ตอนที่ 75 ไยเราจะต้องไปหาเรื่องกับสมบัติเงินทองด้วย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นท่าทางที่ตื่นตะลึงจนพูดไม่ออกของนาง ในพระทัยก็เกิดความพอพระทัยขึ้นมาบ้าง 

 

 

เห็นไหม นางซาบซึ้งใหญ่แล้ว 

 

 

แต่พอพระองค์ทรงทอดพระเนตรไปเรื่อยๆ ก็ชักจะทรงรู้สึกพระองค์ว่าบางสิ่งไม่ถูกต้อง ทำไมนางถึงได้เอาแต่มองไปยังรัดเกล้าของพระองค์?  

 

 

หรือว่าพระองค์จะทรงงามสู้รัดเกล้าอันนี้ไม่ได้กัน?  

 

 

ไม่ถูกสิ…..สายตาของนางเป็นประกายวูบวาบด้วยความโลภหลง จดจ้องอยู่ที่นิลน้ำงามบนพระเศียร 

 

 

ฮ่องเต้ “……..” 

 

 

ช่างสมควรตาย เขาไม่ควรช่วยเหลือสตรีผู้นี้เพราะความใจร้อน!  

 

 

เจ้าตัวไม่รู้จักความกตัญญู! พระเกศาของฮ่องเต้ถือเป็นของสูงค่าเปี่ยมด้วยพระบารมีของกษัตริย์ แต่ในสายตาของนางกลับเทียบไม่ได้กับนิลเม็ดหนึ่ง?  

 

 

ฮ่องเต้ทรงอยากจะกระชากเอารัดเกล้าบนพระเศียรมากระทืบให้เป็นผุยผง แต่พอทรงดำริย้อนไปมาว่ารัดเกล้านี้ทำจากทองคำบริสุทธ์ นิลเม็ดนี้ก็มีค่าควรเมือง ครู่หนึ่งก็สงบพระทัยลงได้ 

 

 

เส้นผมตัดไปแล้วยังงอกยาวใหม่ได้ แต่นิลน้ำงามหากแตกร้าวก็หมดคุณค่า 

 

 

ช่างเถอะ ไยเราจะต้องไปหาเรื่องกับสมบัติเงินทองด้วย 

 

 

ไม่มีผู้ใดเข้าใจน้ำพระทัยอันซับซ้อนของฝ่าบาท เพราะถูกดวงพระพักตร์หล่อเหลางดงามนั้นสะกดอยู่ เสมือนหนึ่งจ้องมองบุปผชาติบนชะง่อนผาที่ไม่อาจได้มาเชยชม 

 

 

ฉะนั้นผู้คนทั้งหลายจึงได้แต่ตื่นตะลึงจนลูกตาแทบหลุดออกมา ที่ฝ่าบาทถึงขนาด….ประทานเส้นพระเกศาให้กับนังตัวร้ายนั่นไปเป็นของกราบไหว้เลยหรือ?  

 

 

ทั่วทั้งแคว้นต้าโจวนี้ ถึงแม้เป็นชาวบ้านธรรมดาทั้งหลายก็ไม่มีผู้ใดยอมตัดผมโดยง่าย!  

 

 

พระเกศาของกษัตริย์ นั่นยิ่งเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด!  

 

 

ชั่วขณะนั้นพวกเขาแต่ละคนต่างก็รู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งตัวขึ้นมา เดิมทีพวกเขาคิดว่า….ฝ่าบาททรงเกลียดชังตระกูลตู๋กูเสียอีก 

 

 

แต่ว่าตอนนี้ ฝ่าบาทกลับทรงตัดพระเกศาให้กับเย่วฮูหยินที่จากไปนานถึงสิบปีแล้ว!  

 

 

ยันต์ภพหน้าของพระสนมเต๋อเฟยถึงแม้ล้ำค่าหายาก แต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นพระเกศาของฝ่าบาทแล้ว…..ไม่สิ นี่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ?  

 

 

มีไอมังกรของโอรสสวรรค์เป็นสิ่งรำลึก เกิดใหม่ชาติหน้ายังจะมิใช่ผู้สูงศักดิ์มากบารมีอีกหรือ?  

