ตอนที่ 247 ถังซีฝีปากกล้า

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เมื่อเห็นถังซีตกตะลึงอย่างนั้นเฉียวอวี่ซินก็ยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองลู่กวงสยง ก่อนกล่าวกับเขาเสียงเย็นชา “ถ้าอยากให้อาเหลียงปล่อยหงคุนกรุป คุณก็ควรไปขอร้องอาเหลียง ฉันตัดสินใจแทนเขาไม่ได้หรอก”

 

 

ลู่กวงสยงหันไปมองถังซี หญิงสาวถอยไปยืนด้านข้างอย่างสุภาพ ไม่ให้รบกวนการสนทนา ลู่กวงสยงมองเฉียวอวี่ซินแล้วกล่าวว่า “เธอก็รู้ว่ามันเกลียดฉันขนาดไหน! แล้วจะให้ฉันไปขอร้องมันเนี่ยนะ อยากเห็นฉันตายไปตรงหน้าเลยใช่ไหม!”

 

 

เมื่อได้ยินเขาพูดจบถังซีก็อมยิ้ม เดินอ้อมไปด้านหลังเฉียวอวี่ซิน วางมือลงบนที่จับรถเข็น แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “คุณป้าคะ เมื่อวานนี้หนูไม่ได้นวดให้คุณป้าเลย วันนี้ให้หนูนวดให้ก่อน แล้วเราค่อย…”

 

 

“นี่หนู เธอเป็นใคร” ลู่กวงสยงหรี่ตามองถังซี “ฉันเคยเจอเธอมาก่อนหรือเปล่า”

 

 

ถังซีเลิกคิ้วมองลู่กวงสยง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านประธานลู่ต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ เราจะเคยเจอกันมาก่อนได้ยังไงคะ คุณเป็นคนใหญ่คนโต คนตัวเล็กๆ อย่างฉันไม่น่าจะมีโอกาสพบคุณหรอกค่ะ คุณคงจำฉันสับสนกับคนอื่นแล้วล่ะ บังเอิญฉันหน้าโหลน่ะค่ะ”

 

 

หางตาอาห้ากระตุก เขาแอบบ่นในใจ ‘คุณหนูเซียวครับ ถ้าใบหน้าอย่างคุณหนูเรียกว่าหน้าโหล หน้าอย่างผมคงต้องเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดที่สุด คุณเรียกใบหน้าที่สวยสมบูรณ์แบบของตัวเองว่าหน้าโหลได้ยังไง!’

 

 

เมื่อเห็นลู่กวงสยงนิ่งอึ้งไป เขาก็แอบยกนิ้วโป้งให้ถังซี

 

 

ลู่กวงสยงเลิกใส่ใจถังซี หันไปหาเฉียวอวี่ซินแล้วพูดเสียงอ่อนว่า “ให้เงินฉันมาก่อนสักสามร้อยล้านหยวน เพื่อให้ดำเนินงานต่อไปได้ แล้วฉันจะคืนเงินให้เธอทันทีที่บริษัทของฉันมีสภาพคล่อง”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดกลิ้งกลอกหลอกล่อของลู่กวงสยง ถังซีก็นึกขึ้นได้ทันทีถึงความผิดที่เขาก่อไว้กับเฉียวอวี่ซินและเฉียวเหลียง ทันใดนั้นปีศาจน้อยในตัวเธอก็โผล่ขึ้นมา เธอหัวเราะเสียงดัง ลู่กวงสยงขมวดคิ้วหันมาจ้องมองเธออย่างไม่พอใจ ถังซีมองตอบพร้อมกับยิ้มหยัน

 

 

อาห้าถอยหลังไปเงียบๆ หนึ่งก้าว ขณะที่ลู่กวงสยงหรี่ตาจ้องหน้าถังซีซึ่งยังหัวเราะไม่หยุด แม้เธอจะสวยจนต้องตะลึง แต่เขารู้สึกเกลียดใบหน้าสวยๆ ที่มีรอยยิ้มหยันอยู่ขณะนี้จริงๆ ลู่กวงสยงตะคอกถามว่า “นี่หนู เธอหัวเราะขำอะไร”

