ยามเที่ยงคืน ซูจิ่นซีมีไข้
แม่นมฮวากับลวี่หลีที่คอยดูแลอยู่ข้างกายตั้งแต่คืนแรก ช่วยกันผลัดเปลี่ยนดูแล ไม่มีผู้ใดได้นอนแม้แต่คนเดียว ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติจึงรายงานซูอวี้และอวิ๋นจิ่นได้ทัน
อวิ๋นจิ่นและซูอวี้รีบทำการลดไข้ให้ซูจิ่นซี ทว่าใช้ยาสมุนไพรไปจำนวนมาก อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
“ทำอย่างไรดี! ” แม่นมฮวาร้อนใจเดินวนไปมา จากนั้นจึงพนมมือหันหน้าไปทางดวงจันทร์ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง “ข้าแต่สวรรค์ ขอร้องท่าน ท่านช่วยลืมตามองด้วยเถิด! ท่านโปรดคุ้มครองพระชายาให้แคล้วคลาดปลอดภัย หากพระชายาเป็นอันใดไป ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องจะทำอย่างไร? ”
แม่นมฮวามีชีวิตอยู่เกือบค่อนชีวิต เคยเห็นสถานการณ์มาทุกรูปแบบ นางย่อมเข้าใจดีที่สุด ผู้ที่ไร้หัวใจ หากวันหนึ่งเกิดมีความรักขึ้นมาย่อมเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ตอนนี้พระชายาคือโลหิตของฝ่าบาท กระดูกของฝ่าบาท และเนื้อหนังของฝ่าบาท
หากพระชายามีอันเป็นไป แม่นมฮวาคงยากที่จะจินตนาการได้ว่าท่านอ๋องจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร ท่านอ๋องจะตกอยู่ในสภาพใด
ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม ตัวของซูจิ่นซีร้อนผ่าวเหมือนเปลวไฟที่ร้อนระอุ
ซูอวี้นำยาสมุนไพรลดไข้ที่ดีที่สุดแทบทั้งหมดในร้านยาและหอโอสถสกุลซูมาใช้ ทว่ายังคงไร้ผล อวิ๋นจิ่นก็นำยาสมุนไพรชั้นดีที่เก็บสะสมมานานหลายปีออกมาใช้เช่นกัน ทว่า ยังคงไม่เห็นผลใดๆ
“ไม่ได้ หากปล่อยให้ตัวร้อนเช่นนี้ต่อไป แม้ภายหลังไข้จะลดลงและรักษาบาดแผลจนหายดีแล้ว ทว่าต้องมีอาการผิดปกติตามมาเป็นแน่”
อวิ๋นจิ่นนำผ้าที่วางบนหน้าผากของซูจิ่นซีออก พลางพูดอย่างเคร่งขรึม
ผ้าผืนนั้นต้องวางไว้หนึ่งเค่อ ทว่าวางยังไม่ถึงครึ่งเค่อก็ร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟ เหมือนเพิ่งเอาออกมาจากน้ำร้อน
“น่าเสียดายที่ตัวของพี่จิ่นซีมีบาดแผล ไม่เช่นนั้นการแช่ยาอาบอาจยังพอมีหวัง”
“เดิมทีเพราะร่างกายของพระชายาได้รับบาดเจ็บจึงทำให้ไข้ขึ้นสูง พูดเช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใด? ”
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางมาโดยตลอด ท่านรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า ใต้หล้านี้ยังมียาสมุนไพรใดอีกที่สามารถลดไข้ได้ดี? ”
ซูอวี้จนปัญญา เขาใช้แทบทุกวิธีที่ตนเองรู้แล้ว
“ตกลง ข้าจะคิดดู… ”
อวิ๋นจิ่นตั้งสมาธิสงบนิ่งและนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “สมุนไพรทั้งหมดที่พวกเราใช้เมื่อครู่ ไม่ใช่ยาสมุนไพรที่ลดไข้ได้ดีที่สุด แท้จริงแล้วยังมียาสมุนไพรที่ใช้ลดไข้ได้ดียิ่งกว่า”
“คือสิ่งใด? หมอหลวงอวิ๋น ตอนนี้สถานการณ์คับขัน ท่านรีบพูดให้จบเถิด! ”
แม้อวิ๋นจิ่นจะมีวิธีที่ดีกว่า ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ท่าทางของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง หัวคิ้วยังคงขมวดมุ่นและมีท่าทางคับข้องใจคิดไม่ตกยิ่งกว่าเดิม
