ตอนที่ 1966

 

หนึ่งวันต่อมา

 

ยานอวกาศสีดาที่เหมือนกับปลาวาฬนี้ก็ได้ออกเดินทางไปจากทางตะวันออกของจักรวาลและมุ่งหน้าตรง

 

อยู่บนยานล่านี้แล้วและกําลังออกมุ่งหน้าไปสู่ศูนย์กลางของจักรวาล

 

ในห้องโถงของยานอวกาศ อัจฉริยะจํานวนมากในทางตะวันออกของจักรวาลก็กําลังรวมตัวกัน

 

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมสีน้ําเงินก็กําลังยืนอยู่ตรงหน้าห้องโถงนี้ ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นต่างก็ให้ความเคารพนับถือชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นอย่างมาก ไม่เผยให้เห็นท่าทางที่ยโสโอหังแม้แต่น้อย

 

เพราะว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือเซนต์นั่นเอง

 

เมื่อทุกๆคนได้ยืนอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนผู้นี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ เหมือนว่าจะเป็นพลังอํานาจที่เผด็จการอย่างยิ่ง บรรยากาศรอบๆเหมือนจะกดทับลงมา เหมือนกับว่าทั่วทั้งยานอวกาศนี้ กลายเป็นศัตรูกับพวกเขา

 

แน่นอนว่าแรงกดดันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชายวัยกลางคนผู้นี้ตั้งใจจะปล่อยออกมา แต่เป็นเพราะว่านี่คือออร่าที่ทรงอำนาจที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเซนต์ตามธรรมชาติเท่านั้น

 

เพียงแค่เศษเสี้ยวของออร่า ก็แทบทําให้ทุกคนหายใจอย่างยากลําบาก นี่คือความแตกต่างทางแก่นแท้ของชีวิต เหมือนกําลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งซึ่งอยู่ในระดับที่เหนือกว่าในห่วงโซ่อาหาร

 

“การที่พวกเจ้ามีโอกาสได้เข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นนั้น มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเจ้าแต่ละคนต่างก็เป็นอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์มนุษย์”

 

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีน้ําเงินได้เริ่มพูดขึ้นมา “ทว่าการที่พวกเจ้ามีต้นกําเนิดมาจากทางตะวันออกของจักรวาลและไม่เคยไปที่ศูนย์กลางของจักรวาลมาก่อน ข้าจึงต้องย้ําเตือนพวกเจ้าในบางเรื่อง ศูนย์กลางของจักรวาลและภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่คือภูมิภาคแกนหลักของจักรวาล เป็นสถานที่ที่เผ่าพันธุ์ทั้งมวลแก่งแย่งชิงอํานาจกัน ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนทั่วทั้งจักรวาลต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่ การที่ต้องการจะเข้าไปในศูนย์กลางของจักรวาลนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

 

ผู้มีพรสวรรค์แต่ละคนในทางตะวันออกของจักรวาลก็พยักหน้าไปตามๆกัน พวกเขาสามารถเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลได้อย่างอิสระ ราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็ว่าได้เดินทางไปมาอยู่ตลอด

 

ทว่าศูนย์กลางของจักรวาลกลับแตกต่างออกไป ไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปได้ เหมือนว่านอกจากยานอวกาศของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นและวิหารแห่งความมืดนั้น ยานอวกาศล่าอื่นๆไม่สามารถที่จะผ่านเข้าไปได้

 

“เชื่อว่าพวกเจ้าก็คงจะสงสัยกันอย่างมากว่าเหตุใดยานอวกาศล่าอื่นๆถึงเดินทางเข้าไปในศูนย์กลางของจักรวาลไม่ได้ อันที่จริงนี่ไม่ใช่ข้อกาหนดใดๆของผู้มีอิทธิพลในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ได้มีกฎข้อบังคับใดๆที่หักห้ามไม่ให้มนุษย์คนอื่นเข้ามาในศูนย์กลางของจักรวาล ทว่าในความจริง ต่อให้จะต้องการเข้าไปจริงๆ ผู้คนปกติทั่วไปก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปได้” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีน้ําเงินก็กล่าวอย่างต่อเนื่อง

 

“ส่วนเหตุผลที่ว่าทําไมเข้าไปไม่ได้นั้น ก็เป็นเพราะว่าทั่วทั้งศูนย์กลางของจักรวาลถูกครอบคลุมไปด้วยพายุ อวกาศ พายุนี้ทอดยาวออกไปกว่าล้านล้านปีแสง ยานอวกาศปกติทั่วไปไม่สามารถที่จะข้ามผ่านพายุระดับนี้ เพื่อเข้าไปสู่ศูนย์กลางของจักรวาลได้ มีเพียงแค่ยานอวกาศระดับเซนต์เท่านั้นที่สามารถต้านทานพายุอวกาศระดับนี้ได้ และเข้าไปในศูนย์กลางของจักรวาลได้อย่างราบรื่น”