 

 

ตู๋กูจุนที่ตอนแรกกุมดาบกระชับมั่นไว้ก็อดจะคลายมือลงไม่ได้ ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็มองจีเฉวียนไม่ออกแล้ว ทำเช่นนี้เพื่ออะไร? อยากจะผูกมิตรกับครอบครัวของเขาหรือ?  

 

 

คิดไปก็น่าจะใช่อยู่ ถึงแม้ฮ่องเต้สุนัของค์นี้จะเกลียดชังพวกเขาเพียงไหน แต่อย่างไรก็จำเป็นต้องให้พวกเขาช่วยเหลือขยายดินแดน ออกศึกปราบศัตรู ฉะนั้นแล้วการแสดงออกครั้งนี้ของเขานับว่ากระทำได้ยอดเยี่ยมนัก 

 

 

เช่นเดียวกับท่าทีที่เขาปฎิบัติต่อน้องเล็ก ต่อหน้านับว่าพอจะให้เกียรตินางอยู่บ้าง แต่ลับหลังกลับปล่อยให้นางต้องกินไม่อิ่นนอนไม่อุ่น ทั้งยังริบเงินทองของนางไว้ 

 

 

ฉะนั้นว่าไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่จะกระทำสิ่งใด เขาย่อมทำไปอย่างมีจุดประสงค์แน่ 

 

 

ไม่อาจหลงเชื่อเขาง่ายๆ ได้อีกต่อไปแล้ว 

 

 

จีเย่ว์ยืนอยู่ที่ด้านข้างของพวกเขา มองดูจีเฉวียนที่กุมมือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้แนบแน่น เนตรของเขาก็ทอประกายเย็นวาบ 

 

 

ดวงใจเจ็บปวดราวถูกมีดแทง ทั้งเกิดโทสะรุนแรงและสำนึกเสียดายยากจะทนทาน 

 

 

ด้วยสำนึกของบุรุษด้วยกัน เขารู็สึกได้ว่าจีเฉวียนกำลังคิดไม่ซื่อกับหลันเอ๋อร์ ราวกับอสูรร้ายที่คิดครอบครองเหยื่อล้ำค่า 

 

 

หลันเอ๋อร์ของเขาโดดเด่น งดงามเป็นเอก จะมีบุรุษใดในโลกหล้าที่ไม่หวั่นไหวได้กัน?  

 

 

ต่อให้เป็นจีเฉวียนที่ชมชอบบุรุษด้วยกัน แต่เมื่อมีสตรีเช่นหลันเอ๋อร์ ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้า เขาจะยังนิ่งเฉยอยู่ได้หรือ?  

 

 

เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน เขาก็มีปฎิกิริยาถึงเพียงนี้แล้ว?  

 

 

หากว่าตอนนั้นตัวเขาแต่งหลันเอ๋อร์มาเป็นภรรยาเสียก่อน ก็คงไม่ต้องมามีเรื่องทรมานใจเช่นนี้แล้ว!  

 

 

อีกด้านหนึ่งเสียนไท่เฟยทรงกางร่มเสด็จเข้ามาใกล้ ก็คว้าชายแขนฉลองพระองค์ของจีเย่ว์เอาไว้มั่น 

 

 

“เย่เอ๋อร์ อย่าได้หุนหันเช่นนี้” พระนางกระซิบเสียงเบาข้างหูของเขา ทั้งยังไม่ยอมคลายหัตถ์ออก ดวงเนตรล้ำลึกคู่นั้นมองไปที่ตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนพลันสะท้อนแววแห่งความว้าวุ่นสับสนออกมา 

 

 

นางประมาทพลังในการดึงดูดของตู๋กูซิงหลันไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าจีเฉวียนจะบังเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อนางขึ้นมา 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเองก็มิใช่คนโง่ เมื่อเห็นปฎิกิริยาของผู้คนทั้งหลาย ก็รู้สึกขึ้นมาว่าพระเกศาของเจ้าฮ่องเต้สุนัขนี้ชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว 

