บทที่ 87 การช่วยเหลือหยางเฟิง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 87
การช่วยเหลือหยางเฟิง

เพียงแค่สถานการณ์มันแปลกมากๆ
ไป๋ซือฮ่าวเห็นมู่หรงเสวี่ยและเย่เฟิงที่เดินเข้ามาและรีบส่งสัญญาณให้พวกเขามาที่ฝังของเขา หลินจื่อชิงและหยางเฟิงกำลังยืนอยู่ด้วยกัน พร้อมหันมาเผชิญหน้ากับพวกเขา มีผู้ชายในชุดดำห้าคนอยู่ข้างหลังหลินจื่อชิง

มู่หรงเสวี่ยสังเกตหยางเฟิงอย่างระวัง เธอพบว่าดวงตาของเขาสีแดงราวกับเลือด ริมฝีปากดำคล้ำ สีหน้าก็ซีดเผือดและที่ระหว่างคิ้วก็มีรอยดำเล็กๆอยู่ด้วย เขามีท่าทางแปลกๆและจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างโกรธแค้นราวกับคนไม่รู้จักกัน และถึงขนาดต่อต้านกันเลยด้วย

แต่หลินจื่อชิงที่กำลังยืนพิงหยางเฟิงด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ถ้าพวกนายแอบเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว ฉันฟ้องพวกนายได้นะรู้หรือเปล่า?” เธอเผยรอยยิ้มแสยะ
“นังผู้หญิงเลว เธอทำอะไรกับหยางเฟิง?” ไป๋ซือฮ่าวพูดด้วยความโกรธ เพียงแค่เอ่ยชื่อหยางเฟิง แต่หยางเฟิงกลับไม่สนใจพวกเขาจึงเอ่ยเรียกไปอีกครั้งเพื่อดูว่าเขาจะขยับไหม

หลินจื่อชิงหัวเราะออกมา “ฉันจะทำอะไรได้? เขาเป็นคนโปรดของฉันเลยนะ ฉันจะทำร้ายเขาได้ยังไง…ตอนนี้เป็นพวกนายต่างหากที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของฉัน…”

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หยางเฟิงอย่างเป็นกังวล และเรียกออกมาอย่างอ่อนโยน “รุ่นพี่หยางนายจำพวกเราได้ไหม?”

ร่างกายของหยางเฟิงสั่น ดวงตาสีแดงมองมาที่มู่หรงเสวี่ย แสดงถึงความสับสน เมื่อหลินจื่อชิงเห็นท่าทางที่แปลกออกไปของหยางเฟิง เธอก็รู้สึกกังวล เธอกดหยางเฟิงและกระซิบคำสองสามคำที่ข้างหูเขา แล้วดวงตาของหยางเฟิงก็กลับมาแดงยิ่งกว่าเดิมอีกและถึงขนาดแวบประกายดุร้ายมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วย

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกกลัว เธอเดาว่ามีความเป็นไปได้ 80% ที่ หยางเฟิงจะถูกวางยาด้วยยากลืนวิญญาณ จากเนื้อหาในหนังสือในอดีตยานี้ถูกสั่งห้ามเพราะอันตรายเกินไป วิญญาณที่ถูกวางยาจะติดอยู่กับยาและสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับเป็นศพเดินได้
เธอไม่อยากที่จะพูดเรื่องไร้สาระนี้กับหลินจื่อชิงและคนอื่นๆ อาการของหยางเฟิงต้องได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด เมื่อทุกคนกำลังไม่ได้สนใจ เธอก็เป่าผงยาออกไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่หยางเฟิงเองก็สลบไป ส่วนพวกเธอที่เหลือกินยาถอนพิษกันมาก่อนแล้ว

สีหน้าของไป๋ซือฮ่าวตกใจ “เสี่ยวเสวี่ย เธอทำให้พวกนั้นสลบไปหมด แล้วแบบนี้จะถามหยางเฟิงได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น? แค่เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าเขาแปลกไปมากๆ…”

“ฉันรู้ พาหยางเฟิงกลับก่อน เขาต้องได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย อีกอย่างลองสืบเรื่องคนที่หลินจื่อชิงติดต่อด้วย เดาว่าพวกนั้นคงไม่ใช่องค์กรธรรมดาๆแน่…” มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว ยาพวกนี้มันออกมาได้ยังไง? สิ่งที่เธอกลัวคือองค์กรที่หลินจื่อชิงติดต่อ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย

