โซเมนรู้สึกตลกมากกับการกระทำที่บ้างคลั่งแบบนี้ของเทาเท่ เขาสองมือคาดเอวและยืนจ้องไปทางชายที่ทรุดโทรมอยู่ข้างเตียงแล้วพูดขึ้นว่า “นายฝันว่าเธอป่วย เธอก็ป่วยจริงๆ เหรอ? พวกนายสองคนใจตรงกันเหรอหรือว่ายังไง?”
เพื่อที่โซเมนจะให้เทาเท่สงบสติอารมณ์ ก็พูดโจมตีเขาอย่างไม่เกรงใจว่า “ไม่แน่เธออาจจะมีชีวิตที่ดีอยู่ที่เปกก้า อาจจะกำลังเดทกับไอ่โนอาห์นั่นพูดคุยกันอย่างมีความสุขก็ไม่แน่”
เทาเท่ถูกประโยคนี้ของโซเมนกระตุ้นจนไอหนักขึ้นมา ไวท์รีบขึ้นไปช่วยให้เขาหายใจสะดวกมากขึ้น พลางจ้องไปทางโซเมนด้วย เขานี่ประเด็นไหนไม่ควรยกขึ้นพูด ก็พูดอันนั้นจริงๆ โนอาห์เป็นคนที่ชอบหลินจืออยู่แล้ว โซเมนพูดถึงโนอาห์ในตอนนี้ อยากจะให้เทาเท่โมโหตายเหรอ?
โซเมนกลับยังพูดจาไม่ดีต่อ “นายดูซินายดูซิ นายขนานนามว่าตนเองเป็นแชมป์มวยมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? ยังพูดอีกว่าคนเดียวสามารถสู้พวกเราสามคนได้ ตอนนี้นายกลับป่วยไม่เป็นท่าเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันว่าฉันคนเดียวสามารถสู้กับนายสามคนได้”
ไวท์จ้องเขาด้วยความโมโห “นายรีบหุบปากเถอะ”
ตอนแรกเทาเท่มีแก๊สอัดอยู่ตรงหน้าอกและเขารู้สึกแย่มาก ใครจะไปรู้ว่าโมโหโซเมนจนไอรุนแรงและไอออกมาหมด เขาท่าสบายใจขึ้นเยอะส่งสายตาที่ดูถูกไปทางโซเมน “นายจะลองดูไหม ฉันหนึ่งมัดสู้กับนายสามคนได้ หรือว่านายหนึ่งหมัดสามารถสู้ฉันสามคนได้?”
โซเมนรีบถอยหลังและพูดพลางหัวเราะ “นายโมโหอะไรเนี่ย ฉันก็เพราะอยากให้นายเข้มแข็งหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
เทาเท่หลบสายตาไม่ได้สนใจเขา ไวท์ช่วยเติมน้ำมาแก้วหนึ่งแล้วส่งมอบมา พลางปลอบใจเขาไปด้วย “หากนายเป็นห่วงเธอ สู้โทรหาเธอถามสุขภาพของเธอหน่อยน่าจะดีกว่า”
เทาเท่ส่ายหัวทันที “เธอไม่มีทางรับสาย”
ไม่แน่ตอนนี้เธออาจจะบล็อกช่องทางการติดต่อทั้งหมดของเขาแล้วก็ได้ ในเมื่อเธอตัดสินใจจะจากไป ก็ไม่มีทางรับสายของเขาแน่นอน
ไวท์พูดอีกว่า “งั้นนายก็โทรหาคุณจอร์แดนสิ”
เทาเท่ส่ายหัวต่อ “เขาไม่มีทางรับแน่นอน”
พูดจบเขาก็เสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับแล้วฉันก็ไม่วางใจ ฉันจะไปดูด้วยตนเอง”
เทาเท่ที่ดื้อดึงไม่ยอมรับผิดแบบนี้ โซเมนถอนหายใจอยู่ข้างตั้งนานแล้ว
ไวท์จริงจังขึ้นมาทันที “ฉันไม่สนว่านายอยากทำอะไร แต่ว่าฉันที่เป็นหมอและพี่น้องของนายตอนนี้ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปแน่อน”
ล้อเล่นอะไรเนี่ย อย่างมากเขาก็แค่ไข้ลดแล้ว ร่างกายทั้งคนของเขายังอ่อนแอมากๆ ไวท์จะยอมให้เขาบินไปเปกก้าสถานที่ไกลขนาดนั้นตัวคนเดียวได้อย่างไร?
