ตอนที่ 206 คุณนอนเป็นเพื่อนผมนะ / ตอนที่ 207 เริ่มคิดบัญชี

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 206 คุณนอนเป็นเพื่อนผมนะ

 

 

           ชอบซือเหยี่ยนไม่พอ ยังเป็นคนของแก๊งมังกรครามอีก ซือเหยี่ยนกลัวว่าเพราะรักจะสร้างความเกลียดชังให้เขาหันมาลงมือกับตัวเอง?

 

 

           “ใช่”

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจถลึงตาใส่เขา “ฉันทำอะไรไม่ได้ขนาดนี้เลยหรือไง จำเป็นต้องให้นายปกป้องด้วยเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นอารมณ์เขาเย็นลงบ้างแล้ว ถึงได้ดึงตัวอีกคนเข้ามากอดไว้ “เพื่อตามหาคุณ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้นอนเลย”

 

 

           หลายกี่สิบกว่าชั่วโมงที่ไม่ได้นอน ยังกล้าขึ้นเขามาหาเขาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินพลิกมือมากดไหล่เขาไว้ “เอาล่ะ นายไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปนอนเถอะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขา “แล้วคุณล่ะ”

 

 

           “นายจะนอนก็นอนไปสิ ยุ่งอะไรกับฉัน”

 

 

           “ผมอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนผม” เสียงนุ่มทุ้มต่ำของซือเหยี่ยนเอ่ยกระซิบ เจียงมู่เฉินได้ยินทีใจก็ชักจะเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว

 

 

           “นายโตขนาดนี้แล้ว นอนคนเดียวไม่เป็นหรือไง ทำไมต้องให้ฉันนอนเป็นเพื่อนด้วย” เจียงมู่เฉินปากแข็งใจอ่อน

 

 

           ซือเหยี่ยนยื่นมือไปจับมือเขาไว้ “ไม่มีคุณอยู่ข้างกาย ผมไม่ชิน”

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย!’ เขาพูดมาขนาดนี้ เจียงมู่เฉินจบเห่แล้ว ใจอ่อนโดยสมบูรณ์ มีหรือจะยังจำได้เรื่องที่ต้องโกรธเขาอยู่

 

 

           เขาดึงเปิดผ้าห่มออก เอนตัวลงนอนที่ข้างกาย นอนอยู่เป็นเพื่อนซือเหยี่ยน

 

 

           ซือเหยี่ยนเหนื่อยจนไม่ไหวแล้วจริงๆ นอนลงไปไม่ถึงสองนาทีก็เข้าสู่นิทราไปเป็นที่เรียบร้อย เจียงมู่เฉินเอียงคอมองใบหน้ายามอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าของเขา แล้วถอนหายใจด้วยความรู้สึกจนใจ

 

 

           เขาไม่คิดว่าซือเหยี่ยนจะตามมาถึงที่นี่จริงๆ เขายังคิดว่าเวลานี้ซือเหยี่ยนคงจะร้อนใจอยู่ที่ถานโจว คิดไม่ถึงว่าจะรีบตามมาได้ทัน

 

 

           เจียงมู่เฉินยื่นมือไปนวดคลึงรอยย่นบนหว่างคิ้วของเขา หลังจากลูบให้เรียบแล้วถึงได้คลายมือลง

 

 

           ‘ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของแก๊งมังกรครามใช่ไหม’

 

 

           ดูท่าว่าคู่ปรับของเขา เบื้องหลังจะยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากสินะ

 

 

           หลับทีหลับยาวจนถึงเวลาสี่โมงเย็น กว่าเจียงมู่เฉินจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นซือเหยี่ยนนอนตะแคงอยู่ข้างๆ มองดูเขา เจียงมู่เฉินชะงักไป “นายตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้ไม่นาน เพิ่งจะตื่นไม่ได้นานเท่าไหร่”

 

 

           “ทำไมไม่นอนพักต่ออีกสักหน่อย”

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่จ้องมองเขาแทน “คุณยังโกรธอยู่ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองบนใส่เขา “อะไรกัน นี่นายอยากเห็นฉันโกรธมากนักใช่ไหม”

 

 

           เพิ่งจะตื่นมาไม่มีอะไรจะพูดก็มาถามเขาเรื่องนี้ เขาดูเหมือนวัตถุระเบิดหรือไง ขยับไม่ขยับก็ระเบิด?

 

 

           “คุณคิดจะกลับไปเมื่อไหร่”

 

 

           “รออีกสองวันแล้วกัน สำรวจตรวจดูงานทางนี้เสร็จก็จะไป” กว่าเขาจะมาถึงในเขาที่สงบเงียบแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอยู่ต่ออีกสองวันค่อยไปอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นต้องขอโทษการเดินทางไกลที่แสนยากลำบากครั้งนี้แล้ว

 

 

           “ดี งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณด้วย”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว “ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะให้นายอยู่เป็นเพื่อนฉันไปทำไม นายไม่กลับบริษัทไปหรือไง ยังมีคนแอบรักนายคนนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่คิดจะไปสนใจจัดการเลย?”

