ตอนที่ 254 ลางสังหรณ์ / ตอนที่ 255 ฮ่องเต้ทรงพิโรธ

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 254 ลางสังหรณ์

 

 

 

 

“ท่านแม่ยังมีอะไรหรือ”

 

 

พอเห็นซูเหมยยืนนิ่งไม่ขยับตัว กู้เฝิ่นไต้ก็ถามโดยไม่หันมามอง

 

 

“ข้าเป็นแม่ของเจ้า ที่พูดมานี้ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า…”

 

 

ซูเหมยพูดไม่ทันจบกู้เฝิ่นไต้ก็ตัดบท “ข้าเข้าใจความคิดของท่านแม่ ข้าก็อยากเตือนท่านแม่ เวลาอยู่ต่อหน้าข้า ท่านแม่ควรจะรักษาแบบแผน

 

 

ข้าเป็นฮองเฮา เมื่อครู่นี้ท่านแม่เข้ามาก็ไม่ได้คารวะ ลืมความแตกต่างระหว่างเจ้านายกับสามัญชน ข้าเป็นคนของราชตระกูล เหตุผลนี้ท่านแม่ยังไม่เข้าใจหรือ”

 

 

ซูเหมยสีหน้ากระอักกระอ่วน คารวะกู้เฝิ่นไต้ “ฮองเฮาตรัสเตือนถูกต้อง เมื่อครู่หม่อมฉันเสียมารยาท หม่อมฉันทูลลา”

 

 

พูดจบซูเหมยก็ออกไปจากวังเว่ยยาง

 

 

พอพ้นวังเว่ยยางแล้ว ซูเหมยโกรธจนหน้ามืด พักอยู่ครู่หนึ่งจึงจากไป ช่างเป็นลูกสาวแสนดีเสียจริงๆ พอได้เป็นฮองเฮาก็ให้นางผู้เป็นแม่รักษาแบบแผน เมื่อก่อนยังดีๆ อยู่ เวลานี้ทำเกินไปจริงๆ

 

 

นางคาดหวังในตัวกู้เฝิ่นไต้อย่างสูง คิดแต่ว่าจะส่งเข้าวัง จึงเข้มงวดกับกู้เฝิ่นไต้เป็นพิเศษ ในที่สุดกู้เฝิ่นไต้ก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง ได้เป็นฮองเฮาตามที่หวังไว้

 

 

เรื่องนี้เป็นเกียรติยิ่งใหญ่ที่สุดของสกุลกู้ แต่ปรากฏว่าพอเป็นฮองเฮา กู้เฝิ่นไต้กลับวางอำนาจกับนาง ให้นางตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเจ้ากับสามัญชน

 

 

ถ้ากู้เฝิ่นไต้ยังไม่เข้าวัง นางคงสั่งสอนกู้เฝิ่นไต้อย่างรุนแรง

 

 

แต่เวลานี้กู้เฝิ่นไต้เป็นฮองเฮา แม้รู้สึกไม่พอใจอย่างไร ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ เกียรติของสกุลกู้ขึ้นอยู่กับกู้เฝิ่นไต้ ต้องรักษาฐานะฮองเฮาให้มั่นคง เวลานี้นางกลัวว่ากู้เฝิ่นไต้จะบุ่มบ่ามทำเรื่องโง่ๆ

 

 

พอซูเหมยไปแล้ว กู้เฝิ่นไต้ก็ให้คนเก็บกวาดแป้งหอมบนพื้น พระนางประทับนั่งพิงเบาะบนตั่ง อี่ซ่านคุกเข่ากับพื้นนวดน่องให้ ทูลเตือนเบาๆ “ฮองเฮา ฮูหยินเอาใจใส่ฮองเฮา ทำไมฮองเฮาจึงแบ่งแยกฐานะกับฮูหยินเล่าเพคะ”

 

 

กู้เฝิ่นไต้ทรงสงบลง พระนางแย้มพระสรวลเย้ยหยัน

 

 

“ที่นางเอาใจใส่ไม่ใช่ข้า อี่ซ่าน เจ้าใกล้ชิดกับข้ามาหลายปี เมื่อก่อนท่านแม่ทำอย่างไรกับข้า เจ้าก็รู้ดี

 

 

ตอนที่ข้ายังเล็ก ก็บอกข้าว่า วันหลังข้าจะเป็นคนของราชตระกูล ที่นั่นจึงจะเป็นที่ของข้า

 

 

นางไม่เคยถือข้าเป็นลูก ไม่เคยถามข้าว่าชอบอะไร อยากทำอะไร

 

 