“มียาสมุนไพรสองชนิด ชนิดที่หนึ่งคือหนิวซีฉี อีกชนิดหนึ่งคือหญ้าฝูหม่า”
ซูอวี้ไม่เคยได้ยินชื่อยาสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้มาก่อน
“ยาสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้หาได้จากที่ใด? ”
อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วมุ่นพลางมองไปยังซูอวี้ ทว่าไม่ได้พูดอันใด
ซูอวี้เอ่ยด้วยความกังวลใจ “หมอหลวงอวิ๋น ท่านมองข้าทำไม? รีบพูดมาเถิด! ยาสมุนไพรเหล่านี้หาได้จากที่ใด? ”
“สมุนไพรหนิวซีฉีหาได้จากที่ใดนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ ส่วนหญ้าฝูหม่า บางทีที่หุบเขาเทพโอสถของแคว้นหนานหลีอาจพอมี”
ทันใดนั้นซูอวี้ก็ไม่พูดอันใด เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างอวิ๋นจิ่น
“ไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาหญ้าฝูหม่าในหุบเขาเทพโอสถพบหรือไม่ ต่อให้หาพบ ทว่าเงื่อนไขในการขอยาจากหุบเขาเทพโอสถนั้นยากยิ่งนัก ทั้งยังไม่อาจบอกได้ว่าจะขอหญ้าฝูหม่ามาได้หรือไม่ แม้จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะยินยอมมอบหญ้าฝูหม่าให้ อย่างไรก็ตาม หุบเขาเทพโอสถในแคว้นหนานหลีอยู่ห่างจากแคว้นจงหนิงเรานับพันลี้ แม้ท่านอ๋องจะเสด็จไปด้วยตนเองก็ยังต้องใช้เวลาไปกลับสี่ถึงห้าวัน สภาพของพี่จิ่นซีในตอนนี้ จะยืนหยัดได้นานเพียงใดกัน? ”
ซูอวี้วิเคราะห์ความเป็นจริงที่โหดร้ายที่สุด ท่าทีของเขาและอวิ๋นจิ่นแสดงออกถึงความมืดมนจนแทบจะหยุดหายใจ
หากตามหาสมุนไพรลดไข้ไม่พบ แม้ซูจิ่นซีจะไม่ตาย ทว่านางอาจต้องสูญเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่ง
จะทำอย่างไรดี?
ควรทำอย่างไร?
ซูอวี้บีบถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างแน่นจนนิ้วขาวซีด
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘เพล้ง’ ถ้วยชาถูกซูอวี้บีบแตกละเอียด
ในที่สุด เสียงแก้วแตกก็ได้ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด
ลวี่หลีส่งเสียง ‘ว้าย’ และร้องไห้โฮอีกครั้ง
แม่นมฮวารู้สึกราวกับจิตวิญญาณในร่างแตกสลาย นางล้มตัวลงบนพื้นแผ่วเบา พลางจ้องมองซูจิ่นซีที่นอนบนเตียงด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาไหลรินอย่างเงียบงัน
ครู่หนึ่ง แม่นมฮวาก็หันไปทางอวิ๋นจิ่น นางกอดขาทั้งสองของเขาไว้และคุกเข่าขอร้อง
“หมอหลวงอวิ๋น ข้าขอร้องท่าน ขอร้องท่าน ไม่ว่าอย่างไร ท่านต้องคิดหาวิธีช่วยพระชายาของพวกเรา ช่วยท่านอ๋องของพวกเรา ต่อให้ต้องทำงานเป็นวัวเป็นม้า ข้าก็จะตอบแทนบุญคุณท่าน ชาตินี้ตอบแทนไม่หมด ชาติหน้า ชาติหน้าต่อไป ข้าก็จะจดจำบุญคุณของท่าน… หมอหลวงอวิ๋น พระชายาของพวกเราไม่อาจเป็นอันใดไปได้ ท่านอ๋องไม่อาจสูญเสียพระชายา! หมอหลวงอวิ๋น ข้าขอร้องท่าน! ”
แม่นมฮวาเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยา กระทั่งแม่นมข้างกายไทเฮาองค์ก่อนซึ่งมีอายุเท่านาง เมื่อพบกันยังต้องปฏิบัติต่อนางอย่างมีมารยาท ไว้หน้านางสามส่วน นางเคยใช้น้ำเสียงต่ำต้อยขอร้องผู้ใดเช่นนี้กัน?
