ตอนที่ 585 ขับไล่
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตอนอยู่ที่หอพิษกู่ข้าได้ตระหนักแล้วว่ามีหลายเรื่องที่เราควบคุมมิได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือท่านยังมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์”
เวลานั้นนางเองก็มีส่วนช่วยให้เขาเดินมาถึงตำแหน่งนี้ได้จึงเป็นธรรมดาที่นางจะมิกล่าวอันใดแล้ว
“เกอเอ๋อ…เรื่องหอพิษกู่และเรื่องจวนอ๋องในตอนนี้ หมู่เฟย…”
เลิกถามเถิด
อันหลิงเกอส่ายหน้า มู่เหล่าหวางเฟยเป็นมารดาของเขา นางจึงมิอาจกล่าวอันใดได้
เพียงแต่จักให้อภัยคงเป็นไปมิได้เพราะมารดาของนางก็โดนอีกฝ่ายสังหารจริง แต่นางจะทำอันใดได้ ? แก้แค้นหรือ ? แล้วพ่วงมู่จวินฮานไปด้วยหรือไร ?
อันหลิงเกอทำมิได้ ดังนั้นการอยู่ในจวนอ๋องเวลานี้ก็ถือเป็นการเฝ้ามองว่ามู่เหล่าหวางเฟยจักส่งนางไปตายเยี่ยงไร และเมื่อถึงวันนั้นนางก็จะถือว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูได้อย่างเปิดเผย
บัดนี้นางมิอาจแก้แค้นได้ด้วยมือตนเองจึงทำได้เพียงรอเวลาเท่านั้น
“ช่างเถิด มิกล่าวเรื่องพวกนี้แล้ว ช่วงนี้ในจวนมีของเล่นหายากเข้ามาใหม่ ข้านำมาให้เจ้าดูโดยเฉพาะเลย”
การที่มู่จวินฮานให้ความสำคัญต่อนางถึงเพียงนี้ ทำให้อันหลิงเกอเห็นถึงความรักที่เขามีต่อตน เพียงแต่หลายต่อหลายครั้งที่ทำให้นางสัมผัสได้ถึงกำแพงของมู่เหล่าหวางเฟยซึ่งกั้นกลางระหว่างพวกตน
หากมีวันใดวันหนึ่งมู่จวินฮานไปรู้เรื่องที่มารดาทำ ก็มิรู้ว่าเขาจะคิดเยี่ยงไร ?
“เรียนพระชายา มู่เหล่าหวางเฟยเชิญท่านไปพบเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอกำลังจะเดินออกไป แต่โดนมู่จวินฮานห้ามไว้เสียก่อน
“ช่วงหลายวันมานี้ข้าก็มิค่อยได้ไปเยี่ยมหมู่เฟย ไปด้วยกันเถิด”
“นี่…”
ดูเหมือนสาวใช้ลำบากใจ แต่เมื่อมู่จวินฮานเอ่ยปากแล้วนางก็มิกล้าพูดขัด
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้เดินนำทางอยู่ด้านหน้า ส่วนมู่จวินฮานก็จูงมืออันหลิงเกอ มิว่าคนที่คิดทำร้ายนางเป็นใคร เขาก็จะหยุดคนผู้นั้นไว้ให้ได้
มิว่าด้วยเหตุผลใดก็มาทำร้ายเกอเอ๋อของเขาไม่ได้เด็ดขาด
ในเมื่อก่อนหน้านี้มีเหตุเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็จะมิปล่อยให้มารดาอยู่กับอันหลิงเกอตามลำพังอีก
“คารวะหมู่เฟยขอรับ”
“คารวะหมู่เฟยเจ้าค่ะ”
เมื่ออันหลิงเกอลุกขึ้นจากการคำนับก็เห็นมู่เหล่าหวางเฟยมีท่าทีแปลกไป อีกฝ่ายคงคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจักมาอยู่ที่เรือนด้วยในเวลานี้
“เหตุใดจวินฮานก็มาด้วย แม่แค่ว่างมิมีอันใดทำก็เลยอยากคุยกับพระชายาเสียหน่อย แม่มิอยากรบกวนเวลาของเจ้าสองสามีภรรยาหรอก พวกเจ้ากลับไปเถิด”
