เล่มที่ 14 เล่มที่ 14 ตอนที่ 411 เหตุใดถึงไม่เห็นท่านอ๋อง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เช่นเดียวกับตอนที่เขามา จิ่วหรงจากไปโดยไม่ให้คนในจวนรับรู้ความเคลื่อนแม้แต่คนเดียว

แม่นมฮวาตื่นขึ้นมาด้วยสายตาพร่ามัว เมื่อมองเห็นทุกอย่างรอบห้องชัดเจนก็ตกใจในทันที

เดิมทีนางกับลวี่หลีต้องอยู่เฝ้าพระชายา เหตุใดถึงงีบหลับไปได้?

สมควรตายจริงๆ !

แม่นมฮวาตำหนิตนเองพลางหันไปมองซูจิ่นซีอย่างละเอียด เมื่อมั่นใจว่าซูจิ่นซีไม่เป็นอันใดจึงวางใจ จากนั้นก็หันไปมองลวี่หลีที่นอนอยู่ด้านข้างตนเองและรีบเข้าไปผลักลวี่หลี

“นางหนู นางหนู ตื่น! ไม่ต้องนอนแล้ว”

ลวี่หลีขยี้ตาตนเอง เมื่อตระหนักได้ว่าเกิดอันใดขึ้นก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน

นางรีบลุกขึ้นพูดด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด “แม่นมฮวา ข้าหลับไปได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหลับจริงๆ ”

“เมื่อคืนไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่ผล็อยหลับไป โชคดีที่ไม่มีอันใดเกิดขึ้นกับพระชายา ช่างเถิด เจ้ารีบไปยกน้ำร้อนมาเตรียมเช็ดตัวให้พระชายา อีกเดี๋ยวหมอหลวงอวิ๋นกับคุณชายน้อยอวี้จะเข้ามาดูอาการของพระชายาแล้ว”

“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้! ”

ลวี่หลีรับคำและเดินออกไปข้างนอกทันที

แม้แม่นมฮวาจะอายุมากแล้ว ทว่าความจำดีมาก ทั้งยังมีความคิดละเอียดรอบคอบ

นางครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่เข้าใจ นางอายุปูนนี้แล้ว ในช่วงเวลาที่สำคัญไม่มีทางทำอันใดเลอะเลือน เมื่อวานนางงีบหลับไปได้อย่างไร? ทั้งนางยังไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร คิดไม่ออกเลยจริงๆ

น่าแปลกยิ่งนัก

เหมือนว่า… เมื่อคืนนางได้ยินเสียงอันใดบางอย่าง…

แม่นมฮวาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นางปกปิดความสับสนภายในใจได้อย่างชาญฉลาด จากนั้นจึงจัดผ้าห่มให้ซูจิ่นซีและเดินไปเปิดหน้าต่าง

ครู่หนึ่ง ลวี่หลีเดินถือน้ำร้อนเข้ามา ทั้งสองช่วยกันเช็ดตัวให้ซูจิ่นซีโดยระมัดระวังไม่ให้โดนบริเวณบาดแผล

แท้จริงแล้วไม่ใช่แม่นมฮวาเพียงผู้เดียว ลวี่หลีเองก็นึกสงสัยเช่นกัน ทว่าพวกนางต่างปกปิดความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ไม่มีผู้ใดพูดออกมา

แม่นมฮวาเป็นคนสุขุม นางปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเยี่ยโยวเหยามานานหลายปี นางไม่มีทางเชื่อใจผู้ใดง่ายๆ ความสงสัยนี้ เกรงว่าต้องพูดกับเยี่ยโยวเหยาเพียงคนเดียวเท่านั้น

ทว่าลวี่หลีไม่ชอบพูดคุยกับผู้อื่นมากนัก คนที่นางไว้ใจและเชื่อใจที่สุดมีเพียงซูจิ่นซีคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นนางคิดว่า รอให้คุณหนูฟื้นขึ้นมาและอาการบาดเจ็บของคุณหนูดีขึ้น นางต้องบอกเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้คุณหนูฟังอย่างแน่นอน