 

 

           “พวกเขาเทียบกับคุณแล้ว คุณสำคัญกว่า”

 

 

           “หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “คำพูดนี้ของนาย ฉันไม่เชื่อแล้ว”

 

 

           ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินซือเหยี่ยนพูดแบบนี้ ครั้งแรกได้ฟังยังรู้สึกแปลกใหม่ ตอนนี้ได้ฟังหลายครั้งก็รู้สึกชินแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนขึ้นคร่อมร่างคนข้างกาย เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “ฉันจะบอกนายให้ นายอย่าคิดว่าพูดชนะฉันไม่ได้แล้วคิดจะใช้กำลังกับฉันได้นะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นหน้าตาท่าทางเอาเรื่องของเขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น เขาก้มลงจูบเจียงมู่เฉิน “ผมจะใช้กำลังกับคุณได้ลงคอได้ยังไงกัน”

 

 

           พูดชนะเขาไม่ได้ก็จูบเขา ยังมีใครที่โรคจิตมากกว่าซือเหยี่ยนเจ้าคนระยำนี้อีกไหม

 

 

           “เลี่ยน” เจียงมู่เฉินเบ้ปากอย่างไม่ยินดี คิดว่าเขาใจอ่อนง้อง่ายจริงๆ สินะ หยอดคำหวานไม่กี่ประโยค ตัวเองก็จะรอดตัวไปง่ายๆ เหรอ

 

 

           ซือเหยี่ยนแนบชิดติดริมฝีปากเขา เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบ “เฉินเฉิน สองวันนี้ผมเอาแต่คิดถึงคุณ”

 

 

           แม้กระทั่งยามหลับตาลงก็คิดถึงแต่เขา

 

 

           เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับกำลังพูดพึมพำอย่างไรอย่างนั้น เรียบเฉยแต่ยังแฝงความน้อยใจอยู่นิดๆ เจียงมู่เฉินผลักมือของเขาออก ผ่อนแรงลงเล็กน้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะด่าตัวเองไม่ได้ เกินเยียวยาแล้วจริงๆ แค่ซือเหยี่ยนทำตัวน่าสงสารนิดหน่อยก็ใจร้ายใส่เขาไม่ลงแล้ว

 

 

           

 

 

 

 

 

ตอนที่ 207 เริ่มคิดบัญชี

 

 

           “พอเถอะ ฉันรู้แล้ว นายปล่อยฉันก่อนนะ” เขาเอามือผลักซือเหยี่ยนออก อยากให้เขาคลายมือออก

 

 

           ซือเหยี่ยนคลายมือออกเล็กน้อย แต่กลับไม่ปล่อยมือ เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา

 

 

           เจียงมู่เฉินหมดหนทางจะทำให้เขาปล่อยแล้ว ทำได้เพียงยอมให้เขากอดตัวเองแต่โดยดี

 

 

           เขาผ่อนคลายร่างกายให้ตัวเองอยู่ในอ้อมอกของซือเหยี่ยนได้อย่างสบายขึ้นมาเล็กน้อย ผ่านไปไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินถึงเอ่ยปากออกมา “นายรู้ไหมว่าเมื่อห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่โอบกอดเจียงมู่เฉินกระชับแน่นขึ้น เจียงมู่เฉินเจ็บจนคิ้วขมวดกัน กำลังจะเตรียมออกปาก ซือเหยี่ยนก็คลายมือลง

 

 

           เขาจูบคนในอ้อมกอด แล้วเอ่ยถาม “ทำไมนึกถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อนขึ้นมาเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันไม่เคยบอกนายมาตลอด ที่จริงเมื่อห้าปีก่อน ฉันประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำ”

 

 

           เขาหยุดลงสักพัก ก่อนกล่าวต่อ “จะว่ากันก็คือเรื่องทุกอย่างของฉันเมื่อห้าปีก่อน ฉันลืมไปแล้วทั้งหมด ในหัวจำได้แค่เพียงเรื่องราวห้าปีให้หลังพวกนี้เท่านั้น”

 

 

           “ช่วงนี้จู่ๆ ฉันก็คิดถึงว่าเมื่อห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ ถึงได้ทำให้ฉันลืมทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น”

 

 

           ตั้งแต่แม่เขาเริ่มเอ่ยถึงเรื่องในอดีตตอนที่อยู่อเมริกา บวกกับที่ซังจิ่งเอ่ยถึงว่าได้เคยเจอกันกับเขาที่อเมริกาด้วย

 

 

