ตอนที่ 584 อยู่ร่วมกันยาก
ดูเหมือนทัวป๋าถิงฟางคนนี้คิดยืมมือมู่เหล่าหวางเฟยจัดการอันหลิงเกอ แต่ในระหว่างที่พวกนางร่วมมือกันก็แยกได้ยากว่าผู้ใดกันแน่ที่ได้ใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
“หมู่เฟย…” ทัวป๋าถิงฟางเริ่มร้องไห้อีกครั้ง แววตาน่าสงสารอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนมู่เหล่าหวางเฟยก็แค่แสร้งช่วยเหลือไปเท่านั้น นางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย
“พอแล้ว ตอนนี้ในเรือนหลังท่านอ๋องโปรดปรานนางคนเดียว แม่เองก็พูดอันใดมากมิได้ แต่แม่เดินบนเส้นทางเดียวกับเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าลงมือทำได้เลย แม่จะคอยหนุนหลังเจ้าเอง เข้าใจหรือไม่ ? ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวพวกนี้ของมู่เหล่าหวางเฟย ทัวป๋าถิงฟางก็เข้าใจทันที มู่เหล่าหวางเฟยคิดใช้นางเป็นดาบสังหารคน
แม้ทัวป๋าถิงฟางกำลังคิดเช่นนี้ในใจ แต่บนใบหน้าดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าเดิม
“เรียนมู่เหล่าหวางเฟย เช่อเฟยของพวกเรามีนิสัยอ่อนโยน คงมิใช่คู่ต่อสู้ของพระชายาหรอกเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้างกายทัวป๋าถิงฟางก็เข้าใจสถานการณ์เช่นกัน
“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจักให้ฟางจูไปอยู่กับพวกเจ้าสองสามวัน ฟางจูเติบโตอยู่ในเรือนข้าตั้งแต่เด็กและยังเป็นคนสนิทของข้า ท่านอ๋องและอันหลิงเกอยังมิกล้าทำอันใดนางเลย” พอได้ยินมู่เหล่าหวางเฟยกล่าวเช่นนี้ ทัวป๋าถิงฟางก็วางใจได้ในที่สุด
ในเมื่อมู่เหล่าหวางเฟยถึงขั้นยกคนสนิทให้ก็แสดงว่าต้องสนับสนุนอย่างแน่นอน
“ขอบพระคุณหมู่เฟยเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางแสร้งทำเป็นจะคุกเข่าคำนับ
“ช่างเถิด เจ้ายังจำสิ่งที่แม่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ รีบตั้งครรภ์โดยเร็วและเจ้าจะได้นั่งในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้นอาจแย่งตำแหน่งพระชายามาจากอันหลิงเกอได้ด้วย”
หืม ?
เป็นธรรมดาที่ทัวป๋าถิงฟางจำได้มิลืม เพียงแต่การที่มู่เหล่าหวางเฟยสามารถเอ่ยในเวลานี้ได้ก็คงจะสนับสนุนตนจริงแล้ว เช่นนั้นก็คงมิได้คิดไกลถึงขั้นนี้
“เจ้าค่ะ เพียงแต่ท่านอ๋องมิเคยไปที่เรือนของลูก…”
“แม่จะคิดวิธีกดดันท่านอ๋องเอง ส่วนเจ้าก็นั่งรออยู่ที่เรือนเถิด”
ทันใดนั้นทัวป๋าถิงฟางก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมา ท่าทางมีความสุขยิ่งนัก
“ขอบพระคุณหมู่เฟยเจ้าค่ะ ! ”
“เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว แม่เองก็เริ่มเหนื่อย ให้ฟางจูตามเจ้ากลับไปก็แล้วกัน”
ในความเป็นจริง มู่เหล่าหวางเฟยรู้สึกรำคาญมากแล้ว ไหนเลยจะอยากสนับสนุนทัวป๋าถิงฟางผู้นี้ หากมิใช่เพราะเห็นท่าทางรักใคร่ที่มู่จวินฮานมีให้อันหลิงเกอ นางก็ไม่มีทางยืนอยู่ข้างทัวป๋าถิงฟางและเลือกหมากไร้ประโยชน์ที่สุดตัวนี้หรอก
“เจ้าค่ะ”
