บทที่ 462 ทดสอบหยั่งเชิงแม่นมเว่ย

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นคืนที่ไม่ธรรมดา ฉีเฟยอวิ๋นคล้ายดั่งถูกเรียกร้องอย่างหนักหน่วง เวลาต่อมาถึงได้ส่ายศีรษะปฏิเสธ

เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก รุ่งเช้าฉีเฟยอวิ๋นเลยนอนไม่ตื่น

ตอนที่อวิ๋นจิ่นเข้ามาหนานกงเย่ได้ออกไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นนอนอยู่ด้านใน ชำเลืองมองอวิ๋นจิ่นแล้วเธอจึงนอนต่อ

อวิ๋นจิ่นอุ้มเด็กน้อยไปที่ห้องฝึกซ้อม และสั่งให้หงเถากับลี่ว์หลิวดูแลก่อน นางเดินไปเปิดหน้าต่างออกเล็กน้อย เพื่อที่จะทำให้อากาศภายในห้องโล่งปลอดโปร่งถ่ายเทสะดวก และเพื่อกระจายพัดผ่านบรรยากาศของที่หลงเหลืออยู่ด้วย

ช่วงที่ฉีเฟยอวิ๋นนอนตื่นก็ช่วงเวลาเที่ยงวันแล้ว พอตื่นนอนขึ้นมาเธอได้ไปดูเด็กๆก่อน แล้วค่อยกลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และกินอาหารทางห้องฝั่งทิศตะวันตก อวิ๋นจิ่นพาคนทำความสะอาดภายในห้องเรียบร้อย ถึงได้ไปหาเด็กน้อย

ตอนที่อวิ๋นจิ่นกำลังไปบังเอิญพบเข้ากับหวังฮวายอัน พอเข้ามาพอดีกับที่ทั้งสองคนได้เฉียดกายกัน อวิ๋นจิ่นหยุดชะงักทันที แล้วถอนสายบัวกล่าวว่า”ถวายบังคมเพคะท่านกั๋วจิ้ว!”

หวังฮวายอันหมุนตัวมองอวิ๋นจิ่น จากนั้นกล่าวว่า”เงยหน้าขึ้น ข้าขอดูหน่อย”

อวิ๋นจิ่นเงยหน้า แล้วก้มลงอีกครั้ง

“อวิ๋นจิ่นหรือ?”หวังฮวายอันกล่าวถาม

“เพคะ”

“ออกไปเถิด”

หวังฮวายอันหมุนตัวเดินไปที่ห้องฝั่งทางทิศตะวันตก ตอนเช้าก็มาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลุกและก็ไม่ได้เข้ามา

ครั้งนี้มีคนแจ้ง เขาถึงได้มา เพราะฉะนั้นพอเข้ามาเขาเลยมุ่งตรงไปที่ห้องฝั่งทางทิศตะวันตกเลย

อาอวี่ยืนอยู่หน้าห้องฝั่งทิศตะวันตก สายตาเบนมองอวิ๋นจิ่นที่ออกไป พอเจอหวังฮวายอันเลยโค้งคำนับกล่าวว่า”กั๋วจิ้ว”

“พระชายาเย่อยู่หรือไม่?”

“อยู่พ่ะย่ะค่ะ”

อาอวี่ผลักประตูออก จากนั้นหวังฮวายอันจึงเดินเข้าไป

“กั๋วจิ้ว”พอพบเจอหวังฮวายอันฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบลุกขึ้นทักทาย

“เปิดประตูไว้เถิด”หวังฮวายอันกล่าวแล้วเดินไปนั่ง หนานกงเย่ไม่อยู่เขาก็ไม่ได้แปลกใจ ได้ยินมาว่าสองวันนี้หนานกงเย่จะยุ่งมาก และหวังฮวายอันเป็นผู้ควบคุมกองสอดแนม เขารู้เรื่องความเคลื่อนไหวของหนานกงเย่นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ฉีเฟยอวิ๋นมองอาอวี่ที่อยู่หน้าประตู แล้วกล่าวว่า”อาอวี่ นำชามาถวาย”

แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บ แต่หนานกงเย่ไม่อยู่ หลีกเลี่ยงการเป็นขี้ปากคน หวังฮวายอันทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

คำพูดของผู้คนน่ากลัว สถานที่แห่งนี้แม้แต่ดาวขนาดเล็กยังสามารถกลืนกินคนได้เลย!

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง หวังฮวายอันเอื้อมมือออกมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้แตะสัมผัสจับชีพจรบริเวณข้อมือของหวังฮวายอันเพื่อตรวจชีพจรให้เขา

หวังฮวายอันเงยหน้ามองใบหน้าที่เรียบเฉยของฉีเฟยอวิ๋น มันเป็นสัญญาณลับที่แปลกประหลาดเหลือเกิน

อาอวี่มองอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ทั้งสองคนนี้เหตุใดถึงได้ลึกลับเช่นนี้!

