บทที่ 382 เปิดพลังปราณธาตุอีกครั้ง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 382 เปิดพลังปราณธาตุอีกครั้ง

 

 

เทพีกระบี่เป็นเทพเจ้าที่ได้รับการเคารพบูชาสูงสุดของชาวเมืองหยุนเมิ่ง รูปปั้นที่อยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ว่ากันว่าแกะสลักขึ้นมาจากวัตถุชนิดพิเศษ มันได้รับการกราบไหว้บูชาจากชาวเมืองจำนวนนับไม่ถ้วน มีพลังแห่งความศรัทธาเต็มเปี่ยม และเป็นสื่อกลางเชื่อมต่อระหว่างชาวเมืองผู้ศรัทธากับเทพีกระบี่ที่อยู่บนดินแดนทวยเทพ

 

 

แต่จะว่าไปแล้ว เหตุผลที่หลินเป่ยเฉินได้รู้จักกับเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ก็เป็นเพราะว่าเขามาคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้นตัวนี้

 

 

เขาเคยสงสัยว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะเป็นเทพีกระบี่

 

 

แต่ตอนหลังก็ได้รู้แล้วว่าไม่ใช่

 

 

หลินเป่ยเฉินคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้น รวบรวมสมาธิสังเกตถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกาย

 

 

ในทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น

 

 

“เป็นเจ้าอีกแล้วหรือ?”

 

 

เสียงที่แฝงด้วยความประหลาดใจอยู่หลายส่วนดังขึ้นในหูของหลินเป่ยเฉิน

 

 

เขาสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกโต สำรวจมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ

 

 

เด็กหนุ่มเห็นว่าอาจารย์ติงยังคงนั่งคุกเข่าหลับตาสวดมนต์อยู่เช่นเดิม นั่นหมายความว่าอาจารย์ไม่ได้ยินเสียงที่เขาได้ยิน

 

 

หรือว่าจะเป็น…

 

 

หลินเป่ยเฉินเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ

 

 

เขาหันไปมองที่รูปปั้นเทพีกระบี่

 

 

แล้วจึงได้เห็นว่าศิลาบูชาถูกดูดพลังไปจนมันเกือบกลายเป็นสิ่งโปร่งแสง มวลพลังงานสีฟ้าครามลอยเข้าไปในปากและจมูกของรูปปั้นเทพีกระบี่อย่างต่อเนื่อง

 

 

บัดนี้ รูปปั้นเทพีกระบี่กำลังเปล่งแสงสว่างเรืองรองเหมือนสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าหลับตาลง ก็จะไม่รับรู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

 

“เฮอะ เจ้ากล้าดีอย่างไรใช้สายตาเช่นนี้มองรูปปั้นของข้า?”

 

 

น้ำเสียงที่วางอำนาจดังขึ้นในหูของหลินเป่ยเฉิน

 

 

ใช่แล้ว

 

 

คราวนี้ไม่ผิดแน่

 

 

นี่แหละเทพีกระบี่ตัวจริง

 

 

หลินเป่ยเฉินรีบก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้ามองไปที่รูปปั้นอีกต่อไป

 

 

เขาพูดอยู่ในใจว่า “กราบเรียนท่านเทพีกระบี่ ข้าน้อยมีนามว่าหลินเป่ยเฉิน เป็นผู้ศรัทธาที่ซื่อสัตย์ของท่าน เมื่อ 15 วันที่แล้ว ท่านปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือข้าน้อยและเลือกข้าน้อยเป็นร่างทรงเทพเจ้า…”

 

 

“ถูกต้อง”

 

 

เสียงของเทพีกระบี่อ่อนโยนลงเล็กน้อย

 

 

“แต่ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือก เหตุไฉนในร่างกายถึงมีพลังลมปราณเปี่ยมล้นเช่นนี้เล่า?”