น้อยมากที่ไวท์จะริงจัง เทาเท่แค่เหลือบไปมองเขาและไม่ได้ยืนหยัดว่าจะต้องออกโรงพยาบาลอย่างเดียว
ไวท์คือหมอ งานยุ่งมาก ในบ้านของนทีบดีก็ยังมีภรรยา ดังนั้นหน้าที่เฝ้าดูแลเทาเท่ในตอนกลางคืนจึงตกอยู่บนตัวของโซเมน
แต่ว่ากลางคืนในตอนที่ความอยากสูบบุหรี่ของโซเมนขึ้นมา เขาจึงออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ปรากฏกว่าเทาเท่หายตัวไปแล้ว
บนหัวเตียงของเตียงผู้ป่วยเหลือกระดาษไว้ใบหนึ่ง “ไม่ต้องตามหาฉัน ฉันไปเปกก้าแล้ว”
โซเมนเกือบโมโหจนสลบ รู้จักกับเทาเท่มาตลอดหลายปีขนาดนี้ เขากลับไม่รู้ว่าเทาเท่ยังมีความยืนหยัดแบบนี้ด้วย
ไม่ ไม่ใช่ยืนหยัด นี่คือดื้อดึง
โซเมนจับกระดาษและพุ่งออกไปหาไวท์ ไวท์เองก็ปวดหัวมาก
ร่างกายของเทาเท่ในสภาพตอนนี้ยังวิ่งไปเปกก้าอีก ยังเป็นกลางคืนด้วย นี่ไม่เอาชีวิตแล้วเหรอ?
แต่ว่าเทาเท่ไปแล้ว พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ภาวนาขอให้เทาเท่เจอกับหลินจืออย่างราบรื่น พูดคุยกับเธอดีๆ ดีที่สุดคือทั้งสองสามารถเปิดใจพูดคุยและคืนดีกันเหมือนเดิม
เทาเท่ไปถึงเปกก้าแล้วก็ต่อรถตรงไปที่เรือนสี่ประสานของจอร์แดน ในตอนที่ไปถึงเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว เขาเคาะประตูไปนานมากจอร์แดนจึงจะออกมา
พอเห็นเขาแล้วจอร์แดนก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “นายมาทำไม?
เทาเท่ไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ถามจอร์แดนอย่างกังวลและเป็นห่วงว่า “หลินจือล่ะ? เธอสบายดีไหม? ฉันฝันว่าเธอป่วยแล้ว ดังนั้นจึงมาเยี่ยมเธอ”
ตอนแรกจอร์แดนคิดคำพูดที่จะด่าทอเขาเรียบร้อยแล้ว พอได้ยินเขาบอกว่าฝันถึงหลินจือป่วย ทันใดนั้นก็อึ้งอยู่ที่นั่นไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
เพราะว่า……หลินจือป่วยแล้วจริงๆ ตอนนี้เขายังนอนสลบอ่อนแออยู่ในบ้าน
เทาเท่เห็นจอร์แดนไม่พูดอะไร ทันใดนั้นก็เป็นห่วงขึ้นมาทันที สายตามองเข้าไปในเรือนสี่ประสายอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “เธอเป็นยังไงบ้างครับ? ผมสามารถเข้าไปดูเธอได้ไหมครับ?”
จอร์แดนได้สติกลับมา ถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “นายฝันว่าเธอป่วยแล้ว?”
