ตอนที่ 1608 ปกป้องศิษย์ (2)
เทียนเจ๋อมองซูหย่าอย่างกังวลเล็กน้อย เรื่องนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ถ้าวิหารมารโลหิตยืนกรานจะใช้เหตุผลนี้ ชื่อเสียงของสำนักธาราเมฆคงเสียหายแน่
ซูหย่ามองกู่อิ่งที่กำลังยิ้ม จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบน้ำเต้าใส่เหล้าตรงเอวของนางขึ้นมาซดอึกใหญ่ก่อนจะพูดว่า “ไอ้เด็กเวรนั่นมาส่งเสียงดังรบกวนการนอนของข้า”
“………..”
คำตอบของซูหย่าทำให้ทุกคนที่นั่นตกตะลึงทันที
แม้แต่จวินอู๋เสียก็ไม่คิดว่าซูหย่าจะโยนข้อสรุปที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ออกมา
[รบกวนการนอนเนี่ยนะ?]
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสวี่มู่เป็นประเด็นร้อนที่รู้กันทั่วสำนักธาราเมฆ และทุกคนก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูหย่าก็ยังโกหกหน้าตาเฉย ทำราวกับนางมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะทำเช่นนั้น แม้แต่เทียนเจ๋อก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
กู่อิ่งก็ตกใจกับคำพูดของซูหย่าไม่ต่างกัน ต้องใช้เวลาพักนึงกว่าเขาจะได้สติ
“อะไร? ก็มันมาตะโกนเสียงดังตอนครูกำลังพักผ่อน รบกวนการพักผ่อนของครู มันเป็นการไม่เคารพกันไม่ใช่หรือ? เจ้ารู้ไหมว่าข้าทำงานหนักแค่ไหนในการศึกษาค้นคว้าเรื่องพลังวิญญาณ โอกาสจะได้พักผ่อนก็มีแค่นิดเดียว แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะฝันดีของข้า พลังวิญญาณข้าเกือบตีกลับแน่ะ” ซูหย่ากล่าวอย่างหงุดหงิด ทำสีหน้าราวกับจะบอกว่าการที่นางไม่ตบสวี่มู่จนตายก็นับเป็นความเมตตาอย่างที่สุดแล้ว
จวินอู๋เสียฟังอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ ถ้านางจำไม่ผิด ก่อนที่สวี่มู่จะมาก่อเรื่อง นอกจากดื่มเหล้าแล้ว ซูหย่าก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย ที่ว่าต้องพักผ่อนเนี่ย……เป็นเพราะดื่มมากเกินไปรึเปล่า?
แต่คำพูดพวกนี้ จวินอู๋เสียย่อมไม่พูดออกมาอยู่แล้ว
เทียนเจ๋อยอมซูหย่าแล้วจริงๆ ถึงกับสร้างเรื่องหาเหตุผลที่ชอบธรรมแบบนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องศิษย์ ทั่วทั้งสำนักธาราเมฆคงมีแค่ซูหย่าคนเดียว ไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่ทำเช่นนี้ได้
ถ้าพูดความจริงออกมา วิหารมารโลหิตต้องจัดการกับพวกเขาแน่ และจวินอู๋เสียก็จะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่การที่ซูหย่าพูดแบบนี้ นางได้เอาทุกอย่างมาไว้ที่ตัวเองอย่างหมดจด ไม่ได้เอ่ยถึงจวินอู๋เสียเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสียเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเป็นเพราะสวี่มู่รบกวนการพักผ่อนของซูหย่า
สวี่มู่ผู้น่าสงสาร ถูกตบจนปางตายไม่พอ ยังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานทำให้ครูไม่พอใจอีก……
เฮ้อ ปกป้องศิษย์จนถึงขั้นนี้ บ้าคลั่งจนพูดไม่ออกเลยจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่ากู่อิ่งจะอยากสืบเรื่องนี้มากแค่ไหน ก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสทำได้แล้ว
ซูหย่าพูดถึงขนาดนั้นแล้ว ถึงยังไงก็ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าซูหย่ากำลังทำอะไรอยู่ในตอนนั้น ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าซูหย่าทำเพื่อจวินอู๋หรือเพื่อตัวนางเอง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกอย่างไม่ชัดเจนและไม่สามารถคลี่คลายได้
“สวี่มู่เป็นคนผิดอยู่แล้ว เขารบกวนการพักผ่อนของครูซูหย่า ครูซูหย่าย่อมมีสิทธิ์สั่งสอนเขา แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผู้น้อยไม่เข้าใจ” กู่อิ่งยังคงยิ้ม
“ว่ามา” ซูหย่าพูดอย่างหงุดหงิด
“ข้อเท็จจริงที่ผู้น้อยได้ยินในสำนักธาราเมฆดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนี้ พวกเขาพูดกันว่าสวี่มู่อยากมาแลกเปลี่ยนฝีมือกับจวินอู๋ศิษย์ของครูซูหย่า แต่เขาก็ถูกครูซูหย่าทำร้ายบาดเจ็บซะก่อน ไม่ทราบว่า……มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” กู่อิ่งพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
ซูหย่าหัวเราะเย้ยหยัน แล้วเอียงคอเล็กน้อย “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?” พูดแล้วก็หันหน้ามามองจวินอู๋เสีย “ไอ้เด็กเวรนั่นอยากแลกเปลี่ยนฝีมือกับเจ้างั้นหรือ?”
จวินอู๋เสียส่ายหน้าอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่
ซูหย่าหันกลับมามองกู่อิ่ง
“ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ? แต่เจ้าก็พูดเองว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มแลกเปลี่ยนฝีมือกันเลย ไอ้เด็กนั่นก็โดนข้าอัดเละแล้ว แล้วเจ้าว่าเรื่องไหนคือความจริงกันล่ะ?”