ตอนที่ 248 โน้มน้าวใจพวกเขาให้ได้

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

วิลสันยิ้ม มองหน้าเจสซ์ “คุณเก้า คุณถูกอาเหลียงลอยแพแล้วล่ะ”

 

 

เจสซ์มองเฉียวเหลียงอย่างไม่เชื่อสายตา พลางตะเบ็งเสียงใส่ “เราสนุกกันมากตอนไปทำงานด้วยกันที่สวีเดน! นี่คุณกำลังจะทิ้งผมไปหาคุณเจ็ดอย่างนั้นหรือ”

 

 

เฉียวเหลียงนิ่งมองเจสซ์ แล้วขมวดคิ้ว “คุณดูแลธุรกิจในประเทศ M ให้ดี ผมต้องวางสายแล้ว”

 

 

“เดี๋ยวก่อน” วิลสันกล่าวกับเฉียวเหลียง “ผมควรเตรียมตัวยังไงบ้าง สำหรับการเดินทางไปเมือง A”

 

 

เฉียวเหลียงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แค่เดินทางมาให้ถึง รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศต้องการพบคุณ”

 

 

วิลสันขมวดคิ้ว “ธุรกิจทั้งหมดในประเทศจีนคุณเป็นคนดูแลไม่ใช่หรือ แล้วทำไมรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศถึงต้องการพบผม”

 

 

“คุณอาจช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เขารู้สึกมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น” เฉียวเหลียงกล่าวก่อนจะตัดสายวิดีโอคอล ทางปลายสายอีกด้านหนึ่ง วิลสันและเจสซ์นั่งนิ่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองหน้ากันอย่างมึนงง หางตาเจสซ์หรี่ลง “คนอย่างคุณเนี่ยนะ จะเสริมสร้างความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยให้ใครได้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศตาบอดหรือเปล่า”

 

 

วิลสันลุกขึ้นยืนช้าๆ ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางสง่างาม หันไปมองเจสซ์ ยิ้ม แล้วกล่าวว่า “คุณเก้า ยังไงซะถ้าเปรียบเทียบกับคุณ ผมน่าจะช่วยเสริมสร้างความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยให้กับผู้อื่นได้มากกว่าคุณอย่างแน่นอน”

 

 

เจสซ์จ้องเขม็งพร้อมกับตะโกนไล่หลังวิลสัน “ถ้าเป็นเรื่องการสร้างความมั่นคงปลอดภัย ทั้งคุณทั้งเฉียวเหลียง ไม่มีใครเทียบผมได้หรอก!”

 

 

วิลสันยังคงเดินจากไปไม่เหลียวหลัง เจสซ์ส่งเสียงในลำคอ ถลึงตามองผู้ช่วยเขาที่ยืนอยู่หน้าประตู ซึ่งกำลังพยายามกลั้นหัวเราะ “มองอะไร ถ้ายังไม่เลิกมอง ฉันจะควักลูกตานาย!”

 

 

 

 

เหลยหลินอมยิ้ม ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้เจสซ์ “คุณเก้า นี่คือภาพร่างงานออกแบบอาวุธรุ่นล่าสุด โปรดพิจารณาด้วย หากคุณคิดว่าใช้ได้แล้ว จะได้ส่งให้ฝ่ายผลิตดำเนินการผลิต ปืนไรเฟิลซุ่มยิงรุ่นนี้มีระยะกระสุนไกลถึงสองกิโลเมตร ส่วนลูกกระสุน…” เหลยหลินเดินตามเจสซ์พลางอธิบาย จากนั้นก็ส่งเอกสารอีกชุดหนึ่งให้ กล่าวต่อไปว่า “คนของเราพบแล้วว่าฉูหลิงอยู่ที่ไหน นี่คือภาพถ่ายจากดาวเทียม คุณต้องการให้ติดต่อเขาเลยไหม”

 

 

