ตอนที่ 1642 สังหารในพริบตา

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ผึ้งยักษ์ได้ยินคำนี้พลันพยักหน้า จากนั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะเคลื่อนไหวใดๆ ผึ้งมารรอบๆ กรูกันเข้ามาทันที กลายเป็นเมฆสีเขียวจมหายเข้าไปในทะเลหมอก

 

 

ส่วนอู่ลี่และพวกทั้งสามกลับขยับริมฝีปากพูดอย่างแผ่วเบา แล้วถึงได้สะบัดหางบินตามไป

 

 

ฝูงผึ้งที่อยู่ในทะเลหมอกบินออกมาได้เล็กน้อย ก็เปล่งเสียง “หึ่ง” ออกมา กลายเป็นดอกไม้สีเขียว พุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

 

ตัวผึ้งยักษ์กลับมีการเคลื่อนไหวที่ไม่รวดเร็วนัก แม้กระทั่งร่อนลงด้านล่างอู่ลี่และมารอินทรีที่ลายเป็นชายชุดสีเหลือง

 

 

มารอีกสองตัวกลับเคยชินกับสิ่งนี้ ท่าทางไม่สนใจเลยสักนิด

 

 

แม้ว่าเคล็ดวิชาผึ้งพันตัวแยกร่างจะมีอานุภาพไม่น้อย แต่เมื่อสำแดงออกมา ตัวของผึ้งยักษ์กลับพลังยุทธ์ลดลงครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

 

 

ร่างแยกผึ้งมารจำนวนมากบินเริงระบำอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ชั่วขณะนั้นก็ค้นหาทุกอย่างรอบๆ ด้าน แล้วเคลื่อนตัวไปด้านหน้า

 

 

ทะเลหมอกทั้งผืนแผ่ออกไปแค่ร้อยกว่าลี้เท่านั้น ไม่นับว่ามากมายอะไร แต่แค่ครู่ต่อมามารอสูรทั้งสามตัวก็จมเข้าไปในส่วนลึกไม่น้อย

 

 

แต่ยามนี้ยังคงไม่ได้อะไร

 

 

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้อู่ลี่ก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขึ้น อสูรสองตัวที่เหลือก็มีสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่ มองเห็นฝูงผึ้งบินมาอยู่ตรงส่วนลึกของม่านหมอก ฉับพลันนั้นเสียง “ครืนๆ” ก็ดังห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางม่านหมอก มีดยาวเล่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น สับผึ้งมารตัวหนึ่งออกเป็นสองส่วน

 

 

จัดการได้อย่างเรียบร้อยเป็นอย่างมาก!

 

 

จากนั้นเงาสีทองสายหนึ่งก็พุ่งออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งหนีไป ความเร็วน่าตกตะลึง

 

 

“หาพบแล้ว รีบตามไป!” เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผึ้งยักษ์สีเขียวก็ร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจทันที จากนั้นก็กระตุ้นร่างแยกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

รอบด้านมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ผึ้งมารที่เหลือกลายเป็นดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตามไป

 

 

ส่วนมารสองเขาและมารอินทรีพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แววตาฉายแววประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นร่างกายก็ขยับ บินมาด้วยกัน

 

 

เสียง “ปัง” ดังขึ้น วายุมารสีดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หมุนวนแล้วไล่ตามเงาสีทองที่อยู่ไกลออกไปไป

 

 

กลับเป็นร่างของผึ้งยักษ์สีเขียวที่สยายปีกทั้งสองข้างออก ยังคงบินด้วยความเร็วธรรมดาๆ

 

 

เมื่อศิลาเพลิงสายฟ้าที่ด้านหน้าถูกไล่ตามมา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ไม่ว่าเงาผึ้งมารสีทองหรือว่าวายุสีดำ ต่างก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

 

 

ผึ้งสีเขียวเห็นเช่นนั้นดวงตาประกอบก็กะพริบปริบๆ สองปีกพลันหยุดชะงัก ท่าทางไม่อยากตรงไปข้างหน้าอีก

 

 

และในยามนั้นเองเหนือศีรษะของมารตัวนั้นก็มีหมอกสีเทาอีกกลุ่มพุ่งแหวกอากาศมา ลำแสงสีทองสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏตัวออกมา แล้วตรงไปยังหัวของผึ้งสีเขียวอย่างรวดเร็ว

 

 

ลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าหาที่เปรียบ ไม่รอให้เข้าใกล้ผึ้งยักษ์ พลังแรงกดก็ครอบลงมา

 

 

เดิมพลังยุทธ์ของผึ้งยักษ์สีเขียวก็อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในบรรดามารทั้งสามตน ประกอบกับสำแดงเคล็ดวิชาผึ้งพันตัวแยกร่างไปเมื่อครู่จนทำให้พลังยุทธ์ลดลงเป็นอย่างมาก มองเห็นลำแสงสีทองพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีน่าดุดัน สายตาก็อดที่จะฉายแววหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้

 

 

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือมารตนนี้กลับนิ่งงันอยู่กลางอากาศ ไม่มีเจตนาจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย

 

 

