ตอนที่ 382 ชุนเหนียงฆ่าตัวตาย / ตอนที่ 383 ไม่ควรทำกับตนเองเช่นนี้

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 382 ชุนเหนียงฆ่าตัวตาย

 

 

มั่วชิงกับอู่จิ้นที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงหัวเราะจากข้างใน ทั้งสองคนต่างก็ทำหน้างง

 

 

เรื่องอะไรที่ทำให้คุณหนูของพวกเขาหัวเราะมีความสุขขนาดนั้น และมีเพียงเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถหัวเราะต่อหน้าเซียวเหยี่ยนได้อย่างไม่เกรงใจ ไม่มีรูปแบบ การหัวเราะเสียงดังเป็นข้อห้ามอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง หัวเราะเช่นนี้ดูไม่งาม

 

 

แต่เสียงหัวเราะนี้ ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกมีความสุข ทั้งสองคนต่างยิ้มออกมา แต่ไม่พูดอะไร

 

 

ตอนนี้เองชุนเหนียงกำลังอยู่ในห้อง ลังเลสักครู่ สุดท้ายก็ลุกขึ้นออกจากห้อง แอบออกไปจากเรือน อวิ๋นซั่วคอยเฝ้าสังเกตชุนเหนียงอยู่ตลอด เห็นชุนเหนียงออกจากเรือนไป จึงตามไปด้วย

 

 

ออกมาจากเรือนพักแล้ว ชุนเหนียงก็เดินไปตามถนนเล็กอย่างระมัดระวัง เดินมาถึงกระท่อมร้างหลังหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ากระท่อมนี้ถูกทิ้งร้างมานานแล้ว หลังคามีรูใหญ่ ข้างในรกรุงรัง มีขยะกองสุมเป็นกองใหญ่

 

 

อวิ๋นซั่วที่ตามมาข้างหลังเริ่มอยากรู้ ชุนเหนียงมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้ หรือว่าจะมาหาใคร

 

 

ชุนเหนียงหยิบหินเหล็กไฟออกมาจากอกเสื้อ นางคิดแล้วคิดอีก มีแต่วิธีนี้เท่านั้น นางตายไป ศพจึงจะตกไปอยู่ในมือของสำนักอู๋จี๋ไม่ได้ นางเคยเห็นนักรบไร้ชีพมาก่อน นางไม่อยากตายแล้วจะถูกใช้ประโยชน์เช่นนั้น

 

 

นางไม่อยากตาย และกลัวเจ็บด้วย แต่ตอนนี้นางถูกบังคับจนหมดหนทางไปแล้ว นอกจากจบชีวิตตนเองเสียก็คิดวิธีใดไม่ออกแล้ว

 

 

นางถือหินเหล็กไฟไว้ มือสั่นระรัวตลอดเวลา พอจะจินตนาการความเจ็บปวดที่จะตามมาได้ หวังเพียงอย่างเดียวว่าชาติหน้าอย่าได้พบเจอกับสำนักอู๋จี๋อีกเลย

 

 

รออยู่สักครู่ นางก็ใช้หินเหล็กไฟจุดฟางหญ้า ของเหล่านี้ติดไฟง่ายอยู่แล้ว แค่สัมผัสไฟ ก็เผาไหม้ทันที เปลวไฟขยายใหญ่ในพริบตา อุณหภูมิที่แผดเผาทำให้นางรู้สึกเจ็บ นางถอยหลังไปสามสี่ก้าวก็ทรุดนั่งลงกับพื้น น้ำตาไหลรินอย่างควบคุมไม่ได้ นางเช็ดน้ำตาไม่หยุด ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเยอะ

 

 

อวิ๋นซั่วขวัญกระเจิง เขาคิดไม่ถึงว่าชุนเหนียงวิ่งมาที่นี่เพื่อฆ่าตัวตาย ซ้ำยังเลือกวิธีที่เจ็บปวดทรมานเช่นนี้ สตรีผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร

 

 

ไม่ได้ นางยังตายไม่ได้ สมุนไพรเซียนหลินจือยังอยู่ในมือนาง คิดถึงตรงนี้ อวิ๋นซั่วก็บุกเข้าไป คิดจะช่วยชีวิตชุนเหนียงออกมา

 

 

เมื่อเห็นอวิ๋นซั่วที่โผล่มาอย่างฉับพลัน ชุนเหนียงก็ตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“เจ้า…เจ้ามาได้อย่างไร”

 

 

“เจ้าบ้าแล้วหรือ อยู่ดีๆ หาเรื่องตายเพื่ออะไร รีบออกไปกับข้า ช้าอีกจะไม่ทันการ”

