ตอนที่ 1967

 

“น่าสนใจจริงๆ”

 

เซี่ยปิงก็เผยสายตาเป็นประกาย ในตอนนี้เขาก็ล่วงรู้เกี่ยวกับข้อมูลของศูนย์กลางของจักรวาลมากขึ้น ถูกแบ่งออกเป็นสามเขตด้วยกัน นั่นก็คือเขตธรรมดา เขตพิศวงและเขตต้องห้าม

 

“ท่านเซนต์ เขตพิศวงนั่นร้ายกาจถึงเพียงนั้นเลยรึ? อันที่จริงข้างในมีความลับอะไรซ่อนอยู่กัน?”

 

บางคนที่เอ่ยถามออกไป

 

“แน่นอนว่าร้ายกาจ”

 

ชายวัยกลางคนชุดสีน้ําเงินก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉย “โลกที่พวกเผ่าพันธุ์มังกรอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อโลกมังกรนั้น โลกใบนี้ก็อยู่ในเขตพิศวงเช่นกัน”

 

“ตระกูลนับไม่ถ้วนของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เซนต์จํานวนมากของพวกมันก็อาศัยอยู่ในโลกที่อยู่ในเขตพิศวง โลกปีศาจที่กล่าวขานกัน เขตพิศวงคือที่ที่ตั้งรกรากถิ่นฐานของพวกมัน”

 

“นอกจากนี้ก็ยังมีโลกกิเลน โลกฟีนิกซ์ โลกรวมธาตุ โลกต้นไม้ยักษ์และอื่นๆอีกมาก เรียกได้ว่าเขตพิศวงเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์ที่ทรงอานาจมากมาย”

 

เขาอธิบายว่าเผ่าพันธุ์ระดับสูงของจักรวาลมากมายมีต้นกําเนิดมาจากเขตพิศวง ตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่นั่น

 

แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มีโลกที่ทรงอํานาจอยู่ในเขตพิศวงเช่นกัน ทว่าโลกเช่นนั้นเป็นโลกที่ผู้คนปกติธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ มีเพียงแค่เซนต์เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติในการก้าวเข้าไป

 

“ถ้าอย่างนั้นโลกปีศาจที่ข้าเข้าไปในครั้งก่อนก็อยู่ในเขตพิศวงของศูนย์กลางของจักรวาลอย่างนั้นรึ?”

 

เซี่ยปิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทว่าหลังจากที่เขาลองคิดดูดีๆ โลกปีศาจที่เขาได้เข้าไปก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่ใช่โลกปีศาจในเขตพิศวง ทว่าเป็นโลกห้วงมิติที่เซนต์ปีศาจจํานวนมากสร้างขึ้นมา

 

มันดูเหมือนกับเป็นโลกปีศาจ เหมือนว่าจะมีเผ่าพันธุ์ปีศาจมากมายอาศัยอยู่ ทว่านั่นเป็นโลกเลียนแบบที่เซนต์ปีศาจจํานวนมากสร้างขึ้นมาเพื่อฝึกฝนบรรดาทายาทอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่มีทางที่จะเทียบได้กับโลกปีศาจที่อยู่ในเขตพิศวง

 

ปัง!

 

ในตอนนี้ ยานอวกาศสีดําก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย เหมือนว่าจะชนเข้ากับอะไรบางอย่าง หยุดลงชั่วคราว

 

“โอ้ พวกเรามาถึงขอบรอบนอกของศูนย์กลางของจักรวาลแล้ว”

 

ชายวัยกลางคนชุดน้ําเงินก็โบกมือออกไป ไม่คาดคิดว่าเผดานของยานอวกาศจะแยกออกจากกัน เผยให้เห็นกระจกใสทั่วทั้งยานที่ทําให้มองเห็นออกไปข้างนอกได้

 

ในตอนนี้ทุกๆคนก็สามารถมองเห็นถึงสถานการณ์ข้างนอกยานอวกาศได้อย่างชัดเจน

 

ผู้คนก็มองออกไป เห็นทันทีว่าข้างหน้ามีพายุอวกาศขนาดยักษ์ ส่วนลึกของพายุนี้เหมือนจะมีรอยแตกของอวกาศจํานวนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏอยู่ เหมือนว่าจักรวาลจะถูกตัดทะลวงจนเกิดรอยแตกเหล่านี้ขึ้นมา

 

ทว่าจากรอยแตกเหล่านี้ ก็มีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวเอ่อล้นออกมา เหมือนว่าจะสามารถทําลายทุกสิ่งทุก อย่างดาวเคราะห์ปกติทั่วไปที่อยู่ในพายุนี้ จะต้องถูกทําลายภายในระยะเวลาอันสั้น

 

คมมีดวายุที่ปะทุออกมาจากพายุเป็นครั้งคราวนั้น เพียงพอที่จะผ่าดาวเคราะห์จนกลายเป็นสองซีกได้

 

กลุ่มผู้มีพรสวรรค์ในทางตะวันออกของจักรวาลก็ตกตะลึง พวกเขาก็เคยเห็นสถานที่เช่นนี้มาก่อน ทว่าพวกมันมักจะเป็นเขตพื้นที่ต้องห้าม มองเห็นจากระยะที่ไกลออกไป

 

ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยลองเข้าไป เพราะถึงอย่างไรการกระทําเช่นนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากการรนหาที่ตาย

 

วิซ!