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจิ่นทราบถึงความเหมาะสมดี จึงรีบเข้าไปประคองแม่นมฮวาให้ลุกขึ้น
“แม่นม ท่านทำให้ข้าอายุสั้นแล้ว การรักษาโรคและช่วยชีวิตคนคือหัวใจของหมอ ข้าในฐานะเป็นหมอ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าและพระชายายังมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ไม่ว่าอย่างไรข้าต้องพยายามช่วยพระชายาอย่างเต็มกำลัง”
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านต้องการยาสมุนไพรใด รีบพูดมาเถิด เพียงรักษาพระชายาได้ ต่อให้ต้องใช้ชีวิตของข้าและบ่าวทุกคนในเรือนชิงโยว พวกข้าก็ล้วนเต็มใจทำ”
แม่นมฮวาพูดด้วยความรู้สึกจริงใจอย่างแท้จริง อวิ๋นจิ่นมองไปทางตำหนักสูงตระหง่านที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างด้วยแววตาลึกล้ำ
สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เงียบสงบ และศักดิ์สิทธิ์
สถานที่อันเป็นที่น่าเคารพ เงียบสงบ และศักดิ์สิทธิ์นั้น ซ่อนองครักษ์เงาไว้มากน้อยเพียงใด?
ทั้งยังเป็นองครักษ์เงาที่ภักดีที่สุดของโยวอ๋อง!
กระทั่งหญิงชราที่ไร้วรยุทธ์ยังจงรักภักดีต่อโยวอ๋องและพระชายาของเขาได้ถึงเพียงนี้ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าบุรุษที่ร่วมต่อสู้กับโยวอ๋องเทพแห่งสงคราม เหล่าบุรุษเลือดร้อนที่ผ่านสมรภูมิรบ เผชิญหน้ากับการหลั่งโลหิตและเสียสละเพื่อส่วนรวมมากมาย
มีเหล่าลูกน้องที่ภักดีคอยปกป้อง หญิงอันเป็นที่รักของบุรุษเช่นโยวอ๋อง ไม่ว่าผู้ใดก็ควรมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัย
อวิ๋นจิ่นไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองซูจิ่นซีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยแววตาอบอุ่น ในที่สุดเขาก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปากให้ซูจิ่นซี
“หมอหลวงอวิ๋น… ”
แม่นมฮวาไม่เข้าใจว่าอวิ๋นจิ่นยิ้มทำไม จึงถามด้วยความสงสัยทั้งน้ำตา
อวิ๋นจิ่นพลันได้สติ เขาเอื้อมมือออกมาและใช้กำลังบางส่วนประคองแม่นมฮวาให้ยืนขึ้น
“หมอหลวงอวิ๋นยิ้มทำไมหรือ? ท่านคิดเรื่องสมุนไพรลดไข้ให้พระชายาได้แล้วใช่หรือไม่? ”
เมื่อครู่ที่อวิ๋นจิ่นยิ้มให้ซูจิ่นซี ในความคิดของเขาพลันปรากฏยาสมุนไพรชนิดหนึ่งขึ้นมา
เพียงแต่ว่า…
“ข้านึกได้ว่ายังมียาวิเศษชนิดหนึ่ง บางทีสมุนไพรชนิดนี้ อาจหาได้ง่ายกว่าหนิวซีฉีและหญ้าฝูหม่า นอกจากนั้น หากค้นหามาได้ สรรพคุณทางยายังดีกว่ายาสมุนไพรลดไข้อื่นๆ หลายร้อยเท่า”
“คือสิ่งใด? ”
ซูอวี้และแม่นมฮวาแทบเอ่ยปากถามอวิ๋นจิ่นพร้อมกัน
แม้แต่ลวี่หลีที่กำลังร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลยังเงี่ยหูฟังและมองไปทางอวิ๋นจิ่นอย่างมีความหวัง