ราวยามสือ ซูจิ่นซีเริ่มรู้สึกตัว

ในเวลานี้ อวิ๋นจิ่นกับซูอวี้อยู่ข้างเตียงซูจิ่นซีแล้ว

ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้นพลางขมวดคิ้วมุ่น

ซูอวี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “พี่จิ่นซี ปวดหรือ? ครั้งนี้ท่านบาดเจ็บไม่น้อย แม้หมอหลวงอวิ๋นจะฝังเข็มระงับปวด ทั้งยังเสริมยาระงับปวดไปด้วย ทว่าบาดแผลของพี่จิ่นซีนั้นยากที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดไปได้ หากพี่เจ็บปวดก็ร้องออกมาเถิด”

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีค่อยๆ ปรับอารมณ์ให้สงบลง นางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“วางใจเถิด เจ็บปวดเพียงเล็กน้อย พี่ทนไหว! ”

ลวี่หลีมองสภาพของซูจิ่นซีด้วยน้ำตาคลอเบ้า

ซูจิ่นซีมองดูโดยรอบ ทว่าไม่เห็นเยี่ยโยวเหยา “แม่นมฮวา ท่านอ๋องอยู่ที่ใด? เหตุใดถึงไม่เห็นท่านอ๋อง? ”

“พระชายาโปรดวางพระทัย ท่านอ๋องทรงรักและเอ็นดูพระชายาที่สุด ท่านอ๋องไปตามหาสมุนไพรให้พระชายาเพคะ คิดว่าเวลานี้คงตามหาสมุนไพรครบแล้ว และอยู่ระหว่างทางกลับมาเพคะ”

“ท่านอ๋องไปตามหาสมุนไพรด้วยตนเองหรือ? ตามหาสมุนไพรชนิดใด? ไปหาที่ใด? ”

“ไป… ”

ขณะที่แม่นมฮวากำลังจะบอกตามความจริง อวิ๋นจิ่นก็รีบกล่าวตัดบท “พระชายาโปรดวางพระทัย ท่านอ๋องเก่งกาจห้าวหาญ การเดินทางครั้งนี้ต้องราบรื่นไร้อุปสรรคแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

แม้จะพูดเช่นนี้ ทว่าซูจิ่นซียังคงไม่วางใจ “เขายังบาดเจ็บอยู่ อีกทั้ง… ”

พิษจากหมุดกร่อนรักยังไม่ได้กำจัดให้หมดสิ้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องเกี่ยวกับหมุดกร่อนรักนั้น ซูจิ่นซีไม่มีทางพูดให้อวิ๋นจิ่นรู้แน่นอน

ก่อนหน้านี้นางไม่ได้บอกเขา ตอนนี้ยิ่งไม่มีอันใดให้ต้องรีบร้อน

“พระชายา ท่านอย่าได้กังวลพระทัย เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักฟื้นร่างกายของท่าน พระชายาไม่ได้เสวยสิ่งใดมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ต้องการเสวยอันใดเพคะ? แม่นมจะรีบไปทำมาเดี๋ยวนี้! ”

ซูจิ่นซีเป็นห่วงเยี่ยโยวเหยาจริงๆ และคิดถึงเยี่ยโยวเหยามาก อย่างไรก็ตาม ต่อให้คิดถึงหรือเป็นห่วงมากเพียงใด นางก็ทำอันใดไม่ได้

ซูจิ่นซีจึงแย้มยิ้มเล็กน้อย “อาหารรสจืดหน่อยก็ได้”

“เพคะ พระชายาพักผ่อนสักครู่ แม่นมจะรีบไปทำมาให้เดี๋ยวนี้เพคะ”

แม่นมฮวาพูดพลางดึงลวี่หลีออกไปที่ห้องครัวทันที

อวิ๋นจิ่นกับซูอวี้ยังอยู่ในตำหนักฝูอวิ๋น เดิมทีพวกเขาคิดจะพูดอันใดบางอย่างกับซูจิ่นซี

ทว่าซูจิ่นซียังคงมึนงงไม่ได้สติ ขนตาละเอียดเรียวยาวยังคงเปียกชื้น ริมฝีปากแห้งผาก ดูแล้วน่าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

“พี่จิ่นซี พี่เจ็บปวดมากใช่หรือไม่? ” ซูอวี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก

ซูจิ่นซีเม้มปาก ไม่พูดอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว

เพราะความเจ็บปวดเกินจะทนหรือ?