 

เขาก็ชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นก็มีภาพเสมือนจริงปรากฏขึ้นมา เห็นเพียงแค่ว่านี่คือสถานการณ์ของศูนย์กลางของจักรวาล เหมือนว่าจะลูกบอลทรงกลมขนาดยักษ์

รอบๆภูมิภาคแห่งนี้ครอบคลุมไปด้วยพายุอวกาศ เหมือนว่าจะแยกออกไปจากพื้นที่อื่นๆรอบๆ แยกระหว่างศูนย์กลางของจักรวาลและภูมิภาคอื่นๆ ดูเหมือนว่าจะแยกภูมิภาคนี้ออกไปจนเหมือนกับเป็นเกาะกลางทะเลก็ว่าได้

 

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”

 

เซียปิงก็เข้าใจได้อย่างกะทันหัน เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงไม่ค่อยได้พบเห็นมนุษย์ในศูนย์กลางของจักรวาล หากอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะเดินทางออกไปสู่ภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลได้

 

เพราะถึงอย่างไรการที่ต้องการจะเข้าออกศูนย์กลางของจักรวาลได้อย่างอิสระนั้น จําเป็นที่จะต้องมียานอวกาศระดับเซนต์เป็นของตนเอง แต่ปัญหาก็คือว่ามีที่ไหนที่ผู้คนปกติธรรมดาจะสามารถครอบครองยานอวกาศ ระดับเซนต์ได้

 

แม้แต่ลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเหล่านี้ก็ยังไม่ได้มีสถานะทางการเงินในระดับนั้น ทําได้ เพียงแค่ออกไปเมื่อได้รับภารกิจจากทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเท่านั้น นํายานอวกาศของทางองค์กร ออกไปสู่สถานที่อื่นๆ

 

ทว่ามนุษย์ในภูมิภาคอื่นๆและเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่นั้น ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เดินทางด้วยยานอวกาศระดับเซนต์อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเข้าไปในศูนย์กลางของจักรวาลได้ เพียงแค่รู้ว่ามีสถานที่เช่นนี้อยู่

 

“อย่าคิดว่าศูนย์กลางของจักรวาลจะมีขนาดเล็กเหมือนอย่างที่เห็นในภาพนี้ ทว่าในความเป็นจริงพื้นที่อาณาเขตของมันกว้างใหญ่ยิ่งกว่าทั้งสี่ภูมิภาครวมกันตั้งไม่รู้กี่เท่า เรียกได้ว่าเป็นภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาล”

 

ชายวัยกลางคนชุดน้ําเงินก็กวาดสายตามองไปรอบๆและกล่าวออกมา “เพราะว่าศูนย์กลางของจักรวาลเป็นสถานที่ที่พิเศษอย่างมาก มีพื้นที่ทับซ้อนกันในทุกหนแห่ง ข้างในจึงไม่มีสิ่งที่เรียกกันว่าดาวเคราะห์ ทว่ามันมีการดํารงอยู่ของโลกธาตุขนาดเล็กที่มีกฎของฟ้าดินที่เป็นเอกลักษณ์อยู่”

 

“ในศูนย์กลางของจักรวาล โลกธาตุขนาดเล็กนั้นมีเป็นจํานวนมากมายราวกับเส้นขนก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่มีโลกใหม่ถือกําเนิดขึ้นมา พื้นที่ของศูนย์กลางของจักรวาลก็จะขยายออกไปเช่นกัน”

 

เมื่อได้ยินคําเหล่านี้ บางคนก็เอ่ยถามไปทันที “ท่านเซนต์ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าศูนย์กลางของจักรวาลเป็นเขตพื้นที่ที่เผ่าพันธุ์ทั้งมวลแก่งแย่งชิงอํานาจกัน นั่นหมายความว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราก็กําลังแย่งชิง โลกต่างๆในภูมิภาคนี้อย่างนั้นรึ?”