ทำไมข้าต้องยอมทนกับเรื่องนี้ กู้ชิงเฉิงได้เลื่อนตำแหน่ง ท่านแม่ก็รีบเข้าวังมา ไม่ใช่มาปลอบใจข้า ไม่ได้ใส่ใจว่าข้าอารมณ์ดีหรือไม่ กลัวแต่ว่าข้าจะทำอะไรที่จะโยงไปถึงสกุลกู้ แม่อย่างนี้มีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน”

 

 

อี่ซ่านรู้ว่ากู้เฝิ่นไต้ไม่พอพระทัยซูเหมยมาก จึงไม่พูดอะไรอีก ได้แต่ทูลเตือนว่า “บ่าวรู้สึกว่าฮูหยินพูดมีเหตุผล ฮองเฮายามนี้ไม่ควรทำอะไรลงไป”

 

 

“ข้าหวงตำแหน่งฮองเฮายิ่งกว่าใคร นอกจากนี้แล้ว ข้าไม่มีอะไรอีก ข้าต้องรักษาตำแหน่งฮองเฮาให้ได้”

 

 

พระเนตรของกู้เฝิ่นไต้ฉายแววดุดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พระนางยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตำแหน่งฮองเฮา พระนางไม่อาจยอมแพ้

 

 

ทันทีที่สาวใช้เก็บกวาดห้องเสร็จ ก็มีคนเข้ามารายงาน เฟิ่งอวิ๋นหล่างเสด็จมาแล้ว

 

 

พอได้ยินว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างเสด็จมา กู้เฝิ่นไต้ก็รีบลุกขึ้น ให้อี่ซ่านหวีพระเกศา พระพักตร์ฉายแววอ่อนโยนน่าใกล้ชิด ราวกับว่าความดุดันก่อนหน้านี้เป็นอีกคนหนึ่ง เตรียมออกไปรับเสด็จ

 

 

ทันทีที่อี่ซ่านเปิดประตูห้อง เฟิ่งอวิ๋นหล่างในฉลองพระองค์ชุดสีเหลืองก็เข้ามาถึงหน้าประตู

 

 

กู้เฝิ่นไต้ทรงถวายบังคม ตรัสสุรเสียงอ่อนหวาน “ฝ่าบาททรงพระเจริญ”

 

 

ถ้าเป็นยามปกติ เฟิ่งอวิ๋นหล่างจะทรงเข้าไปประคองกู้เฝิ่นไต้ แต่คราวนี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ทอดพระเนตรกู้เฝิ่นไต้แม้แต่น้อย ทรงเข้าไปข้างในทันที

 

 

กู้เฝิ่นไต้พระทัยเต้นระทึก ทรงสังหรณ์ใจทันที

 

 

 

 

——

 

 

 

 

ตอนที่ 255 ฮ่องเต้ทรงพิโรธ

 

 

 

 

กู้เฝิ่นไต้เสด็จตามเข้าไป ทรงรินชาถวายเฟิ่งอวิ๋นหล่าง เป็นเรื่องที่กู้เฝิ่นไต้ทรงปฏิบัติตามปกติ เฟิ่งอวิ๋นหล่างเคยตรัสชมกู้เฝิ่นไต้ว่าอ่อนโยนเอาใจใส่

 

 

แต่คราวนี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่รับชาจากกู้เฝิ่นไต้ ได้แต่ทอดพระเนตรกู้เฝิ่นไต้อย่างเย็นชา

 

 

กู้เฝิ่นไต้ทรงใจหาย สายพระเนตรฉายแววน้อยพระทัย “ฝ่าบาท…”

 

 

“วางไว้ที่นั่นแหละ!”

 

 

กู้เฝิ่นไต้จนปัญญา ทรงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ เฟิ่งอวิ๋นหล่างโบกพระหัตถ์ ทำท่าให้สาวใช้ออกไป พอทุกคนออกไปแล้ว เฟิ่งอวิ๋นหล่างจึงตรัสด้วยสีพระพักตร์ไร้ความรู้สึก “ที่ผ่านมาเรานึกว่าเจ้าเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา จึงแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโหดร้ายราวกับอสรพิษ”

 

 

กู้เฝิ่นไต้ทรงกระสับกระส่าย รีบคุกเข่าลงกับพื้น น้ำพระเนตรไหลขณะทอดพระเนตรมองเฟิ่งอวิ๋นหล่าง “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของฝ่าบาท หม่อมฉันทำอะไรหรือเพคะ

 

 