เจสซ์เลิกคิ้ว พลิกดูภาพถ่ายก่อนจะยิ้ม “เขาไปทำอะไรกลางทะเลทราย ไปจับงูกิน หรืออยากไปตาย”

 

 

“ทราบมาว่าเขาไปลงทุนในบ่อน้ำมันแห่งหนึ่งที่ซาอุดีอาระเบีย เขาอาจจะไปสำรวจหาบ่อน้ำมันที่นั่น” เหลยหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เจสซ์โยนภาพทั้งหมดกลับไปให้เหลยหลิน “ไม่ว่าเขาจะไปขุดเพชรหรือขุดน้ำมัน ติดต่อเขาไป บอกว่าอาเหลียงมีงานจะให้ทำ ขอให้เขาไปหาอาเหลียงที่เมือง A”

 

 

แล้วเขาก็พึมพำอยู่คนเดียวว่า “นี่เฉียวเหลียงกล้าไปเอาฉูหลิงมาทำงานด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

 

 

 

 

ทางอีกด้านหนึ่ง เฉียวเหลียงกำลังนั่งอยู่ในห้องรับรองของสถานีตำรวจ ขณะกำลังจัดการกับเอกสาร โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เขารับสาย เมื่อฟังทางปลายสายอีกด้านพูดจบเขาก็ขมวดคิ้ว “นี่ต้องให้ผมจัดการกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วผมจะมีพวกคุณไว้ทำอะไร”

 

 

เสียงจากทางปลายสายรีบลุกลนกล่าวขอโทษ อีกครู่ต่อมาโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นอีก เขาเหลือบมองชื่อผู้โทรแล้วกดสายทิ้ง

 

 

โทรศัพท์สายนี้มาจากเซียวจิ่ง ซึ่งควรจะได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่กลับต้องมาเข้าประชุมด่วนที่บริษัทด้วยสีหน้าบึ้งตึง หลังจากอธิบายหัวข้อหลักในการประชุมแล้ว เขาก็มองไปยังผู้บริหารที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมดแล้วถามว่า “ทุกคนเข้าใจที่ผมพูดแล้วใช่ไหม”

 

 

ผู้บริหารที่นั่งติดกับเขาขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านประธานเซียว นี่จะไม่เป็นการเสี่ยงเกินไปหรือ”

 

 

เซียวจิ่งหันมามองผู้บริหารคนนั้น ซึ่งยังคงพูดต่อไปว่า “เราไม่ได้กำลังต่อกรกับแค่บริษัทเดียว แต่เป็นแวดวงธุรกิจทั้งวงการของเมือง A ผมนับดูแล้ว บริษัทที่เคยร่วมมือกับหงคุนกรุปหรือลู่กวงสยง มีทั้งหมดไม่น้อยกว่าสามสิบบริษัท ถ้าเราแค่ปะทะกับหงคุนกรุปกับบริษัทเล็กบริษัทน้อยในเครือก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นี่เรากำลังจะต้องปะทะกับบริษัทต่างๆ มากกว่าสามสิบบริษัท เป็นการเสี่ยงมากเกินไป ถ้าเงินทุนเราหมดขึ้นมา หรือถ้าเราไม่รอบคอบพอ เราพังพินาศแน่”

 

 

เซียวจิ่งพยักหน้ารับรู้ แล้วมองไปยังผู้บริหารคนอื่นๆ ถามว่า “คนอื่นๆ ล่ะครับ มีความเห็นยังไงบ้าง”

 

 

“พวกเราเห็นด้วยกับคุณเกา แม้ว่าเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปจะแข็งแกร่งมาก แต่เราคงไม่สามารถปะทะกับบริษัทต่างๆ ถึงสามสิบบริษัทได้ในเวลาเดียวกัน แล้วถ้าเกิดบริษัทอื่นๆ จากเมืองอื่น มาเข้าร่วมสงครามธุรกิจนี้โดยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเรา เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปคงถึงคราวต้องล่มสลายไปในชั่วข้ามคืน” ผู้บริหารอีกคนสนับสนุน