การที่มู่เหล่าหวางเฟยกล่าวเช่นนี้ถือเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่านางอยากคุยกับอันหลิงเกอคนเดียว ส่วนคุยเรื่องอันใดนั้นแค่มองก็รู้แล้ว
“หมู่เฟย” มู่จวินฮานพูดขัด
“หืม ? จวินฮานยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ ? ”
ขณะเดียวกันมู่เหล่าหวางเฟยก็รู้สึกถึงลางไม่ดี
“ทัวป๋าถิงฟางทำตัวโอหังและวางอำนาจ ลูกต้องการไล่นางออกจากจวน หมู่เฟยคิดเห็นเช่นไรขอรับ ? ”
เมื่อครู่นางเพิ่งให้ฟางจูย้ายไปอยู่กับทัวป๋าถิงฟาง มู่จวินฮานก็รีบร้อนเดินทางมาหานางที่นี่แล้ว มิได้แปลว่าเขาอยากกำจัดทัวป๋าถิงฟางและเตือนมารดาไปในตัวหรือไร
“เจ้าว่าอันใดก็ดีหมด เพียงแต่นางเป็นองค์หญิงของแคว้นชิงเยว่ หากทำเยี่ยงนั้นจริงผู้คนอาจครหาได้”
มู่จวินฮานพยักหน้า จากนั้นก็มิได้กล่าวอันใดขึ้นมาอีก ความหมายก็ชัดเจนมากพอแล้ว ดังนั้นมู่เหล่าหวางเฟยคงพอเข้าใจ
“หมู่เฟยขอรับ ช่วงหลายวันมานี้ท่านก็เหนื่อยมากแล้ว ท่านคิดจะไปพักผ่อนที่เรือนอื่นสักสองสามวันหรือไม่ขอรับ ? ”
มู่เหล่าหวางเฟยจะมิเข้าใจความหมายของมู่จวินฮานได้เยี่ยงไร นี่เป็นเพราะเขาคิดว่านางสอดมือเข้าไปยุ่งมากเกิน
“จวินฮาน คิดว่าแม่เข้าไปยุ่งมากเกินหรืออย่างไร ? ”
ในเมื่ออยากอยู่กับบุตรก็ไม่มีอันใดที่จะกล่าวมิได้อีก
“หมู่เฟย ลูกมิได้หมายความเยี่ยงนั้นขอรับ”
อันหลิงเกอยืนอึดอัดอยู่ข้างกายมู่จวินฮาน แม้อยากออกไปจากที่นี่แต่ก็มิอาจเดินออกไปในเวลานี้ได้
“เกอเอ๋อ เจ้าคิดเยี่ยงไร ? ท่านอ๋องจัดการเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ ? ”
มู่เหล่าหวางเฟยโยนปัญหามาที่ตัวนาง สื่อได้ชัดว่าเห็นเรื่องทุกอย่างนี้เป็นความผิดของนาง
หากมิได้เป็นเพราะอันหลิงเกอแล้วมู่จวินฮานจักมีความคิดเยี่ยงนี้ได้หรือ ?
“เรียนหมู่เฟย เกอเอ๋อมิกล้าเดาใจท่านอ๋อง เพียงแต่ถ้ามองแล้วท่านอ๋องก็แค่เป็นห่วงท่านและอยากให้ท่านได้พักผ่อนเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เดิมทีคิดว่าอันหลิงเกอจักไหลไปตามคำพูดของตน แต่คาดมิถึงว่าจะยืนอยู่ข้างมู่จวินฮาน ดูเหมือนในใจของอันหลิงเกอยังมีความแค้นฝังอยู่โดยมิต้องสงสัย
“หากเป็นเช่นนี้แม่ก็คงมิอาจปฏิเสธความหวังดีของเจ้าได้”
แม้ภายนอกกล่าวออกมาเช่นนี้และแสดงท่าทางมีความสุขยิ่งนัก ทว่าในใจของมู่เหล่าหวางเฟยมิพอใจความคิดของมู่จวินฮานมาก
เขาทำเช่นนี้เพราะอยากปกป้องอันหลิงเกอ แล้วนางเล่า มิว่าเยี่ยงไรนางก็เป็นแม่แท้ ๆ ของเขา
…
“ฟางจูกู่เหนียงจะไปที่ใดหรือ ? ”
พอเห็นฟางจูเตรียมตัวออกจากเรือน ทัวป๋าถิงฟางก็ถามด้วยความปรารถนาดี
“เป็นเพราะเจ้า มู่เหล่าหวางเฟยจึงต้องออกจากจวนนี้ ทัวป๋าถิงฟาง เจ้ามันตัวซวยจริง ๆ ”
ว่าอันใดนะ ! หากเป็นเช่นนี้แล้วผู้ใดจะคอยช่วยเหลือนางเล่า
“รบกวนฟางจูกู่เหนียงพาข้าไปพบมู่เหล่าหวางเฟยด้วย”
