวินลูกชายคนรองของคุณตายในที่เกิดเหตุดังข่าวลือไหมคะ แล้วตอนนี้ประธานฮั่วเป็นยังไงบ้าง บอกพวกเราได้ไหมคะ”
นักข่าวพวกนี้อยากพูดอะไรก็พูดจริงๆ แม้เขาจะไม่ได้เห็นใจการตายของฮั่วจวินเลยแม้แต่น้อย แต่นักข่าวพวกนี้ไม่ว่าอะไรก็กล้าถาม จนในใจฮั่วเทียนเย่ว์เกิดไม่สบายใจ
“ใช่…จวินเอ๋อร์ตายแล้ว…แม้ชีวิตของฉินเยี่ยนจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ก็สลบไสลเป็นเจ้าชายนิทรา คุณหมอบอกว่าเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว…” ในที่สุดฮั่วเทียนเย่ว์ก็ได้ยินนักข่าวกลุ่มนี้ถามถึงประเด็นสำคัญ จึงรีบตอบกลับทันที
“แล้วใครจะมารับช่วงดูแลตงหยวนกรุ๊ปล่ะคะ”
ฮั่วเทียนเย่ว์ได้แต่ร่ำร้องว่าดีเงียบๆ ในใจ
“ตอนแรกในพินัยกรรมของคุณปู่ฮั่วบอกไว้ ว่าถ้าฉินเยี่ยนไม่อาจรับช่วงดูแลตงหยวนต่อได้ จะให้ทายาทของเขามารับช่วงแทน แต่ตอนนี้ทุกท่านคงรู้ ว่าฉินเยี่ยนไม่มีลูกเลย ดังนั้น…พ่ออย่างผมคนนี้จึงได้แต่ฝืนใจกล้ำกลืนขึ้นมารับหน้าที่แทน ตงหยวนจะขาดผู้นำไปสักวันไม่ได้!”
“นี่คือเรื่องจริงเหรอ คุณฮั่วคุณอยากเข้าควบคุมตงหยวนต่อจริงเหรอ” นักข่าวด้านล่างอดสงสัยไม่ได้อยู่บ้าง ฮั่วเทียนเย่ว์มีความสามารถแค่ไหน พวกเขาต่างรู้กันดี เขาจะทำได้จริงเหรอ
ให้ตายสิ ยังมาอะไรจริงปลอมอีกล่ะ นี่กำลังกังขาตนอยู่ใช่ไหม ฮั่วเทียนเย่ว์คิดอย่างโมโห
“ใช่…นี่คือเรื่องจริง ที่ผมจัดงานแถลงข่าววันนี้ขึ้น ก็เพราะอยากอธิบายเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นรีบล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ! ตงหยวนยังคงเป็นของสกุลฮั่ว!” ฮั่วเทียนเย่ว์รู้สึกตื่นเต้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฮั่วเทียนเย่ว์โบกมือเป็นสัญญาณว่าสิ้นสุดงานแถลงข่าว แล้วเดินลงจากเวทีไปอย่างช้าๆ จนเหลือแต่แสงแฟลชตามหลังเขา
ภายในโรงพยาบาล
เพล้ง!
เวินหลานฉีหน้าซีด เธอทำถ้วยชาตกลงบนพื้นอย่างแรง
เฉิงหมิงมองเธออย่างเป็นห่วง “คุณนาย คุณ ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เวินหลานฉีควบคุมตัวเองได้ดีมาแต่ไหนแต่ไร นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เฉิงหมิงเห็นเธอโมโหขนาดนี้
แต่จะว่าไปฮั่วเทียนเย่ว์นี่ไม่ได้เรื่องเกินไปจริงๆ เพื่อแย่งชิงตงหยวนแล้ว ไม่นึกเลยว่าแม้แต่งานแถลงข่าวพรรค์นี้ยังจัดขึ้นมาได้
คนหน้าด้านนั้นใช่ว่าจะไม่เคยเจอ แต่หน้าด้านขนาดนี้เขาไม่เคยเจอมาก่อนเลยจริงๆ
ช่างไม่เห็นแก่ชื่อเสียงของสกุลฮั่วและลูกชายตัวเองเสียจริง ถึงกับยอมรับกับคนนอก ว่าพี่น้องฆ่าฟันกันเองภายในสกุลฮั่วเร็วขนาดนี้เลยนะ
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฮั่วเทียนเย่ว์ก็เป็นคนในสกุลฮั่ว เป็นพ่อของประธานอยู่ดี แม้พวกเขาเหล่านี้จะเห็นแล้วไม่สบายใจนัก แต่ก็ทำได้แค่มองอย่างเงียบๆ เท่านั้น
กว่าประธานฮั่วจะมีหน้ามีตาในสายตาของคนนอก ความจริงก็ไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเลย พอมาเจอพ่ออย่างฮั่วเทียนเย่ว์ แล้วแทบจะทำคนบ้าไปเลย พอประธานฮั่วอยู่ในสภาพไม่ได้สติอย่างตอนนี้ ภาระหนักเหล่านี้ก็กดทับบนตัวเวินหลานฉีในพรวดเดียว
ไม่ พูดให้ถูกคือเวินหลานฉีต้องรับช่วงเองสิ ตั้งแต่เช้าวันนี้เป็นต้นไป เวินหลานฉีจะเริ่มนั่งดูข้อมูลและเอกสารของตงหยวน รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับพินัยกรรมของคุณปู่ฮั่วคร่าวๆ อยู่บนเตียงคนไข้
“ไม่เป็นไร!” เวินหลานฉีตีหน้าขรึม มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น เธอแทบบีบคั้นลอดไรฟันออกมาสองสามคำอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หัวคิ้วก็พลอยขมวดแน่น
ท่าทางเช่นนี้ช่างคล้ายกับประธานจริงๆ เลยนะ เฉิงหมิงคิดอย่างหดหู่ใจ ถ้าเป็นประธาน เกรงว่าก็คงมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้เหมือนกันละมั้ง
ไอ้แก่สมควรตายนั่น นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าแม้แต่คำพูดแบบนี้ เขายังจะพูดออกมาได้
ไม่เป็นไร?