 

 

เซียวจิ่งพยักหน้ารับอีกครั้ง คนอื่นๆ มองมาที่เซียวจิ่งแล้วถามว่า “ประธานเซียว คุณเห็นด้วยกับพวกเราไหม”

 

 

เซียวจิ่งเอนตัวไปด้านหลัง ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ทุกท่านคงทราบแล้ว ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้กำจัดสายสืบที่แอบแฝงอยู่ในบริษัทออกไปเป็นจำนวนไม่น้อย หนอนบ่อนไส้พวกนี้เกือบจะขายบริษัทของเราให้กับหงคุนกรุปได้สำเร็จ ผมต้องทำงานล่วงเวลาอยู่ในห้องทำงานท่านประธานเฉียวตลอดทั้งสัปดาห์ เพื่อรักษาบริษัทเราเอาไว้ ขณะที่พวกคุณมาทำงานและเลิกงานตรงเวลา พวกคุณได้กลับบ้านไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัว หรือไปสุขสำราญอยู่ตามผับบาร์ ราวกับว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณเลย”

 

 

คนอื่นๆ ก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเซียวจิ่ง เซียวจิ่งยังคงยิ้ม “ใช่ คงยากลำบากมากที่จะต้องปะทะกับสามสิบบริษัทในเวลาเดียวกัน แต่พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่า บริษัทเหล่านี้ก็ถูกหงคุนกรุปทำให้ขาดทุนมาเป็นเวลานาน ถ้าเราหาทางยุบบริษัทเหล่านี้ได้ ธุรกิจของเราจะไม่ยิ่งขยายวงกว้างขึ้นหรอกหรือ ธุรกิจของเราจะไม่ยิ่งเจริญเติบโตขึ้นหรอกหรือ เงินปันผลที่พวกคุณจะได้รับจะไม่ยิ่งทวีจำนวนขึ้นหรือ ลองคิดดูนะ มีบริษัทระดับนานาชาติที่ไหนบ้าง ที่ไม่เคยพัฒนาธุรกิจบนความเสี่ยง ถ้าไม่ยอมเสี่ยง เราจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง”

 

 

บรรดาผู้บริหารมองหน้ากันไปมาอยู่ในความเงียบ ขณะที่เซียวจิ่งกล่าวต่อไปว่า “ดูหลงเซี่ยวกรุปเป็นตัวอย่างสิ ก่อนจะมาเป็นกลุ่มบริษัทอันดับหนึ่งของโลกที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องในหลากหลายวงการได้ คิดว่าหลงเซี่ยวไม่เคยอยู่ในภาวะเสี่ยงมาก่อนเลยหรือ ผมจำได้ดีว่าเริ่มแรกหลงเซี่ยวเป็นเพียงโรงงานผลิตอาวุธปืนขนาดเล็ก แต่ปัจจุบันนี้เขาเป็นบริษัทที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของโลก ควบคุมแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจค้าอาวุธของโลก การซื้อขายอาวุธเกือบทั้งหมดล้วนต้องผ่านหลงเซี่ยว พวกเขาไม่ได้ยอมเสี่ยงโดยการพัฒนาโรงงานผลิตอาวุธเล็กๆ แห่งหนึ่ง ให้ก้าวไปสู่ธุรกิจค้าอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหรอกหรือ”

 

 

“ประธานเซียว เราเปรียบเทียบกับหลงเซี่ยวไม่ได้หรอก” ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าวขึ้น “หลงเซี่ยวกรุปแข็งแกร่งมากเพราะมีโลกทั้งโลกเป็นฐานสนับสนุน แต่พวกเราล่ะ เราไม่มีอะไรเลย… นอกจากคุณกับท่านประธานเฉียว ตัวอย่างนี้ห่างชั้นเกินกว่าที่เราจะเอามาเปรียบเทียบกันได้ เราไม่มีทางเห็นด้วยกับความคิดของคุณหรอก”