ฟางจูไม่พอใจที่จะติดตามสนมมิได้เรื่องคนนี้ แต่นี่เป็นคำสั่งของมู่เหล่าหวางเฟย นางจึงมิได้กล่าวอันใดออกมา
“ถิงฟางเช่อเฟย”
“อือ ฟางจูกู่เหนียง” เนื่องจากฟางจูเติบโตมาข้างกายเหล่าหวางเฟยจึงหลุดพ้นจากชนชั้นต่ำต้อยนานแล้ว ทั้งยังถือเป็นคุณหนูคนหนึ่ง
หลังทั้งสองคนคารวะซึ่งกันและกัน พวกนางก็เดินกลับไปที่เรือนของทัวป๋าถิงฟาง
เมื่อมาถึงเรือนของทัวป๋าถิงฟาง ฟางจูก็เห็นเบาะแสบางอย่างทันที นางเติบโตในจวน แล้วจะมิรู้ขนาดของบ่อน้ำนี้ได้เยี่ยงไร เพราะบ่อน้ำของทัวป๋าถิงฟางแตกต่างจากของอันหลิงเกอราวฟ้ากับดิน
“เอาเถิด ข้าพักห้องนี้ที่อยู่ด้านข้างท่านก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของฟางจูราวกับทัวป๋าถิงฟางทำอันใดผิดอย่างมาก แต่ทัวป๋าถิงฟางก็มิได้กล่าวอันใด เพียงสั่งให้สาวใช้ไปจัดการเท่านั้น
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าฟางจูมีชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่มิรู้เพราะเหตุใดจึงมีท่าทีหยิ่งยโสและทำให้มองแล้วรู้สึกหงุดหงิดมิน้อย
“นายหญิงเจ้าคะ ตอนนี้พวกเราต้องพึ่งพาฟางจูกู่เหนียงเพื่อทวงความยุติธรรมให้ ท่านอดทนหน่อยนะเจ้าคะ”
เป็นธรรมดาที่ทัวป๋าถิงฟางเข้าใจอยู่แล้วจึงมิได้รู้สึกอันใด ฟางจูผู้นี้ก็เป็นแค่คนสนิทและยังเป็นบุตรบุญธรรมที่มู่เหล่าหวางเฟยรับเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก หากมีวันใดมู่เหล่าหวางเฟยสิ้นใจ…
“ตอนนี้กู่เหนียงมาอยู่ที่นี่ เจ้าต้องดูแลดี ๆ เข้าใจหรือไม่” ทัวป๋าถิงฟางกัดฟันออกคำสั่งกับสาวใช้
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้ย่อมเข้าใจความหมายของทัวป๋าถิงฟางอยู่แล้ว ตอนนี้พวกนางต้องพึ่งพาฟางจูกู่เหนียงจึงเป็นธรรมดาที่จะมิทำตัวเกียจคร้านใส่
ขณะสาวใช้ถอยออกไป ทัวป๋าถิงฟางก็มองไปทางฟางจูที่กำลังจัดแจงอยู่อีกด้านหนึ่งและขณะเดียวกันความเคียดแค้นอันหลิงเกอที่อยู่ในใจก็เพิ่มพูนกว่าเดิม หากมิได้เป็นเพราะอันหลิงเกอ นางก็มิต้องมาประจบฟางจูกู่เหนียงชั้นต่ำผู้นี้หรอก
ก็เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งอยู่ดี
นิสัยของฟางจูกู่เหนียงผู้นี้ก็เหิมเกริมยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ามีฐานะต่ำต้อยแต่ทำนิสัยเหมือนเป็นคุณหนูใหญ่ ทัวป๋าถิงฟางจึงนึกเย้ยหยันอยู่ภายในใจ
ทางฝั่งของอันหลิงเกอ
“เรียนพระชายา ได้ยินว่าชายารองถิงฟางไปที่เรือนของมู่เหล่าหวางเฟย เมื่อครู่พระชายามิน่าไปแก้แค้นแทนปี้จูเลย ปี้จูมิเป็นอันใด ทว่ามิอยากเห็นท่านโดนมู่เหล่าหวางเฟยลงโทษเจ้าค่ะ”
มู่เหล่าหวางเฟย
อันหลิงเกอหัวเราะเย็นชาออกมา สตรีผู้นั้นสังหารมารดาของนาง แม้นางจะมิทำอันใด มู่เหล่าหวางเฟยก็ต้องคิดวิธีจัดการนางอยู่ดี
คนใจดำอำมหิตเยี่ยงนั้นจักยอมปล่อยนางไปได้เยี่ยงไร
ดังนั้นแทนที่จะอยู่เฉย ๆ ให้มู่เหล่าหวางเฟยมาจัดการก็สู้ลงมือก่อนดีกว่า มิว่าเป็นทัวป๋าถิงฟางหรือมู่เหล่าหวางเฟยก็อย่าคิดทำร้ายนางได้ทั้งนั้น !