“เมื่อคืนนี้ดีขึ้นหรือไม่?”ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือออกแล้วกล่าวถาม

หวังฮวายอันดึงมือกลับมา กล่าวขึ้นว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ค่อยลุกเท่าไหร่แล้ว แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าทรมาน เมื่อเช้าลุกขึ้นมาการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมาก ไม่ได้มีอาการบวมแล้ว”

“ท่านกลับไปกินยา หลังจากนี้สามวันข้าจะเตรียมยาให้ท่านนะ แต่โรคของท่านนี้คล้ายดั่งขับก้อนนิ่วเป็นหลัก พยาธิสภาพของโรคข้าไม่พูดถึงแล้วกัน วันนี้ท่านต้องดื่มน้ำให้มาก เดินเคลื่อนไหว มันจะเป็นผลดีต่อท่าน จะได้ขับก้อนนิ่วออกได้ไว

ตามปกติที่ข้าคิดพิจารณา ขนาดก้อนนิ่วของท่านนี้ ทางที่ดีที่สุดต้องทำการผ่าตัด อีกอย่างการขับก้อนนิ่วจะเจ็บเล็กน้อย อีกทั้งปัสสาวะของท่านจะเป็นสีแดง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปกติ”

“ใช่แล้ว ข้าเอาหมอประจำจวนของข้ามาด้วย ท่านช่วยข้าดูสักหน่อย เขาอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า”

หวังฮวายอันไม่มีทางที่จะเก็บคนที่แอบวางแผนชั่วไว้ข้างกายหรอก เพราะฉะนั้นเขาต้องการตรวจสอบคำพูดของฉีเฟยอวิ๋นว่าจริงหรือเท็จ

ฉีเฟยอวิ๋นก็จับทางเดาได้แล้ว อาอวี่เพิ่งจะพูดถึงเรื่องนี้เอง

“กั๋วจิ้ว มีบางเรื่องที่ท่านอาจจะยังไม่รู้”ฉีเฟยอวิ๋นเลยนำเรื่องราวของพระชายาตวนบอกกับหวังฮวายอัน หวังฮวายอันเป็นคนฉลาด

“ในเมื่อกล้าขู่เข็ญคนของพระมเหสีหวา เช่นนั้นข้างกายของข้าจึงไม่แปลกที่จะมีคนสองคน”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นต้องดูหรือไม่เล่า?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถาม

หวังฮวายอันส่ายหน้า กล่าวว่า”ไม่ต้องดูแล้ว ข้ากลับก่อนนะ ฝากบอกท่านอ๋องเย่ด้วย ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่ชัดแน่นอน”

“เชิญกั๋วจิ้ว”

หวังฮวายอันหันมองฉีเฟยอวิ๋นเล็กน้อยแล้วเดินออกไป

“พระชายา เสี่ยวกั๋วจิ้วคล้ายดั่งว่าใส่ใจอวิ๋นจิ่นเป็นอย่างมาก ตอนที่เข้ามาพบ ได้เรียกอวิ๋นจิ่นไว้เพื่อมองดูอยู่สักครู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ ”อาอวี่กล่าวพูดออกมาด้วยความปากมากปากไว

ฉีเฟยอวิ๋นตลกขบขัน กล่าวว่า “อาอวี่ ข้านึกว่าเจ้าชื่นชอบอวิ๋นจิ่นเสียอีก ไม่มีเรื่องอันใดก็มักจะจ้องมองนางตลอดเลย”

“มิใช่นะพ่ะย่ะค่ะ พระชายาเย่พูดไปเชียว”อาอวี่กล่าวแล้วหน้าแดงก่ำ แต่เขาไม่ได้มีความคิดอะไรอย่างอื่นเลยอย่างจริงใจ

ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล่าวหยอกล้ออาอวี่แล้ว เธอเลยสั่งอวิ๋นจิ่นดูแลลูก จากนั้นได้พาอาอวี่กลับจวนท่านอ๋องเย่ วันนี้ทังเหอกับพ่อบ้านกำลังจ้องมองและตรวจสอบเรื่องราวที่เรือนด้านหลัง ฉีเฟยอวิ๋นได้สั่งคนให้ย้ายของไปบางส่วน กล่าวพูดไม่กี่คำก็กลับก่อนแล้ว

พอกลับมาถึงจวนท่านแม่ทัพเวลาก็ตกบ่ายแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนยืนรอเธออยู่หน้าจวน ข้างกายมีแม่นมเว่ยด้วย

“พระชายาเย่”ฉีเฟยอวิ๋นเดินมาใกล้ แม่นมเว่ยเลยรีบคำนับกล่าวทำความเคารพ

“แม่นมเว่ยก็มาหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวทักทายแม่นมเว่ยเลยถอนสายบัว

“ท่านพี่เสียนเฟย ข้า…..”อวิ๋นหลัวฉวนแกล้งทำทีเหมือนจะเอ่ยอะไร ฉีเฟยอวิ๋นเลยเรียกบอกนางเข้าไปคุยกันด้านใน

