ตอนที่ 384 ความลับตลอดชีวิต / ตอนที่ 385 น่ากลัวยิ่งกว่าฉากในหนังสยองขวัญ

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 384 ความลับตลอดชีวิต

 

 

“ข้าเรียกเจ้า เหตุใดเจ้าถึงเมินข้า”

 

 

“ไม่ได้ยิน”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นอธิบายลวกๆ พอเห็นหลิงอวี้จื้อก็นึกถึงภาพที่เซียวเหยี่ยนจูบนาง รู้สึกรับไม่ได้เอามากๆ ถึงแม้ตนเองไม่ควรมีปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่กลับควบคุมตนเองไม่ได้ นางเป็นผู้หญิงที่เขารัก เขาหวังว่านางจะมีความสุข แต่ก็หึงเช่นกัน

 

 

“เจ้าแกล้งทำน่ะสิ แต่ว่าวันนี้พวกเจ้าดูแปลกๆ กันไปนะ ไม่พูดไร้สาระแล้ว พวกเรามาเข้าประเด็นดีกว่า เจ้าหาชุนเหนียงเจอหรือไม่”

 

 

“ข้าไปหามาทั้งตำบลแล้ว หาชุนเหนียงไม่เจอ ข้าว่านางออกจากตำบลเถาหยวนไปแล้ว”

 

 

“หากนางจะไปจริงๆ ก็ต้องแจ้งพวกเราสิ ข้าแค่กลัวว่านางจะเกิดเรื่องเสียแล้ว นางคงไม่ถูกคนสำนักอู๋จี๋จับตัวกลับไปแล้วหรอกนะ”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเหมือนนึกอะไรออก พูดว่า

 

 

“ใช่แล้ว ตอนที่ข้าเพิ่งจะกลับมาได้ยินคนในตำบลพูดกันว่า ตอนบ่ายมีกระท่อมร้างหลังหนึ่งไฟไหม้

 

 

กระท่อมหลังนั้นถูกทิ้งร้างมานานแล้ว มิหนำซ้ำตำแหน่งที่ตั้งก็ค่อนข้างไกล เมื่อก่อนมีคนเคยผูกคอตาย ปกติไม่มีใครกล้าไป มีคุณปู่คนหนึ่งเล่าว่าได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องตะโกนแว่วๆ ข้าจะลองไปดูที่นั่น”

 

 

“ข้าไปกับเจ้าด้วย วันนี้อวิ๋นซั่วบอกว่าตนเองไปช่วยคนถูกไฟไหม้ หรือว่าเขาไปช่วยคนถูกไฟไหม้ที่นั่น พวกเราลองไปดูก่อน นี่อวิ๋น เจ้ารีบนำทางไป”

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่มีใจจะกินข้าวแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ยังไม่ตื่น อย่างไรเธอก็จะไปหาชุนเหนียง เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นยังมีสีหน้าหงุดหงิด จึงพูดเร่ง

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นไม่พูดอะไรอีก เดินนำทางข้างหน้า มั่วชิงเดินตามหลังหลิงอวี้จื้อ สามคนมุ่งหน้าไปทางกระท่อมฟาง

 

 

“นี่อวิ๋น พวกเราก็รู้จักกันมานานแล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้ามีท่าทางไม่สบายใจเลย มีอะไรกวนใจรีบบอกข้า ถึงแม้ว่าข้าช่วยไม่ได้ แต่ข้าก็ช่วยเจ้าบรรเทาทุกข์ได้นะ”

 

 

สิ่งที่กวนใจเขาก็มาจากนางนั่นแหละ นางจะมาช่วยเขาบรรเทาได้อย่างไร ช่างเถอะ พูดไปก็มีแต่จะกระทบความสัมพันธ์ของพวกเขา เรื่องนี้เกรงว่าจะต้องเป็นความลับไปตลอดชีวิต

 

 

“ข้าไม่ได้แตะผู้หญิงมานานแล้ว ข้าคิดถึงผู้หญิงแล้ว”

 

 

นี่อวิ๋นพูดส่งเดชอย่างจริงจัง

 

 

เมื่อนึกถึงความเจ้าสำราญของเขาเมื่อก่อน ตอนนี้เขาละความปรารถนาแล้วจริงๆ หลิงอวี้จื้อไอเล็กน้อย ตบหลังมู่หรงนี่อวิ๋นเบาๆ

 

 

“เจ้าอดทนอีกหน่อย รอให้แผลอาเหยี่ยนหายดี พวกเราก็กลับเมืองหลวง หรือว่าเจ้าจะกลับไปก่อน ตำบลเล็กๆ นี้มีแต่กุลสตรีที่ดี เจ้าอย่าไปทำให้เสียเลย”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ส่งเสียงใด หลิงอวี้จื้อพุ่งไปข้างหน้าเขา พูดเสียงเบา

 

 

“หรือว่าเจ้าจะจัดการตัวเองก็ได้”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นตะลึง

 

 

“เจ้าไปเรียนรู้มาจากไหน ท่านอ๋องสอนเจ้าหรือ”

 

 

หลิงอวี้จื้อปกป้องเซียวเหยี่ยนโดยสัญชาตญาณ

 

 

“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ข้าฟังคนอื่นพูดมา ก็เท่านั้นแหละ!”