 

 

เทพีกระบี่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติในร่างกายของหลินเป่ยเฉินอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ ด้วย

 

 

หลินเป่ยเฉินรีบตอบกลับไปด้วยความร้อนรนทันทีว่า “เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่เข้าใจเช่นกันขอรับ ข้าน้อยจึงได้เดินทางมาที่นี่ เพื่อขอรับความช่วยเหลือให้ท่านเทพีเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุอีกครั้ง”

 

 

“แต่ข้าสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวเจ้า ทำไมเจ้าไม่รอคอยอีกสักหน่อย ปล่อยให้ร่างกายซึมซับพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เต็มที่ แล้วพลังทั้งหมดของเจ้า ก็จะฟื้นคืนกลับมาเอง”

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะหลินเป่ยเฉินแจ้งข้อมูลว่าตนเองเป็นผู้ที่ถูกเลือกหรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นกันเเน่ แต่เขาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเทพีกระบี่อ่อนโยนกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า

 

 

หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ใจจริงข้าน้อยก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่ปัญหาก็คือบัดนี้ข้าน้อยมีอันตรายคุกคามรอบด้าน จำเป็นต้องใช้พลังยุทธ์เพื่อป้องกันตนเอง หากท่านเทพียินดีเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุให้แก่ข้าน้อยอีกครั้ง ข้าน้อยก็จะบูชาท่านด้วยเหรียญทองคำ 10 เหรียญ… ไม่สิ 20 เหรียญเลยขอรับ”

 

 

พูดจบ เขาก็นำเหรียญทองคำโปรยลงไปบนถาดสำหรับวางสิ่งของบูชาเพิ่มเติม

 

 

“ไม่ได้”

 

 

เทพีกระบี่พูดสวนกลับมาทันที “ไม่ว่าจะเป็นเหรียญเงินหรือเหรียญทอง ต่างก็ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า”

 

 

เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว

 

 

เห็นไหม

 

 

แบบนี้สิถึงสมควรเป็นเทพเจ้าตัวจริง

 

 

ไม่เห็นเงินทองเป็นสิ่งของที่อยู่ในสายตา

 

 

ชัดเจนแล้วว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่ใช่เทพีกระบี่แน่ๆ

 

 

เทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่เคยปล่อยให้เหรียญทองคําหลุดมือ นางย่อมไม่มีทางพูดเช่นนี้ออกมาได้เด็ดขาด

 

 

“แต่ในเมื่อเจ้าเคยเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุมาแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าก็ไม่ควรเปิดอีกเป็นครั้งที่สอง”

 

 

 คำตอบของเทพีกระบี่ทำให้หลินเป่ยเฉินหัวใจเย็นวาบ

 

 

แต่เขาก็สังเกตได้ว่าคำว่า ‘ไม่ควร’ ไม่ได้หมายความว่า ‘ทำไม่ได้’

 

 

“ท่านเทพีได้โปรดเมตตาข้าน้อยด้วย”

 

 

เด็กหนุ่มพูดอยู่ในใจด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน

 

 

ไม่มีเสียงตอบรับ

 

 

แต่มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น

 

 

รูปปั้นเทพีกระบี่ที่เปล่งแสงสว่างไสวก่อนหน้านี้ พลันลืมตาขึ้นมาทั้งสองข้าง ปรากฏลำแสงพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้นกวาดไปทั่วร่างกายของหลินเป่ยเฉิน เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

 

 

หลินเป่ยเฉินรู้สึกขนหัวลุกโดยทันที

 

 

เทพีกระบี่จะตรวจพบโทรศัพท์มือถือของเขาหรือไม่?

 

 

นางจะทราบหรือไม่ว่าเขาเป็นคนที่ทะลุมิติมาจากโลกอื่น?

 

 

หลินเป่ยเฉินตึงเครียดขึ้นมาแล้ว

 

 

“ในตัวเจ้ามีบางอย่างผิดปกติ มันคืออะไรกันนะ?”

 

 

เสียงของเทพีกระบี่ดังขึ้นในหูของหลินเป่ยเฉินอย่างชัดเจน

 

 

แย่แล้ว

 

 

หรือว่านางกำลังหมายถึงโทรศัพท์?

 

 

ซวยแล้วไง

 

 

เขาไม่น่ามาที่นี่เลย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าเทพเจ้าทุกองค์จะสามารถต่อรองได้เหมือนเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ถ้าเกิดความลับที่เขาเป็นผู้ทะลุมิติมาจากโลกอื่นถูกเปิดเผย หลินเป่ยเฉินคงจะต้องตายแน่ๆ

 

 

แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี?

 

 

ลุกขึ้นวิ่งหนีเลยดีไหม?

 

 

หรือว่าจะนำโทรศัพท์ออกมาแล้วหาทางอธิบาย?

