ตอนที่ 1970

 

“เอาล่ะ ข้าก็ไม่มีอะไรที่จะแนะนําพวกเจ้าแล้ว การที่พวกเจ้าเดินทางมาจากตะวันออกของจักรวาล เดินทางมาเป็นระยะเวลานาน พวกเจ้าก็คงจะเหนื่อยกันพอสมควร พวกเจ้าเข้าไปในที่พักของตนเองเพื่อพักผ่อนก่อนเถอะ หากหลังจากนี้พวกเจ้ามีคําถามใดๆ ก็สามารถเข้ามาถามข้าได้”

 

หลี่จงก็โบกมือ บ่งบอกว่าการแนะนําสิ่งต่างๆจบลงเพียงเท่านี้

 

วิซ!

 

เมื่อสิ้นเสียงของเขา เขาก็พาเซี่ยปิงและคนอื่นๆเข้าไปในเมืองไพลินทันที มาถึงย่านชุมชนแห่งหนึ่ง

 

ทว่าชุมชนแห่งนี้มีตึกอาคารที่หรูหรามากมาย มีวิลล่าอยู่ทั่วทุกหนแห่ง วิลล่าแต่ละแห่งก็มีการคุ้มกันที่แน่นหนา เหมือนว่าจะมีระบบการรักษาความปลอดภัยอยู่ ไม่ว่าใครที่บุกรุกเข้าไป จะต้องถูกโจมตีด้วยอาวุธทําลายล้าง

 

ผู้คนก็นําเครื่องมือสื่อสารของตนเองออกมาทันทีและค้นหาวิลล่าของตนเอง จากนั้นก็ทําการยืนยันตัวตนกับระบบความปลอดภัยของทางวิลล่าก่อนที่จะเข้าไปพักผ่อน

 

เซี่ยปิงก็ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด เขาก็พบจากข้อมูลภายในไบโอชิปว่าวิลล่าที่ถูกจัดสรรให้เขาคือวิลล่าหมายเลข666 จากนั้นก็ทําการยืนยันตัวตนและเข้าไป

 

ทว่าวิลล่าแห่งนี้และวิลล่าอื่นๆ ในทางตะวันออกของจักรวาลก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องบ่มเพาะ ห้องฝึกฝนวิทยายุทธและห้องอื่นๆ วัสดุของวิลล่าแห่งนี้ก็เป็นวัสดุชั้นเลิศ รอบๆมีค่ายกลยับยั้งที่ถูกติดตั้งไว้ แม้แต่ยอดฝีมือในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าทั่วๆไปก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับวิลล่าแห่งนี้ได้แม้แต่น้อย

 

หลังจากที่เขาสรวจดูรอบๆวิลล่า เขาก็เข้าไปในห้องนอนของตนเองเพื่อพักผ่อน

 

………

 

หนึ่งวันต่อมา

 

“ฟูj!”

 

หลังจากที่พักผ่อนหนึ่งวัน เซี่ยปิงก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก เขาก็ลองทําการบ่มเพาะอยู่ในโลกนี้แล้วเช่นกัน ดึงดูดพลังแห่งการเริ่มต้นเข้ามา เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังเวทมนตร์ของตนเองกําลังเพิ่มขึ้นมาด้วยความเร็วที่สามารถสัมผัสได้

 

เขารู้สึกว่าได้ว่าตัวเขาในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อวานเล็กน้อย

 

แน่นอนว่าการเพิ่มพลังเวทมนตร์เพียงเท่านี้สําหรับเซี่ยปิงที่มีพื้นที่ราชวังสีม่วงอยู่เก้าแห่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องคํานึงถึง ทว่าสําหรับผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ คาดการณ์ได้ว่ามันคงจะเป็นผลประโยชน์ที่มหาศาล

 

เพียงแค่การบ่มเพาะอยู่ในโลกแห่งการเริ่มต้น ความเร็วในการบ่มเพาะก็มากกว่าสถานที่อื่นๆนับสิบเท่า

 

“ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นจะไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ ต้องพึ่งพาเพียงแค่การบ่มเพาะด้วยตนเองเท่านั้น” เชียปิงก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นไม่มีอาจารย์ที่คอยชี้แนะหรืออบรบสั่งสอนใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรียนรู้และฝึกฝนของตนเองเท่านั้น

 

เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้ หากการเข้าร่วมกับนิกายระดับเซนต์เทียบเท่าได้กับการเข้าร่วมกับมหาลัยเพื่อศึกษาในระดับปริญญาตรี ถ้าอย่างนั้นการเข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็เทียบเท่าได้กับการกลายเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโท หรือแม้กระทั่งปริญญาเอก

 