 

 

ถังซียังคงหัวเราะต่อไปขณะตอบว่า “ท่านประธานลู่ไม่ทราบหรือคะว่าฉันหัวเราะอะไร ฉันก็หัวเราะขำความหน้าด้านไร้ยางอายของคุณไงล่ะ ฉันเป็นคนนอกก็จริง ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างคุณกับคุณป้าเฉียว และไม่ควรตัดสินในตัวคุณ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าคุณไปไกลกู่ไม่กลับจริงๆ! ยังจะมาวางแผนหลอกล่อขอเงินจากคุณป้าเฉียวอีกได้ยังไงกัน”

 

 

ก่อนที่ลู่กวงสยงจะทันได้โต้ตอบ ถังซีก็กล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณทำร้ายเฉียวเหลียงกับคุณป้าเฉียวเพื่อผู้หญิงอื่น แล้วยังพยายามแย่งเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปไปจากพวกเขาเมื่อห้าปีก่อน แต่เฉียวเหลียงแข็งแกร่งเกินกว่าที่คุณคาดคิด คุณก็เลยทำไม่สำเร็จ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาคุณก็แอบส่งสายเข้าไปสืบในบริษัทเขาตลอดเวลา คุณตั้งใจอยู่อย่างเดียวคือกำจัดลูกชายของคุณออกจากเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป เพราะเขาเคยขับไล่คุณมาก่อน แล้วคุณจะได้ฮุบเอาเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปไว้เองทั้งหมด น่าเสียดายที่คุณพลาดอีก แล้วนี่ยังจะกลับมาขอร้องให้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปให้เงินคุณไปกอบกู้บริษัทที่กำลังจะล่มจมของคุณอีกงั้นเหรอ คิดได้ยังไง คิดว่าทุกคนบนโลกใบนี้โง่เขลาเบาปัญญา มีคุณฉลาดอยู่คนเดียวหรือไง”

 

 

ลู่กวงสยงกำหมัดแน่น ถังซียิ้ม ถามต่อเสียงเย็นเยือกว่า “ทำไมคะ แทงใจดำเหรอ ไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้วใช่ไหม แน่ละ คุณไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เพราะทุกอย่างที่ฉันพูดมามีหลักฐาน คุณต้องติดคุกตลอดชีวิตแน่!”

 

 

ลู่กวงสยงพุ่งเข้ามาจะคว้าตัวถังซี เธอจ้องหน้าเขานิ่ง ทว่าอาห้ารีบเข้าไปขวาง กั้นเขาไว้พร้อมกับขู่ว่า “คุณลู่ ผมขอเตือน ถ้าคุณไม่ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ บริษัทของคุณต้องพังพินาศยับเยินไม่มีวันฟื้นตัวได้อีกแน่นอน”

 

 

ถังซียิ้ม เสริมว่า “จริงค่ะ ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันคงไม่หน้าด้านมาที่นี่ มาขอร้องคนที่ฉันเคยทำร้ายให้ช่วยเหลือฉันหรอก ฉันคงไปหาหุ้นส่วนธุรกิจเก่าๆ ซึ่งก็อาจพอมีใครยอมช่วยเหลืออยู่บ้าง…” ถังซีนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไป “แต่คนสมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวก่อนทั้งนั้น พวกเขายินดีจะร่วมธุรกิจกับคุณแน่ ถ้าคุณร่ำรวย แต่ตอนนี้คุณไม่มีเงินแล้วนี่ ฉันเกรงว่าคงมีไม่กี่คนหรอกจะที่ยินดีช่วยเหลือคุณ

 

 

“แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว… ถ้าฉันเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของคุณ ฉันก็คงกลัวว่าคุณจะมาแว้งกัดฉันทีหลังอีก หลังจากที่ช่วยคุณไปแล้ว แบบชาวนากับงูเห่าไง…” ถังซียิ้มหวานก่อนจะกล่าวต่อไป “เพราะคุณเคยทำแบบนั้นมาก่อน ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วทั้งวงการ จริงไหมคะ”