ฟางจูมิได้กล่าวอันใด เพียงแต่เดินตรงมาที่เรือนของมู่เหล่าหวางเฟย ส่วนทัวป๋าถิงฟางมิได้ให้สาวใช้ตามมาด้วยจึงมีแค่นางที่ตามมา
“รบกวนฟางจูกู่เหนียงแล้ว”
การที่นางยอมกล่าวสุภาพกับฟางจู เนื่องจากตอนนี้อีกฝ่ายเป็นคนสนิทของมู่เหล่าหวางเฟย ดังนั้นแม้ประโยคเดียวก็อาจกลายเป็นหายนะได้สำหรับนาง
แม้มู่เหล่าหวางเฟยจักโดนท่านอ๋องตักเตือน แต่ก็ใช่ว่าจะออกจากจวนอ๋องแล้วมิกลับมาอีก ในวันข้างหน้ายังต้องช่วยเหลือกันได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นทัวป๋าถิงฟางจึงคิดหาวิธีทำให้มู่เหล่าหวางเฟยหลุดพ้นจากภัยครั้งนี้
เมื่อนึกถึงนิสัยของมู่เหล่าหวางเฟยแล้วบางทีก็คงมิอยากออกไปอยู่แล้ว
“คารวะหมู่เฟยเจ้าค่ะ”
“เหล่าหวางเฟยเจ้าคะ”
ฟางจูมองมู่เหล่าหวางเฟยและก็รู้สึกเป็นห่วงยิ่งนัก นางรู้ความคิดของมู่เหล่าหวางเฟยดีว่าวางความหวังทั้งหมดไว้บนตัวมู่จวินฮานมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้เพราะอันหลิงเกอ เขากลับให้มารดาออกจากจวน นี่เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจยิ่งนัก
“หมู่เฟย จักทำเยี่ยงไรดีเจ้าคะ ? ”
ทัวป๋าถิงฟางก็กังวลอยู่มิน้อย แต่นางเพิ่งกล่าวออกมาเท่านั้น ฟางจูก็หันมาจ้องตาเขม็งและสาวเท้าเดินมาหาทันที
“หากมิได้เป็นเพราะท่าน มู่เหล่าหวางเฟยจะเป็นเช่นนี้หรือ ท่านยังกล้าถามอีกหรือไร ! ”
ฟางจูรู้สึกโมโหจึงต่อว่าทัวป๋าถิงฟางออกไป
“เป็นความผิดของลูกเอง แต่ลูกก็มีทางแก้ไขเจ้าค่ะ”
หืม ? มู่เหล่าหวางเฟยเงยหน้ามองอีกฝ่ายราวกับเห็นความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
ทัวป๋าถิงฟางเป็นอนุภรรยาไร้ประโยชน์คนหนึ่ง จักมีวิธีเปลี่ยนใจท่านอ๋องได้เช่นไร ?
“หมู่เฟย ท่านมีสุขภาพแข็งแรง แม้ถิงฟางมิควรกล่าวเช่นนี้ แต่หากท่านล้มป่วยขึ้นมาก็มิต้องออกจากจวนแล้วเจ้าค่ะ”
หืม ? มู่เหล่าหวางเฟยเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ หากนางล้มป่วยก็จะ…
จวินฮานกตัญญูมาโดยตลอด คราวนี้เพราะอันหลิงเกอจึงได้ทำเช่นนี้กับนาง
หากจวินฮานรู้ว่านางล้มป่วยก็ต้องเปลี่ยนใจแน่นอน
“เด็กเด็ก เตรียมน้ำเย็นไว้หนึ่งถัง”
“หมู่เฟย ท่านมิต้องทำจริง…”
เดิมทีทัวป๋าถิงฟางอยากให้อีกฝ่ายแสร้งป่วยเท่านั้น คาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจะทำให้ตัวเองป่วยจริง ๆ หากเป็นอันใดขึ้นมาแล้วนางจะรับผิดชอบไหวหรือ
“ไม่ คราวนี้แม่จักให้ท่านอ๋องเห็นหัวใจของแม่”
มีเพียงการล้มป่วยเท่านั้น จวินฮานถึงจะให้อภัยนางอีกครั้ง
เช่นนั้นถ้ามู่จวินฮานรู้เรื่องมากมายที่ตนกระทำลงไปแล้วคิดเอาผิดจริง ๆ ตนก็คงอยู่ต่อไปมิได้อีก
“ขอให้ความปรารถนาของมู่เหล่าหวางเฟยเป็นจริงเจ้าค่ะ”
แม้ภายนอกทัวป๋าถิงฟางจะกล่าวเช่นนี้ แต่ภายในใจกำลังยินดียิ่งนักเพราะการที่มู่เหล่าหวางเฟยได้อยู่ในจวนต่อถือเป็นเรื่องดีสำหรับนางเอง