 

 

ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินกำลังลังเลอยู่นั้น เสียงของเทพีกระบี่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้ามีผลไม้วิเศษจากดินแดนทวยเทพ… นั่นแหละสิ่งผิดปกติที่ข้าหมายถึง และมันอาจจะช่วยให้เจ้าเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุอีกครั้งก็เป็นได้ นำมันออกมาวางบนถาดบูชาเดี๋ยวนี้”

 

 

หา?

 

 

ผลไม้วิเศษ?

 

 

ผลไม้วิเศษที่ไหนหว่า?

 

 

เมื่อคืนนี้ เขารับประทานหญ้าเสริมปราณปาฏิหาริย์ เช้านี้ก็รับประทานเพียงน้ำเต้าหู้ มื้อเที่ยงรับประทานแมงป่องย่างกับข้าวผัดกุ้งทะเล… สิ่งใดคือผลไม้วิเศษที่มาจากดินแดนทวยเทพอย่างนั้นหรือ?

 

 

หลินเป่ยเฉินยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ

 

 

แต่แล้วในทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

 

เด็กหนุ่มนำกล่องสีดำออกมาเปิดฝาออก ในนั้นบรรจุไว้ด้วยแอปเปิลหนึ่งผล มันส่องแสงเป็นประกายสีแดงสด ยังคงดูสดใหม่น่ารับประทาน และนี่เองเป็นของขวัญที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งมาให้เขาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

 

 

แต่สุดท้ายก็คิดค่าขนส่งคู่มือเปิดกล่องอยู่ดี

 

 

“ใช่ของสิ่งนี้ไหมขอรับ?”

 

 

เด็กหนุ่มถาม

 

 

“ใช่แล้ว นี่คือผลไม้วิเศษเพลิงโลหิต” เทพีกระบี่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “นับเป็นของหายากบนดินแดนทวยเทพ สรรพคุณของมันเป็นเสมือนสมุนไพรชั้นสูง เจ้าไปเอามันมาจากไหนกัน?”

 

 

หลินเป่ยเฉินกำลังจะอธิบาย

 

 

แต่แล้วเทพีกระบี่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อย่างนี้นี่เอง เทพีกระบี่หิมะไร้นามคงให้เจ้าไว้สินะ นับว่านางใจดีต่อเจ้าเหลือเกิน ครั้งที่แล้วก็มาขอร้องให้ข้ายื่นมือช่วยเหลือเจ้า บัดนี้ยังทิ้งผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้เจ้าได้เปิดพลังปราณธาตุอีก… เอาล่ะ วางผลไม้วิเศษลงบนถาดเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะช่วยเจ้าเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุอีกครั้ง”

 

 

หา?

 

 

หลินเป่ยเฉินนำแอปเปิลลูกนั้นไปวางไว้บนถาดอย่างงงๆ

 

 

เขามองเทพีกระบี่หิมะไร้นามผิดมาตลอดเลยอย่างนั้นหรือ?

 

 

นางพยายามช่วยเหลือเขาอย่างสุดความสามารถมาตลอด?

 

 

แอปเปิลลูกนี้คือผลไม้วิเศษที่หายาก แต่นางกลับมอบมันให้เขาโดยไม่คิดเสียดาย?

 

 

ให้ตายเถิด

 

 

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเสียใจที่มองเทพีกระบี่หิมะไร้นามในแง่ลบตลอดมา

 

 

บัดนี้ เพียงเด็กหนุ่มวางผลไม้ลงไปบนถาดเงิน ลำแสงสีแดงก็ระเบิดประกายเจิดจ้า มันอาบไล้ไปทั่วร่างกายของหลินเป่ยเฉินและแทรกซึมลงไปตามรูขุมขนบนตัวเขา

 

 

หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงมวลพลังงานแปลกประหลาดที่แทรกซึมเข้ามา จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูขุมขนหรือเซลล์ทุกเซลล์ที่อยู่ในร่างกาย มวลพลังงานสายหนึ่งกำลังวิ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 ความร้อน!

 

 

ร้อนเหลือเกิน!

 

 

หลินเป่ยเฉินแผดร้องออกมาสุดเสียง

 

 

ทันใดนั้นเกิดเสียงดังพรึ่บ แล้วร่างกายของเด็กหนุ่มก็ลุกเป็นไฟ