หากเป็นเพียงความเจ็บปวดทางกายก็ยังพอทน

สิ่งสำคัญที่สุดคือความหวาดกลัวในจิตใจของนาง นางอายุปูนนี้แล้ว ทั้งยังเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตมาสองยุค นางเคยโดนกระทำเช่นนี้หรือเคยเจ็บปวดเช่นนี้ที่ใดกัน?

ไม่นานนัก ซูจิ่นซีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ดังนั้นเมื่อแม่นมฮวาเดินถืออาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จร้อนๆ เข้ามา ซูจิ่นซีก็ยังคงหลับใหล

“เช่นนี้… จะทำอย่างไร? ”

แม่นมฮวาหันไปมองอวิ๋นจิ่นกับซูอวี้ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ และถามด้วยท่าทีกังวลใจ

“พระชายาไม่ได้เสวยอันใดมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไร? ”

อวิ๋นจิ่นกับซูอวี้นิ่งเงียบ ไม่ได้พูดตอบโต้

แม่นมฮวาร้อนใจ นางพูดกับลวี่หลีที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ลวี่หลี เช่นนั้นเจ้าลองปลุกพระชายาดีหรือไม่? อย่างไรเสีย ตื่นขึ้นมาเสวยสักสองสามคำก็ยังดี! ”

ลวี่หลีแสดงท่าทีลำบากใจ พลางมองไปทางซูอวี้

คุณหนูของนางบาดเจ็บ ทั้งยังไม่ได้สติ นางจึงฟังคำสั่งของผู้นำอวี้

ซูอวี้ขมวดคิ้วและถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้นพูดว่า “ช่างเถิด ไม่ต้องปลุก หากพี่จิ่นซีต้องการทานสิ่งใด นางต้องเรียกให้ทำอีกครั้งแน่นอน นอกจากนั้น ข้าได้ผสมสมุนไพรบำรุงร่างกายลงไปในตัวยาแล้ว รอจนพี่จิ่นซีฟื้นขึ้นมาค่อยให้นางดื่มไปด้วย จะได้บำรุงและฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น เมื่อท่านอ๋องกลับมา ร่างกายของพี่จิ่นซีต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”

“ตอนนี้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” อวิ๋นจิ่นกล่าว ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ซูอวี้ก็เดินออกจากห้องเช่นกัน เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านข้างลวี่หลี “ดูแลพี่จิ่นซีให้ดี หากมีอันใดผิดปกติก็รีบมาเรียกข้า”

“เจ้าค่ะ! ”

ในเวลานี้ ไม่ต้องพูดถึงลวี่หลี กระทั่งแม่นมฮวาที่เห็นสภาพของซูจิ่นซีก็น้ำตาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว

ช่วงบ่าย ซูจิ่นซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

นางได้ทานอาหารที่แม่นมฮวาทำและดื่มยาของซูอวี้ พอช่วงหัวค่ำ สีหน้าของนางจึงดีขึ้นมาก

อวิ๋นจิ่นกับซูอวี้เข้ามาดูบาดแผลให้ซูจิ่นซี แผลพุพองหายไปแล้ว ทว่าบาดแผลยังคงชื้นและมีเลือดซึม ไม่มีทีท่าว่าแผลจะแห้งแม้แต่น้อย

ซูอวี้ไม่ได้พูดอันใด ท่าทีของเขานิ่งขรึมยิ่งกว่าเมื่อก่อนมาก เขาเดินออกไปจากห้องเพียงลำพัง และตรงเข้าไปในเรือนรับรองเพื่อดื่มสุราต่อ

อวิ๋นจิ่นทายาให้ซูจิ่นซีอีกครั้งและพูดว่า “หากต้องการให้บาดแผลดีขึ้น คงต้องรอสมุนไพรอีกห้าชนิดที่เหลือ ทว่าสมุนไพรเหล่านั้นหาได้ยากยิ่งนัก จากนี้ต้องขึ้นอยู่กับโยวอ๋องแล้ว หวังว่าท่านอ๋องจะตามหาสมุนไพรกลับมาได้โดยเร็ว”

แม้จะมีหมอทั้งสองคนคืออวิ๋นจิ่นกับซูอวี้ที่คอยดูแลอาการของซูจิ่นซี อย่างไรก็ตาม… สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการให้เกิด ยังคงเกิดขึ้น