 

เห็นเพียงแค่ยานอวกาศปลาวาฬสีดํานี้สั่นสะเทือนเล็กน้อย หางขนาดใหญ่แกว่งไปมา ราวกับเป็นปลาวาฬที่กระโจนออกไป ฝ่าทะลวงเข้าไปในพายุอวกาศนี้โดยตรง

 

เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!

 

ทันทีที่เข้าไป คมมีดวายุนับไม่ถ้วนก็ปะทะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สามารถตัดทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง ระเบิดเข้าใส่ยานอวกาศสีดําลํานี้อย่างบ้าคลั่ง เหมือนว่าจะต้องทําลายวัตถุแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามานี้ให้สิ้นซาก

 

ผู้คนที่อยู่ในย่านก็มองดูด้วยความหวาดหวั่น หากยานอวกาศลํานี้ต้านทานไม่ได้จริงๆ พวกเขาก็จะเปลี่ยนกลายเป็นผุยผงภายในระยะเวลาอันสั้น

 

ทว่านี่ก็เป็นการกังวลใจที่เปล่าประโยชน์

 

เห็นเพียงแค่ว่ายานอวกาศที่มีรูปร่างเหมือนปลาวาฬนี้ ตัวของมันสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้นก็กระตุ้นพลังงานสีครามออกมาและห่อหุ้มไปทั่วทั้งยานอวกาศอย่างกะทันหัน

 

คมมีควายเหล่านี้ที่พุ่งเข้ามา เมื่อเผชิญกับชั้นพลังงานสีครามนี้ พวกมันก็ละลายหายไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่า

 

นี่ดูราวกับเป็นปลาวาฬในใต้ท้องทะเลลึกก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลําบากเพียงใด ก็ไม่สามารถทําให้มันบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว

 

“การป้องกันของยานอวกาศลํานี้ช่างทรงพลังยิ่งนัก”

 

ผู้มีพรสวรรค์ในทางตะวันออกของจักรวาลจํานวนมากก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงคมมีควายุที่พุ่งเข้ามารอบๆ ทุกการโจมตีมีพลังอํานาจที่เทียบเท่าได้กับปืนใหญ่ทําลายดวงดาว สามารถทําลายดาวเคราะห์ได้อย่างง่ายดาย

 

ทว่าคมมีดวายุที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้กลับไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆให้กับยานอวกาศสีดําลํานี้ได้เลย ราวกับเป็นเพียงแค่สายลมที่พัดเข้ามาเบาๆ

 

“หืมม นั่นมันอะไรกัน?”

 

ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็มองเห็นส่วนลึกในอวกาศ ในรอยแยกของอวกาศเหมือนจะมีลวดลายที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นมา ลวดลายเหล่านี้เหมือนจะแอบแฝงไปด้วยข้อมูลที่ไร้ที่สิ้นสุด มีพลังงานที่ลึกลับแผ่ออกมา

 

เขาก็สามารถมองเห็นได้ว่าลวดลายเหล่านี้เหมือนจะไหลเวียนไปด้วยกฎบางอย่าง เพียงแค่เหลือบมอง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับวิทยายุทธและพลังอํานาจของจักรวาล

 

“โอ้ ดูเหมือนว่าในที่สุดก็จะมีบางคนที่ค้นพบความลับในศูนย์กลางของจักรวาล”

 

ชายชุดสีน้ําเงินก็มองเห็นสีหน้าท่าทางของเซี่ยปิงและยิ้มออกมาเล็กน้อย “ลวดลายที่แปลกประหลาดซึ่งปรากฏอยู่ในรอยแตกของอวกาศเหล่านั้น อันที่จริงเป็นรูปแบบของกฏที่แท้จริง แอบแฝงไปด้วยความท่องแท้ของกฏจักรวาล”

 

อะไรนะ รูปแบบของกฏ?!