เธอไม่เป็นไรสิแปลก!
ฮั่วฉินเยี่ยนเพิ่งจะไม่ได้สติไปนานเท่าไรเอง แต่เขาแย่งชิงอำนาจบริหารตงหยวนงั้นเหรอ ไม่เป็นห่วงเลย ว่าลูกชายตัวเองจะเป็นตายร้ายดียังไงจริงเหรอ
ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้างละก็ เกรงว่าตอนนี้เธอคงพุ่งไปบีบไหล่ และออกแรงเขย่าไอ้แก่นั่นอย่างโหดเหี้ยม แล้วเทสมองเขาออกมาดู ว่าข้างในใส่อะไรลงไปบ้าง
เมื่อก่อนยังคิดว่าแม้ในด้านความรู้สึกผู้ชายคนนี้จะเลว หนำซ้ำยังไม่มีความสามารถอะไร แต่นับแต่ฮั่วฉินเยี่ยนรับช่วงต่อตงหยวนนั้น แม้ในใจฮั่วเทียนเย่ว์จะไม่เต็มใจอยู่บ้าง หากแต่ก็ทำได้แค่เพียงถอยออกไปอย่างเงียบๆ แต่ช่วงก่อนหน้านี้เขาก็เริ่มประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง ก่อนนี้เป็นเรื่องคลิปวิดีโอ พอมาหลังนี้ก็จัดงานแถลงข่าวขึ้นอีก แล้วครั้งนี้ยังเป็นอย่างนี้อีกเหรอ
งานแถลงข่าว? หรือเขาจะเสพติดไปแล้ว?
ตลอดหลายปีมานี้ฮั่วฉินเยี่ยนไม่เคยทำให้พวกเขาผิดหวังเลย ไม่ว่าจะเรื่องของกินของใช้ เขาไม่เคยปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไร
จะว่าผูกพันดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แค่อยู่ด้วยความสงบไม่ทะเลาะกันก็พอแล้ว ตั้งแต่เรื่องคลิปครั้งก่อน มาจนถึงเรื่องฮั่วจวินตอนหลังนี้ เวินหลานฉียังคิดว่าฮั่วเทียนเย่ว์จะไม่ออกนอกลู่นอกทางนับแต่นี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ทว่านึกไม่ถึงว่าจะออกนอกลู่นอกทางแบบนี้อีก เรื่องเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ก็รีบร้อนแพร่งพราย เรื่องพี่น้องฆ่าฟันกันเองภายในตระกูลตัวเองออกไปงั้นเหรอ แค่นี้ยังคิดว่าเรื่องอัปยศภายในสกุลฮั่วไม่มากพออีกเหรอไง
ยิ่งคิดเวินหลานฉีก็ยิ่งโมโห ฮั่วฉินเยี่ยนยังรอสังเกตอาการอยู่ในห้อง ICU อยู่เลย แต่ไอ้แก่ฮั่วเทียนเย่ว์กลับเริ่มคิดถึงอำนาจบริหารตงหยวนงั้นเหรอ
นี่มันตั้งใจบีบให้เธอเวินหลานฉีลงมือตีโต้เลยนะ ตอนแรกเวินหลานฉียังไม่อยากตีโต้กลับเร็วขนาดนี้ เธออยากรออีกสักหน่อย รอให้บาดแผลของตัวเองดีขึ้นอีกหน่อย อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ออกไปพบผู้คน ทั้งที่ยังมีผ้าก๊อซพันหน้าผากอยู่อย่างตอนนี้ละนะ
หากแต่ตอนนี้เวินหลานฉีไม่ไหวขนาดนั้นแล้ว เธอไม่อาจมองบริษัทอย่างนิ่งดูดาย บริษัทที่ฮั่วฉินเยี่ยนพยายามต่อสู้สุดชีวิตต้องตกไปอยู่ในมือของฮั่วเทียนเย่ว์เช่นนี้ และไม่อาจมองดูชื่อเสียงของฮั่วฉินเยี่ยนแปดเปื้อนโคลนตมของฮั่วเทียนเย่ว์ไปทีละนิดได้
จิ่งหลานมองเวินหลานฉีอย่างเป็นห่วงอยู่บ้าง บาดแผลของเธอเองยังไม่สมานดี และยังไม่มีเวลาทำความเข้าใจเรื่องที่ฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้สติจนอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องรีบหันกลับไปเผชิญหน้าฮั่วเทียนเย่ว์ในทันทีอีก
สายตาของจิ่งหลานเต็มไปด้วยความปวดใจ ทว่าก็ไร้เรี่ยวแรงจะห้ามปรามเวินหลานฉี จึงทำได้แต่พยายามแบ่งเบาภาระบางส่วนแทนเธอ เท่าที่ตนจะทำได้อย่างสุดความสามารถ