เรื่องพระสนมโหรวเป็นเพราะหม่อมฉันดูแลคนของหม่อมฉันไม่ดี ทำให้พระสนมโหรวบาดเจ็บ หม่อมฉันได้ครุ่นคิดทบทวนอยู่แต่ในวังเว่ยยางไม่ออกไปไหน ฝ่าบาทยังไม่อภัยหม่อมฉันหรือเพคะ”

 

 

เรื่องของพระสนมโหรวแม้โยงไปถึงกู้เฝิ่นไต้ แต่หัวหน้าขันทีวังเว่ยยางเป็นคนรับโทษแทนหมด เฟิ่งอวิ๋นหล่างประหารหัวหน้าขันที แต่กู้เฝิ่นไต้ทัดทาน จึงไม่ได้สืบสวนต่อ

 

 

กู้เฝิ่นไต้ยังนึกว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างยังคงโทษพระนางเรื่องพระสนมโหรว หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้มาหาพระนางอีก คราวนี้ในที่สุดก็เสด็จมา

 

 

เดิมทีคิดว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างตั้งพระทัยมาหาพระนาง นึกไม่ถึงว่าจะมาเพื่อกล่าวโทษ

 

 

นอกจากเรื่องของพระสนมโหรวแล้ว ช่วงนี้ พระนางยังให้ซูคังใส่ร้ายซูเหิง เรื่องนี้ซูคังมาขอร้องเอง ไม่ควรให้เขารับสารภาพ เพราะไม่เป็นผลดีต่อซูคังเอง

 

 

กู้เฝิ่นไต้ไม่ค่อยสบายพระทัย และไม่เข้าพระทัย ไม่รู้ว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างหมายความว่าอย่างไร ทำไมจู่ๆ ก็ตรัสออกมาอย่างนี้

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงก้มพระวรกายลง ยื่นพระหัตถ์ออกมาจับที่คางของกู้เฝิ่นไต้ทันที ทรงออกแรงอย่างหนัก กู้เฝิ่นไต้ทรงเจ็บปวดจนทนไม่ไหว พระเนตรเต็มไปด้วยพระอัสสุชลที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสงสาร

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างกลับไม่แสดงท่าทีสงสารแม้แต่น้อย ราวกับว่าผู้หญิงเบื้องพระพักตร์เป็นคนที่น่าเกลียดน่าชัง

 

 

“กู้เฝิ่นไต้ อย่าเสแสร้งเลย ขันทีน้อยที่ชนจางเฉิง ทำให้จางเฉิงทำผ้าเช็ดหน้าตกก็เป็นคนของเจ้าเอง!

 

 

เจ้ารู้อยู่แล้วว่าจางเฉิงรักชิงเฉิง เจ้าจึงถือโอกาสตอนเข้าไปหาชิงเฉิงหยิบผ้าเช็ดหน้าของชิงเฉิงไป แล้วจงใจให้จางเฉิงเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นได้

 

 

หลังจากนั้นจึงถือโอกาสให้จางเฉิงทำผ้าเช็ดหน้าหล่นต่อหน้าเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแผนการที่เจ้าวางไว้อย่างแยบยล เรามองข้ามเจ้าไป เจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์อย่างนี้เอง”

 

 

พระทัยของกู้เฝิ่นไต้หวาดหวั่นอย่างยิ่ง แต่ภายนอกยังคงสงบ พระนางนึกไม่ถึงว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต

 

 

พระองค์ทรงรู้จากไหน กู้เฝิ่นไต้เติบโตมาพร้อมกับกู้ชิงเฉิง รู้นิสัยของกู้ชิงเฉิงดี กู้ชิงเฉิงเป็นคนทะนงตน ไม่ชิงดีชิงเด่นกับใคร และไม่อธิบายอะไร

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงเข้าพระทัยนางผิด กู้ชิงเฉิงไม่มีวันทูลอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือแม้ว่านางทูลอธิบาย แต่เวลานั้นพระองค์ก็ไม่ยอมรับ

 

 

เฟิ่งอวิ๋นหล่างคงระแวงอยู่แล้ว คงไม่เชื่อ เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่พระนางคาดไว้ กู้ชิงเฉิงดึงดันและไม่ใส่ใจอธิบาย จางเฉิงก็ตายไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเฟิ่งอวิ๋นหล่างกับกู้ชิงเฉิงจึงมีปมที่ไม่อาจแก้ได้ เรื่องที่พระนางเคยทำอะไรไว้จึงถูกบดบังไป

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าใจผิดเพคะ หม่อมฉันกล้าสาบาน ไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้แน่นอนเพคะ”

 

 

กู้เฝิ่นไต้ร่ำไห้