 

 

“ใครกันที่หน้าไม่อายเพียงนี้ คุยเรื่องเหล่านี้กับสตรีได้อย่างไร”

 

 

หลิงอวี้จื้อกระอักกระอ่วนใจสุดขีด ยิ้มแห้งๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง

 

 

“หยุด หยุด ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรแล้วกัน”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นทำเสียงหึ และไม่ต่อหัวข้อสนทนานี้อีก เขารู้ว่าหลิงอวี้จื้อเป็นคนกล้าพูด แต่ก็นึกไม่ถึงว่าบางครั้งนางจะกล้าถึงเพียงนี้ เหมือนคนที่เคยปัญญาอ่อนมาเป็นสิบปีเสียที่ไหน

 

 

เพราะใกล้จะปีใหม่แล้ว บ้านคนจำนวนไม่น้อยแขวนโคมแดงเอาไว้ แสงโคมริบหรี่นี้ ทำให้ยังสามารถเห็นถนนชัดเจน ตำบลเล็กๆ นี้ก็ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว ถามชาวบ้านสองสามคน ไม่นานก็เดินมาถึงกระท่อมฟาง

 

 

หลิงอวี้จื้อรวบเสื้อผ้าให้กระชับ

 

 

“ข้างนอกหนาวพอสมควรเลย พวกเจ้าหนาวหรือไม่”

 

 

“ข้าถอดเสื้อนอกให้เจ้า”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นกำลังจะถอดเสื้อนอกให้หลิงอวี้จื้อ พอเห็นเขาจะถอดจริงๆ หลิงอวี้จื้อก็รีบห้าม

 

 

“เจ้าจะแก้ผ้าต่อหน้าประชาชีหรือ ข้าแค่ถามดู ไม่ได้หนาวถึงขั้นทนไม่ได้สักหน่อย เจ้ามองไปรอบๆ สิ!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 385 น่ากลัวยิ่งกว่าฉากในหนังสยองขวัญ

 

 

พูดจบหลิงอวี้จื้อก็มองไปรอบๆ มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกเศร้าใจ หากเป็นเซียวเหยี่ยน นางก็คงไม่ปฏิเสธ ท่าทางนางดูเหมือนจะไม่ยี่หระใดๆ แต่ที่จริงรู้จักหลบหลีกเก่งมาก นอกจากเซียวเหยี่ยนแล้ว ก็ไม่เคยให้ใครเข้ามาใกล้ชิดจนเกินไป

 

 

“คุณหนู นี่เป็นถุงเครื่องหอมของชุนเหนียง”

 

 

มั่วชิงหยิบถุงเครื่องหอมมาจากดินข้างๆ ฝุ่นดินจับทั้งถุง น่าจะตกลงมาจากตัว

 

 

หลิงอวี้จื้อรับไป ปัดฝุ่นออก เธอจำถุงเครื่องหอมนี้ได้ เป็นถุงเครื่องหอมของชุนเหนียงจริงๆ นี่พิสูจน์ว่าชุนเหนียงเคยมาที่นี่ หรือว่าจะเกิดเรื่องกับนางจริงๆ

 

 

“ข้ารู้สึกว่าชุนเหนียงมีโอกาสตายมากกว่ารอด กระท่อมฟางหลังนี้เหลือเพียงเถ้าถ่าน เกรงว่าชุนเหนียงจะถูกฆ่าตายแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อมองกระท่อมตรงหน้าที่ถูกไฟไหม้เหลือแต่ซาก รู้สึกเสียใจ จู่ๆ เธอก็นึกถึงหนานเยียน ไฟอีกแล้ว ใครเป็นคนวางเพลิงกันแน่

 

 

หลิงอวี้จื้อกำถุงเครื่องหอมแน่น ยืนนิ่งไม่ขยับ มู่หรงนี่อวิ๋นยืนข้างๆ เธอ พูดเตือนว่า

 

 

“พวกเรากลับไปเถิด! ยิ่งดึกยิ่งหนาว เดี๋ยวจะเป็นหวัด”

 

 

ส่วนมั่วชิงมองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง ท่าทางตึงเครียดขึ้นมา พูดทักว่า

 

 