 

 

เพราะว่าตามประวัติศาตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ในโลกโน้น หากกษัตริย์ตัดพระเกศาก็เสมือนกับเป็นลางว่าประเทศชาติจะเผชิญเภทภัยจนล่มจม 

 

 

ถึงแม้ในโลกมิตินี้แคว้นต้าโจวจะไม่ได้มีธรรมเนียมเช่นนั้น แต่ว่าดูท่าทางแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยกว่ากันเลย 

 

 

ใจของนางวูบไป มองดูพระพักตร์ของฮ่องเต้ พอเห็นดวงพระเนตรที่แวววาวราวกับมีประกายน้ำแข็งคู่นั้น ก็รู้แล้วว่าเขากำลังเขม่นนาง 

 

 

นี่ไม่ใช่กลายเป็นว่าดึงดูดเอาความเกลียดชังมาเข้าตัวทั้งเป็น ทำให้นางกลายเป็นศัตรูของผู้คนทั้งหลายหรือ?  

 

 

ก็เหมือนกับตอนที่เขาประทานพระตำหนักเฟิ่งหมิงให้นางอยู่ ทำให้นางดึงดูดเอาความเกลียดชังของเหล่าพระสนมทั้งหลายเข้ามา 

 

 

หลังจากวันนี้ไป เกรงว่าชื่อเสียงของสตรีชั่วร้ายเช่นนางคงจะถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง 

 

 

โว้ย! เจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่ไม่เพียงงดงามน่าดึงดูดระดับเทพเจ้า แต่จิตใจยังลึกซึ้งชั่วร้ายอย่างที่สุดด้วย 

 

 

นางกำเส้นผมเหล่านั้นเอาไว้ในมือ คิดจะผลักมันคืนกลับไปให้เขา แล้วก็ตัดหัวสุนัขของเขาลงมา! พี่ใหญ่ ดาบล่ะ?  

 

 

ในตอนนี้ เต๋อเฟยจากที่ตื่นตะลึงได้กลายเป็นสงบเงียบลงแล้ว นางไม่ได้ถลึงตาโต แต่ในดวงตาของนางกลับปรากฎเส้นเลือดขึ้นมา 

 

 

ทำไมกัน…..ตั้งแต่อี้อ๋องไปจนกระทั่งฝ่าบาท แต่ละคนต่างต้องการปกป้องนังหญิงสวะนั่น?  

 

 

นางรู้อยู่ว่า ตอนนี้ฝ่าบาททรงถูกนังแพศยานั่นครอบงำแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า ฝ่าบาทจะทรงถูกครอบงำอย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้!  

 

 

ยามที่ท่านแม่ของนางจากโลกนี้ไป นางเคยทูลขอไข่มุกประดับพระมาลาเม็ดหนึ่ง เพื่อเป็นสมบัติร่วมกลบฝังของมารดา แต่ฝ่าบาทไม่แม้แต่ทรงรับไว้พิจารณาก็ปฎิเสธเสียแล้ว 

 

 

ยามนี้…..พระองค์กลับทรงตัดพระเกศาด้วยพระองค์เองเพื่อท่านย่าที่จากไปแล้วหลายปีของตู๋กูซิงหลัน?!  

 

 

ดวงใจของเต๋อเฟยมีแต่ความเจ็บปวด ทั้งความเกลียดชัง ทั้งความโกรธแค้น ความขุ่นข้องทั้งหลายทั้งมวลรวมกันอยู่ภายใต้การแสดงที่มักจะสงบนิ่ง อ่อนแอ บอบบางของนาง 

 

 

นางไม่สามารถวางสีหน้าสงบเสงี่ยมต่อหน้าตู๋กูซิงหลันได้อีกต่อไปแล้ว ยามที่นางมองไปมีแต่ประกายแปลบปลาบของความอาฆาตแค้น 

 

 

นางปีศาจที่ล่มชาติล้างเมือง! ก่อนหน้านี้ก็ยึดครองอี้อ๋องเอาไว้! ตอนนี้ก็ยังจะมายั่วยวนฝ่าบาท นางเป็นแม่ม่ายแท้ๆ กลับไม่รู้จักใช้ชีวิตสำรวมเลยแม้แต่น้อย!  