 

 

อวิ๋นซั่วพูดไปพลางก็ฉุดดึงชุนหนียงไปพลาง อยากดึงชุนเหนียงออกไป แต่ชุนเหนียงกลับยื้อไว้

 

 

“คุณชายน้อย เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องยุ่ง เจ้ารีบไป ขืนช้าอีก เจ้าก็จะไปไม่ได้เช่นกัน”

 

 

“มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ หาเรื่องตายเพื่ออะไร กว่าจะมีชีวิตไม่ง่ายเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าไฟเผาท่วมตัวทรมานเพียงใด เจ้าอยากเผาตัวเองให้กลายเป็นเถ้าถ่านจริงๆ หรือ”

 

 

อวิ๋นซั่วพูดเสียงดัง ฉุดดึงชุนเหนียงไม่ปล่อย คิดจะฉุดชุนเหนียงออกไป เดิมชุนเหนียงก็กลัวอยู่แล้ว คราวนี้รู้สึกถึงอุณหภูมิของเปลวเพลิง ในใจก็ยิ่งหวาดผวาไปใหญ่ ไม่ยื้อไว้อีก อยากออกไปกับอวิ๋นซั่ว

 

 

อวิ๋นซั่วสะดุดแท่งไม้บนพื้นเล็กน้อย ร่างกายของเขาโน้มไปข้างหน้า ปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว จากนั้นได้ยินเสียงชุนเหนียงกรีดร้อง ชุนเหนียงล้มลงไปในกองเพลิง ถูกเปลวไฟห่อหุ้มทั้งตัว ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทำให้ชุนเหนียงกรีดร้องโหยหวน

 

 

“รีบไป รีบไป…”

 

 

อวิ๋นซั่วเหมือนถูกอะไรบางอย่างยึดร่างไว้ทั้งตัว สมองว่างเปล่า ได้ยินประโยคที่บอกให้รีบไปแล้ว เขาไม่ลังเล ยังคงบุกเข้าไปคว้ามือชุนเหนียงไว้ ทุ่มสุดกำลังพาชุนเหนียงวิ่งออกจากกองไฟ

 

 

เพิ่งออกมาได้ กระท่อมฟางด้านหลังก็พังครืนลงมา

 

 

เขาหยิบกิ่งไม้จากพื้นขึ้นมา ตีไปบนตัวชุนเหนียงอย่างเอาเป็นเอาตาย หมายจะดับไฟบนตัวชุนเหนียง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 383 ไม่ควรทำกับตนเองเช่นนี้

 

 

ชุนเหนียงเจ็บปวดจนกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ หน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาไม่ขาด ในที่สุดก็ดับไฟบนตัวชุนเหนียงได้ เพียงแต่ทั้งตัวชุนเหนียงถูกไฟเผาจนดำเป็นตอตะโก หายใจรวยริน

 

 

อวิ๋นซั่วนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง หอบหายใจเฮือกใหญ่ เหงื่อไหลหยดย้อยไม่ขาดสาย เพิ่งสัมผัสกับพื้น มือก็รู้สึกเจ็บแสบ

 

 

เขาเหลือบมองดูมือตนเอง เลือดเนื้อบนมือปะปนกัน กลายเป็นสีดำไปหมด เมื่อครู่ตอนช่วยชุนเหนียงเอาไว้ มือของเขาก็ถูกไฟไหม้ เพียงแต่บาดแผลนี้เมื่อเทียบกับความสะเทือนใจที่ได้รับเมื่อครู่ มันไม่มีค่าพอให้พูดถึง เขาไม่กล้ามองชุนเหนียงที่อยู่บนพื้นด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ยังเป็นคนดีๆ อยู่ ครู่เดียวก็ถูกไฟคลอกจนจำไม่ได้

 

 

ชุนเหนียงยังมีลมหายใจอยู่ น้ำเสียงเบามาก

 

 

“คุณชายน้อย พอข้าตายแล้วโยนข้าเข้ากองไฟที อย่าให้เหลือแม้แต่ซาก ขอร้อง…ขอร้อง…”

 

 

“ทำไม”

 

 

อวิ๋นซั่วอายุยังน้อย มองชุนเหนียงอย่างเหม่อลอย

 

 

ตอนนี้ชุนเหนียงมีเวลาอธิบายเสียที่ไหน นางทนความเจ็บปวด เริ่มพูดไม่ชัด

 

 

“ขอร้อง…ต้องรับปากข้า…ต้อง…”

 

 