“คุณหนู คุณชายมู่หรง พวกท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่ ข้าเกรงว่าเรือนหลังนี้จะมีปัญหา”

 

 

พอมั่วชิงทักแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นกับหลิงอวี้จื้อก็ตั้งใจฟัง หลิงอวี้จื้อเอามือปิดปากด้วยความตึงเครียด

 

 

“เสียงขุดดิน ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วยหรือ”

 

 

มั่วชิงสังเกตเห็นว่ามุมกระท่อมมีกองดินเล็กๆ ดินยังใหม่ๆ อยู่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกลบใหม่ นางเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตะโกนเสียงดัง

 

 

“คุณหนู คุณชายมู่หรง ไปเร็วเจ้าค่ะ”

 

 

เพิ่งจะสิ้นเสียงของมั่วชิง จู่ๆ กองดินตรงมุมนั้นก็มีหัวโผล่ออกมา

 

 

จากนั้นร่างทั้งร่างก็คลานออกมาจากในกองดินนั้น หลิงอวี้จื้อตกใจอ้าปากกว้าง ปิดปากตัวเองไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงอะไรออกมา มันน่ากลัวยิ่งกว่าฉากสยองขวัญในหนังเสียอีก

 

 

เมื่อก่อนเห็นหลิงอวี้หรงกลายเป็นผีดิบเธอก็ตกใจจนแทบสำลัก คราวนี้สยองขวัญยิ่งกว่าครั้งนั้น เป็นคนที่ถูกไฟคลอกจนดำเป็นตอตะโก ถึงแม้ว่าจะถูกไฟคลอกจนจำไม่ได้ แต่หลิงอวี้จื้อก็มองออกจนได้ คนนั้นคือชุนเหนียง

 

 

นางคลานจากกองดินออกมาแล้ว ปากนางก็ส่งเสียงขู่ฟ่อ ลักษณะท่าทางน่ากลัวอย่างยิ่ง นางเดินตรงมาหาพวกเขา

 

 

เหตุใดชุนเหนียงถึงกลายเป็นเช่นนี้ คราวนี้เธอมั่นใจเต็มร้อยแล้ว ชุนเหนียงถูกคนสำนักอู๋จี๋ทำร้ายแน่นอน

 

 

นาทีนี้เธอเกลียดแค้นสำนักอู๋จี๋อย่างยิ่ง ทำร้ายหนานเยียนจนกลายเป็นแบบนั้นไม่พอ ตอนนี้ยังทำให้ชุนเหนียงเป็นแบบนี้อีก คนพวกนี้ทดลองทำเรื่องบ้าอะไรกัน ขนาดคนตายแล้วยังไม่เว้น

 

 

“คุณชายมู่หรง รบกวนท่านพาคุณหนูไป ที่นี่ข้าจัดการเอง”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นสติกลับมา ยื่นมือออกไปคว้ามือหลิงอวี้จื้อไว้

 

 

“ไม่ต้องดูแล้ว อวี้จื้อ พวกเรารีบไป”

 

 

พูดจบก็ดึงมือหลิงอวี้จื้อเดินไปข้างหน้า หลิงอวี้จื้อรู้ว่าอยู่ต่อก็ช่วยอะไรมั่วชิงไม่ได้ รังแต่จะเป็นตัวถ่วง จึงไปกับมู่หรงนี่อวิ๋นก่อน

 

 

มั่วชิงชักกระบี่ยาวออกมาจากเอว ถึงแม้ว่าจะหักใจทำชุนเหนียงไม่ค่อยลง แต่ตอนนี้ชุนเหนียงไม่ใช่ชุนเหนียงแล้ว กระบี่ของนางจึงแทงเข้าไปกลางหัวใจของชุนเหนียง

 

 

ชุนเหนียงตายไปแล้ว แม้กระบี่จะแทงเข้าร่างแต่เลือดก็ไม่ไหลสักหยด ดูเหมือนชุนเหนียงจะไม่มีความรู้สึกเจ็บ ยื่นมือออกมากำกระบี่ของมั่วชิงเอาไว้ ออกแรงหัก กระบี่ยาวก็ถูกชุนเหนียงหักกลายเป็นสองท่อน

 

 

มั่วชิงหน้าเปลี่ยนสี นึกไม่ถึงว่าชุนเหนียงจะแรงเยอะเช่นนี้

 

 

เห็นชุนเหนียงพุ่งเข้ามา มั่วเช่นก็ลอยตัวขึ้นถีบชุนเหนียง ถีบนี้นางใช้แรงทั้งหมดที่มี แต่ชุนเหนียงกลับถอยหลังไปเพียงไม่กี่ก้าว แล้วพุ่งมาหามั่วชิงอีกครั้งทันที ร่างกายดูเหมือนจะมีพละกำลังที่ไม่มีวันใช้หมด