ทั้งสามคนมานั่งที่ห้องโถงด้านหน้า ฉีเฟยอวิ่นถามอวิ๋นหลัวฉวนว่าเป็นอันใด อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าว่า “เมื่อคืนข้าไปที่จงชินอ๋องมา ท่านอ๋องเฆี่ยนตีจงชินอ๋องอีกแล้ว ข้าไปดู จงชินอ๋องมีหมอเทวดาดูให้กับข้า ผลสรุปบอกว่าข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เดิมทีข้าไม่เชื่อ ผลสรุปกลับถึงจวนกั๋วกง พอให้หมอที่จวนดูให้ข้า คิดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องจริง

ท่านพี่เสียนเฟย เสด็จแม่อยากอุ้มหลานมาโดยตลอด แต่ข้าดันเป็นโรคนี้ ท่านต้องช่วยข้านะ”

“ข้าดูสิ”ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือออกไป เพื่อตรวจอาการดูโรคของอวิ๋นหลัวฉวน ตามด้วยพูดไม่กี่ประโยค แล้วจ่ายยาแก่อวิ๋นหลัวฉวน นี่ถึงได้กล่าวพูดถึงเรื่องของแม่นมเว่ยขึ้นมา

“ฉวนเอ๋อร์ ทางด้านของข้ากำลังคนไม่เพียงพอ ข้าสามารถยืมตัวแม่นมเว่ยได้หรือไม่ อวิ๋นจิ่นนางดูแลผู้เดียวไม่ไหว รอจนข้าว่างผ่านช่วงนี้ไป ข้าก็จะคืนแม่นมเว่ยแก่ท่าน ได้หรือไม่?”

“อันนี้…….”อวิ๋นหลัวฉวนอึกอักลำบากใจ “แม่นมเว่ยเป็นคนของเสด็จแม่ ออกมาดูแลข้าคือท่านอ๋องเป็นผู้รับนำทาง อีกอย่างไม่ใช่ว่าข้าจะยินยอมพร้อมใจได้เลย”

ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้กล่าวว่า”เช่นนั้นก็ช่างเถิด!”

“มิเป็นไรเลยเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันกลับไปคุยกับพระมเหสี เรื่องนี้น่าจะไม่ยาก ต่อไปให้แม่นมหลิวที่อยู่ในวังมาดูแลพระชายาก็ย่อมได้ ”แม่นมเว่ยกล่าวพูดอยู่ด้านข้าง

ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ แล้วกล่าวว่า“เช่นนั้นรบกวนแม่นมเว่ยด้วย ผ่านช่วงเวลานี้ไปข้าก็จะรับคนมา แล้วก็ไม่ต้องรบกวนแม่นมเว่ยแล้ว”

“มิเป็นไรเพคะ เดี๋ยวตอนนี้หม่อมฉันจะไปขอคำสั่งจากพระสนมนะเพคะ ”พูดจบแม่นมเว่ยก็ถอนสายบัวเดินออกไปเลย

ฉีเฟยอวิ๋นรอคนไปแล้วได้หันมองใบหน้าสงสัยไม่เข้าใจของอวิ๋นหลัวฉวน ดูเหมือนว่านางก็มั่นใจแล้ว

อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “ท่านพี่เสียนเฟย ดูเหมือนว่าแม่นมเว่ยจะมีปัญหาอย่างแท้จริง เมื่อครู่ท่านบอกต้องการให้นางคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกาย ท่านได้ดูท่าทางนางหรือไม่ นางไม่ได้ถามอะไรข้าเลย ก็ตอบตกลงเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ยิ่งรีบร้อนเข้าพระราชวังเพื่อไปพูดเรื่องนี้กับเสด็จแม่อีก ชัดเจนว่ามีแผนการที่ไม่ดี”

“วางใจเถิด ได้เตรียมคนเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่แม่นมเว่ยไปพบคนผู้นั้น ก็ถูกจับได้แล้ว”

“อืม”

พอแม่นมเว่ยออกมาก็เข้าพระราชวังก่อน หลังจากที่กราบทูลพระมเหสีหวาแล้ว ก็ได้พาแม่นมหลิวออกมาจากพระราชวังมาด้วย

นางไม่ได้ไปที่แห่งไหนเลยก็มุ่งตรงไปที่จวนท่านแม่ทัพ

ก่อนที่แม่นมเว่ยจะกลับมาเจ้าอีกาน้อยได้กลับมาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามด้วยความแปลกใจว่า “เกิดอันใดขึ้นหรือ?”

อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวถามว่า”ท่านพี่เสียนเฟย ตรวจสอบออกมาได้แล้วหรือ?”

“แม่นมเว่ยไม่ได้ไปที่แห่งใดเลย กลับพระราชวังกราบทูลเสร็จก็พาแม่นมหลิวมาแล้ว”ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองอวิ๋นหลัวฉวน

“เช่นนั้นก็แปลกมาก!”อวิ๋นหลัวฉวนก็กล่าวอย่างไม่เข้าใจ