หลังจากที่บรรลุถึงระดับนี้ ก็จะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง แม้แต่ศาสตราจารย์ก็ไม่สามารถสอนอะไรได้มากนัก ดังนั้นนี่คือช่วงระดับที่ต้องศึกษาด้วยตนเองเพียงเท่านั้นจึงจะเกิดประโยชน์มากที่สุด

 

ด้วยเหตุนั้น การที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นมอบทรัพยากรให้อย่างมหาศาลและช่วยผู้มีพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านี้ได้พัฒนาได้อย่างรวดเร็วนั้น มันก็ดูเหมือนกับเป็นมหาลัยที่มอบทุนวิจัยให้แก่ผู้ศึกษาปริญญาเอกเพื่อทําการค้นคว้าวิจัยด้วยตนเองก็ว่าได้

 

แน่นอนว่านี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอาจารย์ที่คอยชี้แนะและให้คําแนะนําเลย หากตนเองมีข้อสงสัย ก็สามารถใช้คะแนนเพื่อปรึกษากับเซนต์ได้โดยตรง นี่ก็เป็นหนึ่งในผลประโยชน์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น

 

“ดูเหมือนว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น คะแนนจะเป็นสิ่งที่สําคัญอย่างมาก”

 

หลังจากศึกษาหาข้อมูลเป็นระยะเวลาหนึ่งวัน เซี่ยปิงก็ยิ่งเข้าใจถึงความสําคัญของคะแนนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกินดื่ม การซื้อเม็ดยา สมุนไพรวิญญาณ สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์หรือว่าคัมภีร์ลับต่างๆก็จะต้องใช้คะแนน

 

หากมีคะแนนที่เพียงพอ ก็สามารถที่จะซื้อแม้กระทั่งสิ่งประดิษฐ์เซนต์ได้หรือว่าจะจ้างวานเซนต์มาได้โดยตรง กลายมาเป็นบอดี้การ์ดของตนเอง

 

“การครอบครองคะแนนเป็นเรื่องที่ยากทีเดียว”

 

เซี่ยปิงก็ศึกษาหาข้อมูลของวิธีการครอบครองคะแนนมาเช่นกัน

 

ในความเป็นจริง วิธีการครอบครองคะแนนหลักๆก็คือการรับทําภารกิจของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจก็จะได้รับคะแนนตามที่กาหนดไว้

 

ทว่าภารกิจส่วนใหญ่ก็มีค่าตอบแทนที่น้อยมาก จะได้รับเพียงแค่สิบคะแนน ยี่สิบคะแนน หากดีขึ้นมาหน่อย ก็จะได้รับมาหนึ่งร้อยคะแนน

 

แน่นอนว่าภารกิจที่มอบรางวัลเป็นหนึ่งหมื่นคะแนนนั้น เป็นภารกิจที่จําเป็นที่จะต้องเข้าไปในเขตพิศวง เป็นภารกิจของเซนต์ การที่พวกเขาลูกศิษย์ใหม่จะรับภารกิจเช่นนี้ นั่นจะเป็นการนําพาความตายมาสู่ตนเอง

 

ทว่านอกจากการทําภารกิจ ในความเป็นจริงก็ยังมีวิธีอื่นในการครอบครองคะแนนมาเช่นกัน

 

นั่นก็คือการขายสมุนไพรวิญญาณ เม็ดยาหรือแม้แต่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่ล้ําค่าให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น นี้ก็จะแลกเปลี่ยนกับคะแนนจํานวนหนึ่งมาได้ เพราะถึงอย่างไรดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็ต้องการความช่วยเหลือจากลูกศิษย์เพื่อหาทรัพยากรจํานวนมหาศาลมาเช่นกัน

 

ทว่านี้ก็เป็นการรับซื้อที่ราคาไม่ได้ดีนัก ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

 

เมื่อเทียบกับคะแนนที่ได้รับจากการออกไปทําภารกิจและเผชิญกับความเสี่ยงนั้น นี่ก็เป็นวิธีการที่สะดวกที่สุดสําหรับบรรดาลูกศิษย์ที่ตระกูลร่ํารวยเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนน

 

ในความเป็นจริง นี่ก็เป็นหนึ่งในแหล่งความมั่งคั่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น

 

ดิ้ง ดิ้ง!!

 

ในตอนนี้ เสียงกริ่งของวิลล่าก็ดังขึ้นมา

 

“ใครกัน?”