 

ผู้คนก็สะดุ้งตกใจ พวกเขาก็รู้ว่าหากเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับเซนต์ พวกเขาจําเป็นจะต้องทําความเข้าใจกฎต่างๆของจักรวาล ควบคุมพลังอํานาจของกฎ นี่คือเหตุผลที่เซนต์เป็นตัวตนที่ทรงอานาจยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไป

 

ทว่าในฐานะสิ่งมีชีวิตทั่วไป ไม่ว่าจะทําอย่างไรก็ไม่สามารถทําความเข้าใจพลังอํานาจของกฏได้ นี่เหมือนกับเป็นการตาบอลคล่าช้าง

 

“โดยปกติแล้ว ภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลจะกว้างขวางอย่างไร้ขอบเขตสมบูรณ์แบบ ไม่สามารถหาช่องโหว่ใดๆได้ เสถียรมั่นคงอย่างมาก”

 

ชายชุดน้ําเงินก็กล่าวต่อ “เพราะว่ามันสมบูรณ์แบบเกินไป ดังนั้นกฎของจักรวาลจึงไม่ได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็นนัก การที่ผู้คนปกติธรรมดาต้องการที่จะสัมผัสถึงกฏของจักรวาลก็เป็นเรื่องที่ยากเกินไป”

 

“ทว่าศูนย์กลางของจักรวาลนั้นแตกต่างออกไป ภูมิภาคแห่งนี้ไม่ได้เสถียรมีรอยแยกของอวกาศปรากฏอยู่มากมาย นี่ก็ส่งผลให้กฏของจักรวาลรั่วไหลออกมา”

 

“หากทําการบ่มเพาะในศูนย์กลางของจักรวาลนั้น พวกเจ้าจะมีโอกาสได้สัมผัสหรือแม้กระทั่งเห็นกฎของฟ้าดินด้วยตาตนเอง สัมผัสได้ถึงความท่องแท้และแหล่งกําเนิดของจักรวาล ล่วงรู้ว่ากฎของจักรวาลไหลเวียนอย่างไร นี่ก็จะเพิ่มโอกาสในการพัฒนาไปสู่ระดับเซนต์เป็นอย่างมาก”

 

“แน่นอนว่ารูปแบบของกฎที่พวกเจ้าเห็นในตอนนี้ก็เป็นเพียงกฏผิวเผินที่อ่อนแอเท่านั้น ไม่ได้มีข้อมูลของกฏที่มากมายนัก มีเพียงแค่การเข้าไปในดินแดนลี้ลับที่อยู่ในระดับสูงเท่านั้นที่จะมีกฎของจักรวาลที่ทรงพลังปรากฏอยู่”

 

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”

 

เมื่อได้ยินคําเหล่านี้ เซี่ยปิงก็เข้าใจได้อย่างกะทันหัน ล่วงรู้ว่าทําไมเซนต์อสูรมืดถึงต้องการให้ตนเองเดินทางมาที่ศูนย์กลางของจักรวาล การครอบครองทรัพยากรธรรมชาติของที่นี่นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องสาคัญรองลงมาเท่านั้น

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือในศูนย์กลางของจักรวาลนั้น สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงกฏต่างๆของจักรวาล อีกทั้งยังสามารถมองเห็นการไหลเวียนของกฎได้ด้วยตาของตนเอง

 

นี่สําหรับผู้บ่มเพาะนั้น ถือว่ามีผลประโยชน์อย่างมากราวเป็นการเผชิญโชคลาภก็ว่าได้ มีที่ไหนที่ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภูมิภาคอื่นๆของจักรวาลจะได้รับโอกาสเช่นนี้ ดังนั้นนี่จึงช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับเซนต์ได้เป็นอย่างมหาศาล

 

แน่นอนว่าไม่ใช่จําเป็นที่จะต้องบ่มเพาะอยู่ในศูนย์กลางของจักรวาลเท่านั้นจึงจะมีโอกาสพัฒนาเป็นเซนต์มันเพียงแค่ว่าการบ่มเพาะอยู่ในศูนย์กลางของจักรวาลนั้น ก็จะมีโอกาสที่เพิ่มขึ้นมากและก็จะง่ายดายยิ่งกว่ามากเช่นกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นเพียงโอกาสที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น ต่อให้ที่นี่จะมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์กว่าภูมิภาคอื่นๆ มากและง่ายดายต่อการสัมผัสถึงกฏของจักรวาล ทว่าก็ยังมีผู้มีพรสวรรค์จํานวนนับไม่ถ้วนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นไปเป็นเซนต์ได้เช่นกัน นี่ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของบุคคลนั้นๆไป

 

“ใกล้ถึงแล้ว”

 

ตึบ ยานอวกาศสีดําก็ออกบินเป็นระยะเวลาถึงสามวันสามคืน ในที่สุดก็ฝ่าทะลวงออกไปจากพายุอวกาศได้ และมาถึงที่ศูนย์กลางของจักรวาลโดยตรง