“เธอรู้ได้ยังไง?!! หลินจื่อชิงจะกลับมาเอาคืนงั้นเหรอ?” ไป๋ซือฮ่าวถาม
มู่หรงเสวี่ยเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้หลินจื่อชิงเพื่อสาวไปถึงองค์กรที่อยู่เบื้องหลัง ไม่นานเธอก็ต้องหยุดคิดเรื่องนี้ เธอไม่รู้ว่าอีกฝั่งแข็งแกร่งมากแค่ไหน งั้นค่อยเป็นค่อยไปคงจะดีกว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเป็นยังไง ตอนนี้รีบไปก่อนดีกว่า ถ้ามีคนอื่นเข้ามาอีกคนไม่ดีแน่ โชคดีนะที่พวกนั้นไม่มีปืน ไม่งั้นฉันกลัวว่าเรื่องมันจะไม่ง่ายแบบนี้แน่”

“โอเค ทุกคนออกไป!” ทุกคนรีบออกจากวิลล่าของหลินจื่อชิงทันที

หลังจากที่พาหยางเฟิงมาที่วิลล่าของมู่หรงเสวี่ยแล้ว ไป๋ซือฮ่าวและมู่หรงเสวี่ยต่างก็เห็นตรงกันที่จะแจ้งเรื่องนี้ให้พ่อแม่ของหยางเฟิงรู้เพราะอาการที่ไม่สู้ดีของเขา เมื่อคุณหยางและภรรยามาดูอาการของหยางเฟิง พวกเขาก็ร้องไห้อย่างหนัก หยางเฟิงเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลหยาง พวกเราพอจะนึกภาพออกเลยว่าเขาจะสำคัญกับตระกูลหยางขนาดไหน

แม่ของหยางเฟิงร้องไห้จนเป็นลมไปจนคนทั้งหมดต้องรีบเข้าไปช่วยและสุดท้ายก็พอคุณป้าหยางมานอนพักที่โซฟาข้างๆ ยังไงซะคุณหยางก็เป็นผู้ชาย เขามีอาการที่ดีกว่าแต่สีหน้าก็ซีดและเป็นกังวลอย่างมาก

“ทำไมลูกชายของฉันถึงกลายเป็นแบบนี้?” คุณหยางมองไปที่หยางเฟิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในสภาพดูไม่ได้และถามออกมาด้วยเสียงต่ำ

ไป๋ซือฮ่าวและมู่หรงเสวี่ยมองหน้ากัน
สุดท้ายไป๋ซือฮ่าวก็พูดออกมา “เราเจอตัวหยางเฟิงที่วิลล่าของหลินจื่อชิง หยางเฟิงจำพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ เราต้องทำให้เขาสลบ…”

“อะไรนะ?! เป็นเพราะเด็กสาวจากตระกูลหลินงั้นเหรอ?” คุณหยางถามออกมาอย่างประหลาดใจ
ไป๋ซือฮ่าวพยักหน้าและพูดต่อ “คือตอนที่เราเจอหยางเฟิง เขาอยู่กับเธอและก็ดูเหมือนว่าจะเชื่อฟังคำพูดของเธอด้วย…”
คุณหยางมีสีหน้าเข้มขึ้น “ตระกูลหลินอยากจะทำอะไร? ถึงกล้ามาท้าทายตระกูลหยางแบบนี้?!!! อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย พาเสี่ยวเฟิงไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่สักครู่แล้วก็พูดออกมา “คุณลุงหยางคะ หยางเฟิงถูกวางยาซึ่งหนูรู้วิธีรักษายาชนิดนี้ งั้นหนูจะขออนุญาต…”
“ไร้สาระ ฉันรู้ว่าพวกเธอเป็นเพื่อนสนิทของเสี่ยวเฟิง แต่พาไปรักษาที่โรงพยาบาลจะเหมาะสมกว่านะ…” คุณหยางเปิดปากออกและบอกว่าคำพูดของมู่หรงเสวี่ยมันดูจะเกินจริงไปหน่อย เด็กสาวอายุ 15 บอกว่าสามารถรักษาโรคได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง?!