ในเมื่ออันหลิงเกอผู้นี้กล้ากลับมาที่จวนอ๋องมู่อีกครั้ง นางก็ไม่มีทางกลัวสตรีหน้าไหนมาสร้างความลำบากให้อย่างแน่นอน
“เกอเอ๋อ”
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ มู่จวินฮานก็เดินเข้ามาในเรือนฝูหลิง
“ท่านอ๋อง”
ปี้จูรีบคารวะเพราะกลัวมู่จวินฮานรู้เรื่องในครั้งนี้แล้วจะมาสร้างความลำบากให้พระชายา
“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่ ? ”
มู่จวินฮานมองอันหลิงเกอเพราะกลัวนางได้รับบาดเจ็บ เมื่อครู่ได้ยินเรื่องของทัวป๋าถิงฟางแล้ว เขาก็กลัวว่าอันหลิงเกอจะโดนรังแก
แต่เมื่อมาถึงที่นี่เขาก็เพิ่งคิดได้อีกครั้งว่าเกอเอ๋อจะโดนรังแกโดยง่ายได้เช่นไร ?
“ทัวป๋าถิงฟางไปฟ้องท่านหรือเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถาม กำลังจับสังเกตท่าทีของเขา แต่แล้วนางก็มั่นใจว่ามู่จวินฮานมิได้มาสร้างความลำบากให้แก่ตน
ระหว่างพวกนางยังมีความเชื่อมั่นต่อกันอยู่
“ตอนนี้นางโวยวายจนคนทั้งจวนรู้เรื่องหมดแล้ว แม้เจ้ามิอยากเป็นพระชายาใจมารแต่ก็คงต้องเป็นแล้วล่ะ”
มู่จวินฮานเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก แต่ปี้จูที่อยู่ด้านข้างกลั้นหัวเราะไว้มิอยู่ พระชายาของพวกนางเปลี่ยนเป็นพระชายาใจมารตั้งแต่เมื่อไร ?
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของมู่จวินฮาน ปี้จูก็รีบวิ่งออกไปทันที
“ท่านจะทำให้เด็กนั่นตกใจด้วยเหตุใดเจ้าคะ” อันหลิงเกอตำหนิที่เขาทำให้ปี้จูตกใจกลัวจนวิ่งออกไป
“ชิงเฟิงกำลังรออยู่ข้างนอก ถ้าปี้จูมิออกไป เขาก็คงกังวลแทบบ้า”
ที่แท้ก็เป็นเยี่ยงนี้ สองนายบ่าวคู่นี้มีเป้าหมายเหมือนกันนั่นเอง
“เอาเถิด ในเมื่อท่านมิได้มาตำหนิข้าแล้วมาเพราะเหตุใดเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอหันมามองหน้าเขาต่อ
“บ่อน้ำร้อนของทัวป๋าถิงฟางนั้น นางมาเล่าให้เจ้าฟังหรือ ? ข้ามาเพื่ออธิบายให้เจ้าฟังว่าที่จริงแล้ว…”
เขายังมิทันกล่าวจบ อันหลิงเกอก็ลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือมาปิดปากเขาไว้
“อธิบายหรือ ? ท่านเห็นพระชายาเยี่ยงข้าโง่เขลาไปแล้วหรือเจ้าคะ ? ข้าจะมิเข้าใจความคิดของสามีได้เยี่ยงไร ? ”
อันหลิงเกอเอ่ยออกมาพร้อมฉีกยิ้มร่าเริงแล้วอ้อมไปอยู่ด้านหลังมู่จวินฮาน
“ทัวป๋าถิงฟางเป็นคนดื้อรั้นและมิยอมใคร ทั้งยังโง่เขลา นางอยากได้บ่อน้ำร้อนแต่มิรู้ว่าวันหน้ามันจะกลายเป็นเรื่องตลก ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านอ๋อง ? ”
เมื่อเห็นอันหลิงเกอเข้าใจความคิดของตนเยี่ยงนี้ มู่จวินฮานก็อดหัวเราะออกมามิได้ นี่คือเกอเอ๋อของเขาตัวจริงเสียงจริง
“ตอนที่เจ้าออกจากจวนอ๋อง ข้าทำผิดต่อเจ้าเอง”
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดมู่จวินฮานก็ยอมเอ่ยออกมา เขารู้สึกผิดต่ออันหลิงเกอจากใจจริง เพียงแต่มีช่วงเวลาหลายต่อหลายครั้งที่เขามิกล้าพูดประโยคนี้ออกมานั่นเอง