“ใช่ครับ ยังฝันว่าเธอป่วยอาการหนักมาก ดังนั้นฉันถึงรีบมากลางดึกแบบนี้เลยครับ” เทาเท่พูดตามความจริง
จอร์แดนถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เธอป่วยแล้วจริงๆ”
“พอมาถึงเปกก้าก็ล้มป่วยลง ตอนแรกพวกเราคิดว่าเธอน่าจะได้รับบาดแผลทางจิตใจบวกกับการเหนื่อยล้ามากเกินไป ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปไม่กี่วันเธอกลับไข้ขึ้นสูง และไข้ไม่ลดเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังมึนๆ งงๆ และหลับอยู่”
พูดถึงอาการของหลินจือ จอร์แดนรู้สึกเหมือนมีมีดแทงใจ
เทาเท่ได้ยินคำพูดของจอร์แดนแล้ว อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็หัวเราะด้วยเสียงต่ำที่โศกเศร้า “ที่แท้พวกเราก็ใจตรงกันจริงๆ ด้วยครับ สามารถรู้สึกเข้าใจกันจริงๆ นี่แสดงว่าในใจของเธอมีผมอยู่”
“แสดงว่าเธอรักผมมากๆ รักผมมากๆ แสดงว่าในใจของเธอเองก็ไม่สามารถยอมรับได้ที่จะแยกกับผม” เทาเท่เหมือนบ้าไปแล้ว พูดเองเออเอง
จอร์แดน “……”
ไอ่หนุ่มนี่บ้าไปแล้วเหรอ?
จนกระทั่งเวลานี้ จอร์แดนจึงจะมองสำรวจเทาเท่อย่างจริงจังขึ้นมา
พอสำรวจแล้วจึงจะค้นพบว่า สภาพของเทาเท่ในตอนนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าดูดี เสื้อผ้านั่นสะอาดเรียบร้อย แต่ว่าในส่วนของรายละเอียดไม่ได้ใส่ใจเลย แตกต่างจากภาพลักษณ์คุณชายที่สง่างามของเขาเป็นอย่างมาก ถึงขั้นนัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความอ่อนแรง
จอร์แดนรีบถามเขาทันที “เกิดอะไรขึ้น? อย่าบอกนะว่านายเองก็ป่วย?”
เทาเท่เงยหน้าขึ้นมองจอร์แดน ฝืนยิ้มขึ้นมา “ใช่ครับ ผมก็ป่วย ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยครับ”
จอร์แดนได้ยินว่าเขายังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลก็ตรงจากเมืองเจสเวิร์ดมาเมืองเวลฟ์กลางดึกอย่างทรมาน ทันใดนั้นโมโหจนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี แต่ว่าหลังจากที่โมโหแล้วในใจก็มีความรู้สึกแย่อันนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมา
ทั้งสองล้มป่วยพร้อมกัน แสดงว่าในใจของทั้งสองต่างก็ปล่อยวางไม่ลงเช่นกัน
แต่ความเป็นจริงกลับบีบบังคับให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน จอร์แดนเข้าใจรสชาติของความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักและความแค้นว่าเป็นเช่นไร จะไม่รู้สึกสงสารพวกเขาได้อย่างไร
นึกถึงสภาพร่างกายของเทาเท่แล้ว จอร์แดนก็ยังหันข้างให้เขาเข้ามา “ในเมื่อนายเองก็ป่วย งั้นก็เข้ามาคุยเถอะ”
เทาเท่พูดขอบคุณแล้วเดินตามจอร์แดนเข้าไปในห้อง เพราะว่าเป็นเวลากลางดึกแล้ว ดังนั้นทั้งบ้านจึงเงียบสงบมาก
ทั้งสองเดินตรงไปที่ห้องหนังสือของจอร์แดน จอร์แดนเติมน้ำอุ่นแก้วใหญ่ให้เทาเท่ สั่งให้เขารีบดื่ม จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบนโซฟา
จอร์แดนพูดตรงๆ เลย “ตอนนี้อาการของเธอแย่มากๆ ยังเป็นไข้อยู่เลย คนทั้งคนๆ ก็มึนๆ งงๆ ดังนั้นฉันไม่มีทางเรียกให้เธอตื่นขึ้นมาพบนาย และไม่มีทางให้เธอพบนาย”
พอเห็นเทาเท่ ไม่แน่พอรู้สึกเศร้าอาการป่วยไม่หายขึ้นมาก็เป็นได้
“ผมรู้ครับ” ในตอนที่เทาเท่ได้ยินว่าหลินจือเองก็ป่วย และไม่อยากให้หลินจือรู้ว่าเขามาเช่นกัน เดี๋ยวเธอก็เสียใจอีก
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าเขาบอกกับเธอว่าเขารักเธอเพียงไหน ไม่สามารถจากเธอไปได้เพียงไหน แต่ว่าต้องให้เธอรักษาตัวให้หายดีก่อน