           ตลอดห้าปีมานี้เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องอุบัติเหตุในตอนนั้นเลย แต่ว่าตอนนี้จู่ๆ เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

           เขาไม่มีความทรงจำ แต่คนที่รู้เรื่องนี้ มีเพียงแค่พ่อแม่เขา แต่ดูเหมือนพวกท่านจะปรึกษากันดีแล้วอย่างไรอย่างนั้น ไม่คิดจะบอกอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อห้าปีก่อนกับเขาทั้งนั้น

 

 

           ตั้งแต่เจียงมู่เฉินเอ่ยถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อนขึ้นมา เส้นประสาทของซือเหยี่ยนก็ขึงตึงขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เจียงมู่เฉินถึงได้ถามเรื่องเมื่อห้าปีก่อนขึ้นมาได้

 

 

           สงสัยใคร่รู้กะทันหัน หรือจากสาเหตุอย่างอื่น

 

 

           แวบแรกซือเหยี่ยนนึกถึงซูเตอร์ คิดว่าเขาลงมือทำอะไรแทรกกลางหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าไม่ควรจะเป็นไปได้

 

 

           ซูเตอร์เพิ่งรับช่วงต่อแก๊งมังกรคราม เรื่องของเจียงมู่เฉินในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้ด้วย ไม่มีทางจะสืบเรื่องมาถึงเจียงมู่เฉินได้

 

 

           แต่ครั้งนี้ที่จู่ๆ ซูเตอร์มาหาถึงถานโจวได้ กลับไม่ทำให้คนสงสัยในเจตนารมณ์ของเขาไม่ได้

 

 

           เขาพยายามจะทำให้ตัวเองผ่อนคลายลงเล็กน้อย อย่าให้เจียงมู่เฉินมองเงื่อนงำออกเด็ดขาด เขาขมวดคิ้วมองเจียงมู่เฉินด้วยความตื่นตระหนก ค่อยๆ คว้าแขนของเขาเอาไว้ เอ่ยถามอย่างร้อนรน “เมื่อก่อนคุณประสบอุบัติเหตุเหรอ เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “เรื่องนี้พ่อแม่ฉันปิดบังไว้มิดมาก ตอนนี้นอกจากพวกท่าน ก็แค่นายกับมั่วไป๋ที่รู้”

 

 

           “แล้วคุณอยากจะฟื้นความทรงจำช่วงนั้นกลับมาไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอกตามตรง การสูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไปไม่ได้กระทบกับชีวิตฉันมากเท่าไหร่หรอก แต่ฉันมีความรู้สึกหนึ่งมาตลอด ว่าในความทรงจำช่วงนั้นที่ฉันสูญเสียไปดูเหมือนจะผ่านเรื่องอะไรสำคัญมากมา

 

 

           ซือเหยี่ยนกระชับมือแน่น “เฉินเฉิน เรื่องสูญเสียความทรงจำรีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเราปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีไหม บางทีสักวันอาจจะนึกขึ้นมากะทันหันก็ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ “ฉันก็พูดไปงั้นเอง เรื่องแบบนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามวาสนา ไม่แน่ว่าทั้งชีวิตนี้อาจจะนึกไม่ออกเลย หรือบางทีผ่านไปสองวันก็นึกขึ้นมาได้กะทันหัน”

 

 

           เขายังถือว่าเปิดใจยอมรับแล้ว นึกขึ้นมาได้เป็นตามธรรมชาติดีที่สุด ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่มีวิธีอะไร ถึงอย่างไรการสูญเสียความทรงจำเรื่องทำนองนี้ ต่อให้ทุบสมองเปิดออกมาวิจัยก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

 

           “ขอโทษ ผมไม่รู้เลยว่าคุณเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย” น้ำเสียงซือเหยี่ยนฟังดูเหมือนแอบๆ ตำหนิตัวเองไปด้วย

 

 

           “เอาเถอะ คุณชายก็แค่จู่ๆ รู้สึกรบกวนใจขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะให้นายมาเห็นใจฉัน อีกอย่างเรื่องทำนองนี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าเห็นใจหรอก” มีท่าทีอ่อนโยนแบบนี้ เจียงมู่เฉินยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่

 

 

           รู้สึกเสมอว่าประธานซือไม่เหมาะที่จะเดินทางสายอ่อนโยนเช่นนี้

 

 

           เขาอยู่ในมาดเย็นชายังจะดีกว่า มาดหัวสูงขี้เก๊กดีๆ เข้ากันกับเขามากกว่า

 

 

           ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง จู่ๆ ก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับอีกคนไว้ “มีเรื่องหนึ่งผมคิดขึ้นมาได้พอดี เรื่องของคุณพูดจบแล้ว เรื่องของผมยังไม่จบเลย”

 

 

           เขายังจำได้ว่าตัวเองยังมีบัญชีที่ยังไม่ได้สะสางกับเขา