ไป๋ซือฮ่าวเองก็ไม่ได้พูดอะไรและเขาเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาเคยได้ยินมาว่าลูกสาวตระกูลมู่หรงมีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์…แต่ก็คิดว่าคงเป็นแค่เรื่องตลกแต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเธอ…เธอดูมีพลังที่อธิบายไม่ได้และดูน่าเชื่อ

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่ามันยากที่จะโน้มน้าวคุณลุงหยางแต่หยางเฟิงจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว “คุณลุงหยางคะ ฉันจะไม่ปิดบังคุณนะคะ ฉันเป็นแพทย์แผนจีนโบราณ ฉันเชื่อว่าคุณคงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณปู่โม่ฉางเฟิงมาก่อนหน้านี้แล้ว คนที่รักษาเขาก็คือฉันเอง ฉันไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่สถานการณ์ของหยางเฟิงจะรอช้าอีกไม่ได้แล้ว ไม่งั้นเขาจะยิ่งเป็นอันตราย…”
พ่อหยางเฟิงเบิกตากว้าง “อะไรนะ หนูเองเหรอเป็นคนที่รักษาโม่ฉางเฟิง?” ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้ยินข่าวเรื่องนี้มามากเหมือนกันแต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นใคร เขาไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวของตระกูลมู่หรง

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องฉุกเฉิน เธอเองก็คงไม่อยากที่จะบอกเรื่องนี้ให้คนรู้มากนัก “หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณลุงหยางมั่นใจขึ้นได้”

คุณหยางอดไม่ได้ที่จะมองมู่หรงเสวี่ยอีกครั้ง เธออายุเพียง 15 ปี เธอมีรูปร่างหน้าตาที่สะสวยแต่กลับไม่หยิ่งผยองและหยาบคาย เขาพูดออกไปด้วยความมั่นใจ “งั้นก็ช่วยรักษาอย่างดีที่สุด ถ้าต้องการอะไรก็บอกมาได้เลยนะ…”

มู่หรงเสวี่ยโบกมือ “คุณลุงหยาง หนูไม่ได้ต้องการอะไรเลย หยางเฟิงเป็นเพื่อนของหนู หนูแค่พอจะช่วยได้เท่านั้น เดี๋ยวหนูต้องเข้าไปเตรียมของในห้องก่อน คุณลุงเฝ้าหยางเฟิงอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ…” หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็เดินกลับไปที่ห้อง ล็อกประตูและเข้าไปในมิติลับ โชคดีที่เวลาในมิติลับต่างกับด้านนอกไม่งั้นคงเป็นเรื่องที่เธอจะขนทุกอย่างออกมาด้วยเวลาอันสั้นแค่นี้ จนได้ยาถอนพิษมา

โชคดีที่สองชั่วโมงต่อมาเธอก็ทำยาอายุวัฒนะออกมาจากมิติลับได้
มู่หรงเสวี่ยรีบเดินไปที่ห้องของหยางเฟิง ไป๋ซือฮ่าวและคุณลุงหยางกำลังเฝ้าอยู่ในระหว่างที่ย้ายคุณป้าหยางไปพักที่อีกห้องแทน เย่เฟิงดูเหมือนจะกำลังรายงานบางอย่างให้เจ้านายตัวเองอยู่ที่ด้านนอกของห้องนั่งเล่นแต่เธอไม่ได้สนใจ

“ไป๋ซือฮ่าวมาช่วยฉันที ตอนนี้ฉันจะเริ่มการฝังเข็มแล้ว ช่วยถอดเสื้อผ้าหยางเฟิงออกที…” มู่หรงเสวี่ยหยิบเข็มทองคำออกมาฆ่าเชื้อและพูดกับไป๋ซือฮ่าวไปพร้อมๆกันด้วย

“ได้เลย” ไป๋ซือฮ่าวค่อยๆถอดเสื้อผ้าของหยางเฟิงออกซึ่งยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขายังไม่อยากที่จะเชื่อว่าฝีมือทางการแพทย์ของมู่หรงเสวี่ยจะสุดยอดขนาดนี้