 

 

“แก!” ลู่กวงสยงโกรธจัดจนมือไม้สั่น เขาได้แต่ชี้หน้าถังซี แต่พูดอะไรไม่ออก

 

 

ถังซียิ้มอีก แล้วเข็นรถเข็นของเฉียวอวี่ซินกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมกล่าวว่า “คุณป้าเฉียวคะ ให้หนูนวดให้คุณป้าก่อนนะคะ แล้วค่อยฝังเข็ม วันนี้หนูต้องกลับบ้านเร็วนิดหนึ่งค่ะ”

 

 

เฉียวอวี่ซินพยักหน้าและยิ้มให้ “หนูช่างมีน้ำใจมาก มานวดให้ป้าทุกวันเลย โหรวโหรว แต่ก่อนอื่นนะ หนูเลิกเรียกป้าว่าป้าเถอะจ้ะ เรียกว่าแม่สิจ๊ะ ป้าอยากให้หนูเรียกป้าว่าแม่”

 

 

ถังซีพยักหน้ารับคำ “ค่ะ คุณแม่” แล้วเข็นรถเข็นกลับเข้าไปในบ้าน

 

 

อาห้าแทบก้มกราบด้วยความชื่นชม เขามองตามหลังถังซีที่เดินจากไป แล้วหันกลับมาที่ลู่กวงสยง ซึ่งหน้าดำคล้ำด้วยโทสะ อาห้าแอบยกนิ้วชื่นชมถังซีอยู่ในใจ เขายังไม่เคยเจอใครที่ฝีปากกล้าเช่นเธอมาก่อน! แถมยังไม่มีคำหยาบคายเลยแม้แต่คำเดียว! เธอนี่ช่างสุดยอดจริงๆ!

 

 

หลังจากลู่กวงสยงต้องกลับไปด้วยอาการผิดหวังอย่างแรง อาห้าก็รีบโทรศัพท์รายงานเฉียวเหลียงถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เฉียวเหลียงกำลังประชุมวิดีโอคอลอยู่กับเจสซ์และวิลสัน เมื่อได้รับรายงานจากอาห้า เขาก็ยิ้มกว้าง แล้วทันใดก็นึกขึ้นได้ว่ายังอยู่ในระหว่างการประชุม จึงรีบหุบยิ้ม แสร้งทำเป็นยกกำปั้นขึ้นป้องปากกระแอม แล้วบอกกับอาห้าแบบไม่ค่อยใส่ใจว่า “โอเค ฉันรู้แล้ว” ก่อนจะวางสายไป

 

 

เมื่อหันมาทางอีกสายหนึ่งก็พบเจสซ์กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ “วู้ ไม่ต้องเขินหรอกน่า บอกมาดีกว่า อะไรยังไงถึงได้มีความสุขนัก”

 

 

พวกเขากำลังประชุมกันต่อจากที่ประชุมค้างไว้ยังไม่ได้ข้อสรุป ที่ห้องทำงานเฉียวเหลียง

 

 

เฉียวเหลียงเมินใส่เจสซ์ แล้วหันไปทาง วิลสัน “ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง ผมต้องไปที่โน่นไหม”

 

 

วิลสันนิ่วหน้า “ผมส่งหมาป่าเดียวดายไปแล้ว เขาน่าจะจัดการได้ แต่ถ้าคุณไปได้ก็น่าจะดีกว่า ผมจะได้มั่นใจยิ่งขึ้น”

 

 

เฉียวเหลียงพยักหน้ากล่าวกับวิลสัน “ลู่หลี ถ้าคุณว่างผมอยากให้คุณมาที่เมือง A”

 

 

เจสซ์เบิกตาโพลง “คุณต้องการให้คุณเจ็ดไปที่นั่นแทนผม อย่างนั้นหรือ”