 

เซี่ยปิงก็เปิดภาพฉายเสมือนจริงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงภาพข้างนอกวิลล่า เขาก็ค้นพบทันทีว่ามีคนมากกว่าสิบคนที่กําลังยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า พวกเขาต่างก็เป็นบรรดาอัจฉริยะในทางตะวันออกของจักรวาลที่เดินทางมาร่วมกับเขา

 

“สหายเซี่ย ข้าคือลูกศิษย์สายตรงของนิกายเมฆาทะยาน มีนามว่าเว่ยเหลียงชุน”

 

เห็นเพียงแค่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสีขาวยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า เขาก็พูดกับกล้องตรงข้างหน้าของวิลล่า เขาก็ล่วงรู้ว่าตนเองจะพูดคุยกับเซี่ยปิงผ่านทางนี้ได้

 

“โอ้ มีเรื่องอันใดหรือถึงได้เดินทางกันมาที่นี่?”

 

เซี่ยปิงก็เอ่ยถาม

 

“มันเป็นเช่นนี้ พวกเราต่างก็เป็นคนจากทางตะวันออกของจักรวาลและเดินทางมาที่ศูนย์กลางของจักรวาล โดยที่ไม่ได้รู้จักกับใคร ซึ่งพวกเราก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องการจะทําความสนิทสนมคุ้นเคยกับสหายเซี่ยไว้ ในอนาคตพวกเราจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นนี้ เพราะถึงอย่างไรยิ่ง มีคนมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเอาตัวรอดก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น” เว่ยเหลียงชุนลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานก็บ่งบอกถึงเป้าหมายของตนเอง ต้องการที่จะผูกมิตรไมตรีกับเซี่ยปิง

 

“โอ้ นึกว่าเรื่องอันใด เข้าใจแล้ว สิ่งที่ข้าถนัดมากที่สุดก็คือการผูกมิตรไมตรีกับผู้อื่น ยิ่งมีสหายมากแค่ไหน มันก็จะยิ่งอ่านวยความสะดวกมากเท่านั้น” เซี่ยปิงก็คุยโวออกมาเล็กน้อย

 

“นั่นเป็นเรื่องที่ดี”

 

เมื่อเว่ยเหลียงชุนได้ยินเช่นนี้ เขาก็มีความสุขขึ้นมาทันที “นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว สหายเซียต้องการไปร่วมทานอาหารกับพวกเราหรือไม่ พวกเราจะได้ใช้เวลานี้ทําความรู้จักกัน”

 

เขาไม่คาดคิดว่าการผูกมิตรไมตรีกับเซี่ยปิงจะราบรื่นเช่นนี้ เดิมที่เขาคิดว่าอัจฉริยะระดับสุดยอดเช่นนี้จะต้องยโสโอหังอย่างถึงที่สุด เชิดหน้าชูตา ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เป็นเรื่องยากมากที่จะผูกมิตรกับคนประเภทนี้ เขาก็เตรียมใจสําหรับการถูกปฏิเสธเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะตอบรับอย่างว่าง่ายเช่นนี้ นี่ก็ทําให้เขาดีใจอย่างมาก

 

ผู้มีพรสวรรค์คนอื่นๆจากทางตะวันออกของจักรวาลก็รู้สึกดีใจเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเซี่ยปิงจากนิกายฟ้าดินมาก่อน ฝ่ายตรงข้ามเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเซนต์อสูรมืด อีกทั้งยังเคยเอาชนะลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นมาหลายคนแล้วเช่นกัน

 

เรื่องเช่นนี้เพียงพอที่จะทําให้ทั่วทั้งทางตะวันออกของจักรวาลสั่นคลอนได้

เพราะแม้แต่พวกเขาเองก็เกิดความขัดแย้งกับบรรดาลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเช่นกัน ทว่าพวกเขากลับถูกอัดอย่างป่าเถื่อน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย

 

การที่สามารถกลายเป็นมิตรสหายกับผู้มีพรสวรรค์ระดับสุดยอดเช่นนี้ได้ พวกเขาก็คิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีทีเดียว

 

“ไม่มีปัญหา”

 

เซี่ยปิงก็คิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปจากวิลล่าโดยตรง เขาก็ต้องการจะกลายเป็นมิตรสหายกับกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อจะได้สอบถามข้อมูลต่างๆจากพวกเขาเช่นกัน

 

“คนเหล่านี้คือ?”

 

ทันทีที่ออกมา เซี่ยปิงก็มองไปที่คนอื่นๆที่มาพร้อมกับเว่ยเหลียงชุน

 

“โอ้ นี่คืออิ่งซีเหิงจากนิกายอัสนีบาต”

 

“นี่คือกงเฉิงจากนิกายทรายเหลือง”

 

“นี่คือฮวาเป่ยจากนิกายห้าธาตุ”

 

เว่ยเหลียงชุนก็แนะนําผู้มีพรสวรรค์จากทางตะวันออกของจักรวาลแต่ละคนให้เซียงได้รู้จัก

 

“เข้าใจแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”

 

เซี่ยปิงก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพ

 

จากนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้เดินทางไปที่โรงอาหารของศิษย์นอกในเมืองไพลิน