ชั่วครู่ต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอถือเข็มไว้ในมือและร่างกายทั้งร่างก็ดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างาม
เขาเห็นข้อมือเธอค่อยๆบิดอย่างนุ่มนวล เข็มฝังลงไปในเนื้อสดๆสามจุด เมื่อมู่หรงเสวี่ยฝังลงไปทีละเข็มๆ ฝ่ามือทั้งสองข้างของหยางเฟิงก็มีสีเขียวและสีดำขึ้นมาทันทีและเธอก็เปิดปากแผลขนาดไม่ใหญ่มากที่ปลายนิ้วของหยางเฟิง ค่อยๆรีดเลือดสีเขียวและดำออกจนกระทั่งไม่เหลือให้รีดออกมาได้อีก เลือดสีดำและเขียวมีกลิ่นเหม็นแรงมาก

แน่นอนว่าพิษยังไม่หมดไป แต่นี่เป็นเพียงการกำจัดบางส่วนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นถ้าพิษแรงเกินไปถึงแม้จะกินยาถอนพิษเข้าไปแล้ว พิษก็ยังทำอันตรายร่างกายมากเกินไปและอาจจะรักษาไม่ได้ง่ายๆ

ในตอนนี้สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยซีดลงเล็กน้อยและผมดำเองก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนแนบติดกับหน้าผาก แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เธอดูสวยน้อยลงไปเลยสักนิด

ดวงตาฟินิกซ์คู่งามฉายแววมั่นใจ แสงขาวที่ส่องประกายยิ่งทำให้ร่างกายเธอดูน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่งดงามจริงๆ
เวลาผ่านไปนาน มู่หรงเสวี่ยค่อยๆดึงเข็มทองคำออกและในตอนนี้ถึงแม้สีหน้าของหยางเฟิงจะยังซีดเซียวอยู่แต่ก็ไม่ดูแย่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเก็บเข็มทองคำออกจนหมด เธอก็หยิบน้ำแห่งจิตวิญญาณและผสมเข้ากับยาถอนพิษที่เธอเอาออกมาจากมิติลับแล้วจึงส่งให้ไป๋ซือฮ่าว “ไป๋ซือฮ่าว ช่วยป้อนยากับน้ำนี่ให้หยางเฟิงทีนะ ฉันขอไปพักก่อน…” เธอรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาจนแทบจะยืนไม่ไหว หลังจากที่อธิบายวิธีทั้งหมดให้ไป๋ซือฮ่าวเรียบร้อย เธอก็นั่งลงที่โซฟาข้างๆเขา

หลังจากที่ได้เห็นขั้นตอนทั้งหมด คุณหยางไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลย เพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนการรักษาของมู่หรงเสวี่ย ในตอนนี้เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นของลูกชาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย เขารู้สึกขอบคุณและเคารพหมอผู้เชี่ยวชาญคนนี้มาก เมื่อเห็นว่าสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยดูซีดลง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “หนูมู่หรง เป็นอะไรหรือเปล่า? หนูดูไม่ค่อยดีเลยนะ…” ยังไงซะเธอก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตลูกชายเขา นี่ก็เพียงพอที่จะให้ตระกูลหยางยอมทำได้ทุกอย่างแล้ว เขายอมที่จะตกลงเรื่องธุรกิจที่ยังต่อรองกันอยู่กับตระกูลมู่หรงได้เลยง่ายๆ

มู่หรงเสวี่ยยิ้มออกมาอย่างเกร็งๆ “คุณลุงหยาง ฉันไม่เป็นไรค่ะ ส่วนที่เหลือของการรักษาก็แค่ให้หยางเฟิงกินยาถอนพิษนี้แล้วก็พักต่ออีกหน่อย คุณลุงหยางไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ…” ถึงแม้เธอจะถอนพิษให้หยางเฟิงได้แล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือองค์กรลับนั้นมียาต้องห้ามแบบนี้ได้ยังไง
“งั้นครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณหนูมากๆเลยนะหนูมู่หรง ถ้าหนูต้องการอะไรก็บอกได้เลยนะ” พ่อหยางเฟิงกล่าว
มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่พยักหน้าและหัวเราะออกมา…เธอไม่อยากพูดอะไรมาก เธอรู้ว่าคุณลุงหยางเพียงแค่อยากจะแสดงความขอบคุณ