 

“ใช่ ฉลาดมากที่มองเห็นความจริงข้อนี้ได้”

 

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีน้ําเงินก็พยักหน้า “โลกธาตุขนาดเล็กเหล่านี้ที่ถือกําเนิดขึ้นมาในศูนย์กลางของจักรวาลนั้น แอบแฝงไปด้วยทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่ภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลจะเทียบด้วยได้เลย”

 

“สมุนไพรวิญญาณหมื่นปีและสมุนไพรวิญญาณแสนปีที่หายากอย่างมากในทางตะวันออกของจักรวาลนั้น ทว่าในศูนย์กลางของจักรวาลนี้มันกลับมีอยู่ทั่วไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นที่หาได้ในทุกที่ ทว่ามันก็ไม่ถือว่าเป็นทรัพยากรที่หายากแม้แต่น้อย

 

“หากสามารถครอบครองโลกธาตุขนาดเล็กเหล่านี้ได้ มันจะเทียบเท่าได้กับการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติของโลกขนาดเล็กมา ความมั่งคั่งที่จะจัดหามาให้กับเผ่าพันธุ์ได้นั้น นั่นจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายด้วยคําพูดได้เลย”

 

“การแย่งชิงโลกในศูนย์กลางของจักรวาล เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันในศูนย์กลางของจักรวาลนี้ เพื่อที่จะแย่งชิงโลกที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์นั้น เผ่าพันธุ์จํานวนนับไม่ถ้วนก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ก่อสงครามขึ้นมา ซึ่งมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนนับไม่ถ้วน”

 

น้ําเสียงของเขาฟังดโหดร้ายอย่างมาก แอบแฝงไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด

เรียกได้ว่าศูนย์กลางของจักรวาลนั้นเป็นสถานที่ที่เกิดการฆ่าฟันกันระหว่างเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนของจักรวาลเป็นประจํา ทุกๆครั้งที่เกิดสงครามขึ้นก็จะมีเผ่าพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไป

 

“ท่านเซนต์ ไม่ทราบว่าตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราได้ยึดครองโลกในศูนย์กลางของจักรวาลมามากแค่ไหนแล้ว?”

 

บางคนก็เอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“โลกขนาดเล็กนั้นมีเป็นจํานวนที่ไม่สามารถนับได้ ทว่าหากเป็นโลกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์นั้น ในขณะนี้ก็คงจะมีราวๆเก้าร้อยล้านใบ” ชายชุดสีน้ําเงินก็พูดออกไปอย่างเรียบเฉย

 

เก้าร้อยล้านใบ?!

 

ผู้มีพรสวรรค์จํานวนมากก็กลั้นหายใจไปตามๆกัน จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ สมแล้วที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเขาเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ระดับสูงสุดของจักรวาล แม้แต่ในเขตภูมิภาคที่เผ่าพันธุ์ทั้งมวล แก่งแย่งชิงอํานาจกันก็ยังสามารถยึดครองโลกมาได้ถึงเก้าร้อยล้านใบ

 

“อย่าตื่นตระหนกตกใจกันเกินไป”

 

ชายชุดนําเงินก็กวักมือพร้อมกับเอ่ยออกมา “ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราปกครองโลกเก่าร้อยล้านใบที่อยู่ในเขตธรรมดาเท่านั้น สําหรับเขตพิศวงหรือแม้แต่เขตต้องห้าม พลังอํานาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา ในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถขยายอิทธิพลออกไปได้มากนัก”

 

หลังจากนั้นก็มีผู้คนที่สอบถามไป ต้องการที่จะรู้ว่าเขตธรรมดาและเขตอื่นๆคืออะไร พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

ทว่าก็ไม่ทันรอให้ชายชุดนําเงินได้ตอบกลับไป ลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นที่อยู่ข้างๆก็อธิบายออกไปทันที ถึงแม้ว่าทั่วทั้งศูนย์กลางของจักรวาลจะมีโลกจํานวนนับไม่ถ้วนที่ถือกําเนิดขึ้นมา ทว่ามันก็ยังมีการแบ่งออกเป็นสามเขตใหญ่ๆด้วยกัน นั่นก็คือเขตธรรมดา เขตพิศวงและเขตต้องห้ามเรียงตามล่าดับ

 

สิ่งที่เรียกว่าเขตธรรมดา โลกข้างในเขตนี้จะเป็นโลกที่ผู้คนทั่วๆไปสามารถอาศัยอยู่ได้

 

ทว่าโลกข้างในเขตพิศวงนั้น ผู้คนปกติทั่วไปไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างแน่นอน มีเพียงแค่เซนต์เท่านั้นที่จะก้าวเข้าไปได้

 

อย่างไรก็ตาม ในเขตพิศวงก็มีสมบัติอยู่นับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าความมั่งคั่งของโลกๆหนึ่งในเขตพิศวงนั้น สามารถเทียบได้กับโลกหนึ่งล้านใบในเขตธรรมดา

 

สําหรับเขตต้องห้าม นั่นคือสถานที่ที่แม้แต่เซนต์ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง เซนต์ที่ล้มตายหายจากอยู่ข้างในนั้นก็มีเป็นจํานวนที่ไร้ที่สิ้นสุด ว่ากันว่ามันคือเขตพื้นที่ที่แอบแฝงไปด้วยความลับที่เพียงพอจะทําลายจักรวาลได้