พูดยังไม่ทันจบชุนเหนียงก็สิ้นเสียงแล้ว อวิ๋นซั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชุนเหนียง ถึงดึงดันจะเผาร่างตนเองเป็นเถ้าถ่านให้ได้

 

 

เขายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ ในใจค่อนข้างรู้สึกผิด เมื่อครู่หากเขาไม่สะดุด ชุนเหนียงก็คงไม่ตาย ช่วงเวลาวิกฤติที่สุดนางยังไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากไปด้วย คนที่มีมโนธรรมเช่นนี้ เหตุใดถึงต้องเลือกวิธีโหดร้ายมาลงโทษตนเอง หรือว่าหลิงอวี้จื้อทำอะไรนาง

 

 

อวิ๋นซั่วสันนิษฐานเช่นนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องมันคงเป็นเช่นนั้น

 

 

เขาทำใจโยนชุนเหนียงเข้ากองไฟไม่ได้แน่ แต่ขุดหลุมหนึ่งหลุมแถวๆ กระท่อมฟาง แล้ววางชุนเหนียงลงไป ฝังกลบดีแล้ว เขาก็พูดขอโทษ

 

 

“ขอโทษนะ สุดท้ายข้าก็ช่วยเจ้าเอาไว้ไม่ได้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่ชุนเหนียง ขอให้เจ้าไปดี เจ้าเป็นคนดี ไม่ควรทำกับตนเองเช่นนี้”

 

 

พูดจบก็โขกหัวคำนับแล้วจากไป การเคารพนี้ ถือเป็นการที่ตนเองกล่าวขออภัยชุนเหนียงแล้ว

 

 

เขาไปที่โรงหมอ พันแผลที่มือเรียบร้อยแล้วจึงกลับไป ด้วยเหตุนี้ตอนที่กลับไปฟ้าก็มืดแล้ว หลิงอวี้จื้อกำลังหาชุนเหนียง เจออวิ๋นซั่วที่ธรณีประตูพอดี จึงถามว่า

 

 

“อวิ๋นซั่ว เจ้าเห็นชุนเหนียงหรือไม่”

 

 

“ไม่ ข้าไม่เห็นเลย ชุนเหนียงหายไปหรือ”

 

 

อวิ๋นซั่วไม่ได้เล่าเรื่องที่เห็นในวันนี้ให้หลิงอวี้จื้อฟัง เขาคิดเป็นปฏิปักษ์กับหลิงอวี้จื้ออยู่แล้ว รู้สึกว่าหลิงอวี้จื้อบังคับให้ชุนเหนียงตาย

 

 

“ใช่สิ แปลกจริง ฟ้าก็มืดแล้ว ชุนเหนียงไปไหน”

 

 

หลิงอวี้จื้อค่อนข้างเป็นกังวล เธอกลัวว่าชุนเหนียงจะไปตกอยู่ในมือสำนักอู๋จี๋ เมื่อใดที่ตกอยู่ในมือพวกนาง เมื่อนั้นก็มีโอกาสรอดน้อย

 

 

จากนั้น เธอเห็นผ้าพันแผลบนมือของอวิ๋นซั่ว ถึงแม้ว่าจะซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ แต่ผ้าพันแผลยังโผล่ออกมาเล็กน้อย เธอถามอย่างเป็นห่วง

 

 

“มือเจ้าเป็นอะไรไป เสื้อผ้าก็สกปรกขนาดนี้ เหตุใดถึงมีกลิ่นเหมือนมีกลิ่นไหม้ด้วย”

 

 

“ในตำบลมีบ้านหนึ่งโดนไฟไหม้ ข้าเข้าไปช่วย ไม่ระวังจึงไหม้มือ พี่สะใภ้ ข้ากลับห้องก่อนนะ”

 

 

อวิ๋นซั่วพูดจบก็รีบร้อนเดินไป

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นก็ออกไปหาชุนเหนียงข้างนอก กลับมาตอนนี้เช่นเดียวกัน เมื่อหลิงอวี้จื้อเห็นมู่หรงนี่อวิ๋น ก็เรียกคำหนึ่ง มู่หรงนี่อวิ๋นไม่สนใจเธอ เดินตรงไปข้างหน้า หลิงอวี้จื้อแปลกใจ มู่หรงนี่อวิ๋นเป็นอะไรไปอีกแล้ว วันนี้ทำไมทุกคนดูผิดปกติกันไปหมด

 

 

“นี่อวิ๋น ข้าทำอะไรผิดต่อเจ้าหรือไม่”

 

 

“ไม่นี่”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นหยุดเดิน