 

 

“พระสนมเพคะ~ ” ยังคงเป็นซิ่วเหอที่เข้ามาเตือน นางพยุงเต๋อเฟยเอาไว้ กลัวว่าพระสนมจะกระทำพิรุธใดออกไป กลายเป็นข้อผิดพลาดให้จับได้ 

 

 

เมื่อเต๋อเฟยหันกลับมา ประกายอาฆาตพยาบาทในดวงตาถึงได้ค่อยๆ เลือนหายไป นางกุมหัวใจไว้ ขมวดคิ้วแน่น ท่าทางเสมือนหนึ่งจะเป็นลมล้มลง 

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างก็มองนางด้วยความเห็นใจจนเจ็บปวด ดูพระสนมเต๋อเฟยสิ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปเท่าไหร่เพื่อวอนขอยันต์ภพหน้า แต่ไหนเลยจะเทียบได้กับตู๋กูซิงหลันที่ใช้มารยาสาไถหลอกลวงฮ่องเต้ได้ 

 

 

นางไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ เลยด้วยซ้ำ 

 

 

แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวออกมาว่าฮ่องเต้ทรงกำลังลุ่มหลงในความงามเสียจนหัวทิ่ม 

 

 

เจียงเหม่ยหยู่ตกตะลึงจนสมองชาไปเสียแล้ว นี่คือ ‘วันดีๆ ของนังตัวร้ายนั่นกำลังจะจบลง’ ที่เหลียนเอ๋อร์พูดถึงนะหรือ?  

 

 

ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าวันดีๆ ของนางเดรัจฉานนั่นกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหากละ?  

 

 

นางอ้าปากค้าง คิดจะด่านังเดรัจฉานนั่นสักหลายคำ แต่คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วกลับไม่อาจเปล่งออกมาได้ พอพึ่งจะกลืนคำเหล่านั้นลงท้องไป ก็ได้ยินเสียง’ตู๋กูเหลียน’ กล่าวออกมาดังๆ ว่า “ไทเฮาเพคะ วันรำลึกถึงท่านย่าของตัวท่านเองแท้ๆ แต่กลับเอาพระเกศาของฝ่าบาทมาเป็นสิ่งเซ่นไหว้แสดงความกตัญญูแทนท่าน เช่นนี้จะใช้ได้อย่างไร? “ 

 

 

หากว่านางไม่แสดงออกว่าเกลียดชังตู๋กูซิงหลันอย่างสุดแสนละก็ เต๋อเฟยไม่สงสัยในตัวนางก็แปลกแล้ว 

 

 

พอมีคนนำเช่นนี้แล้ว เหล่าผู้คนทั้งหลายที่มีความไม่พอใจอยู่ต่างก็ฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว 

 

 

“จริงด้วย เห็นชัดเจนเลยว่า ต้องเป็นพระสนมเต๋อเฟยต่างหากที่ทุมเทแรงใจมากที่สุด! “ 

 

 

นางตัวร้ายนี่คิดหรือว่ามีฝ่าบาทคอยช่วยเหลืออยู่เช่นนี้ แล้วพวกเขาจะต้องยอมศิโรราบต่อนาง? แล้วนางจะไม่กลายเป็นลูกหลานอกตัญญู!  

 

 

เต๋อเฟยเองก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดแล้ว เพียงแสดงสีหน้าเปราะบางอ่อนแอออกมาเท่านั้น 

 

 

ไร้เสียงก็คือมีเสียง ยิ่งสามารถเรียกความเห็นใจจากคนทั้งหมด 

 

 

พอ’ตู๋กูเหลียน’ พูดออกมาเช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันถึงได้คิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้ 

 

 

ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของผู้คน กลับมีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งแทรกขึ้นมา 

 

 

” ถ้าเช่นนั่น………..ขอให้ข้านักพรตขัดจังหวะเสียหน่อยแล้วกัน” 

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างหันไปมอง ก็พบเห็น…………..