มองเห็นลำแสงสีทองสว่างวาบ หมายจะกระโจนผ่านหัวผึ้งยักษ์ไป ฉับพลันนั้นกลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หอกกระดูกสีขาวด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามารตัวนั้น

 

 

หลังจากเสียง “เคร๊ง” ดังขึ้น หอกกระดูกก็ต้านทานเอาไว้ เปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ดีดลำแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาออกไป

 

 

และหลังจากที่ลำแสงสีทองหมุนวน ก็คืนร่างเดิม

 

 

เป็นทวนยาวสีทองเรืองรอง

 

 

จากนั้นเบื้องหน้าผึ้งยักษ์ก็มีลำแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น ด้านในมีเงาร่างคนปรากฏขึ้นลาง

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ที่หนีไปไกลอย่างมารอินทรีที่แปลงกลายเป็นชายชุดเหลือง

 

 

เขายกมือขึ้นกวักเรียก เสียง “สวบ” ดังขึ้น หอกกระดูกเปล่งแสงสว่างวาบพลางถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างพลันพลิ้วไหว โล่กลมสีทองปรากฏออกมาต้านทานเอาไว้เบื้องหน้า

 

 

ทว่าเขาในยามนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สายตาเปล่งประกายพลางจ้องเขม็งไปยังลำแสงสีทองที่พุ่งออกมาจากหมอกสีเทา

 

 

ส่วนในม่านหมอกพลันมีลำแสงสีดำสว่างวาบ เงาสีดำขนาดเท่าโต๊ะกลมสองตัวปรากฏขึ้น และกดลงมาด้านล่างอย่างแรง

 

 

เสียงวายุดังสนั่นขึ้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น!

 

 

หลังจากเงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ กลางอากาศก็บิดเบี้ยว ราวกับถูกฉีกออกอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ยิ่งมีพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งฉีกหมอกด้านล่างออกในชั่วพริบตา

 

 

ชั่วขณะนั้นด้านล่างพลันมีเงาร่างคนเปล่งแสงสีทองเรืองรองปรากฏออกมา

 

 

เงาร่างคนผู้นี้เห็นร่างกายถูกเปิดโปง ก็ดูเหมือนว่าจะร้อนรน รีบร้อนใช้สองมือโจมตีไปกลางอากาศ เงากำปั้นสีทองสองกำปั้นพุ่งแหวกอากาศมา ตรงไปหาเงาสีดำ ส่วนตัวของเงาสีทองก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งออกไป

 

 

“คิดจะไปไหน!” เสียงคำรามแสบแก้วหูดังออกมากลางอากาศ

 

 

จากนั้นเงาสีดำสองกลุ่มก็ร่อนลงมา ม่านลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ โจมตีเงากำปั้นสีทองจนแตกละเอียด แล้วพลิ้วไหวเผยค้อนสีดำยักษ์สองด้ามออกมา

 

 

ค้อนยักษ์สองด้ามหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ พลังดูดยักษ์สองกลุ่มปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ครอบคลุมด้านล่างในรัศมียี่สิบจั้งเศษ

 

 

เงาร่างคนสีทองกลายเป็นสายรุ้งเพิ่งจะบินไปได้สิบจั้งเศษ ลำแสงหลีกหนีก็หยุดชะงักแล้วลดความเร็วลงเป็นอย่างมาก

 

 

ชายชุดเหลืองที่มองดูอยู่ไกลๆ พลันโบกมือทั้งสอง ชั่วขณะนั้นหอกกระดูกในมือพลันเปล่งเสียงกรีดร้อง กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา

 

 

ส่วนหางของผึ้งยักษ์สีเขียวก็สะบัด เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา

 

 

ทั้งสองแค่กะพริบวาบ ก็มาอยู่ตรงหน้าเงาร่างคนสีทองตามลำดับ

 

 

เส้นไหมสีเขียวดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่ตั้งแต่ปรากฏขึ้นจนถึงตอนนี้ แค่รางเลือนไปเล็กน้อยก็จมหายเข้าไปในร่างของเงาสีทอง

 

 

ชั่วขณะนั้นเงาร่างกายของสีทองก็สั่นสะท้าน ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาหม่นแสง กลิ่นอายคละคลุ้งโชยออกมา

 

 

ครู่ต่อมาลำแสงสีดำพลันสั่นคลอน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทะลวงผ่านจุดตันเถียนของเงาลวงตาเช่นกัน

 

 

เปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งเผาไม้บนเรือนร่างของเงาลวงตา กลืนกินมันเอาไว้ข้างในจนหมด

 

 

ค้อนยักษ์สีดำกลางอากาศร่อนลงมาทันที ทุบลงไปบนเปลวเพลิงสีดำอย่างรุนแรง

 

 

เสียง “ปัง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น!

 

 

เปลวเพลิงสีดำรวมทั้งเงาร่างคนสีทองด้านใน สลายหายไปกลายเป็นผุยผงภายใต้พลังมหาศาล

 

 

ระลอกคลื่นยี่สิบสามสิบจั้งปรากฏขึ้น เงามารสองเขาร่างกายสูงใหญ่ถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น

 

 

เขามองเห็นการณ์ด้านล่างด้วยรอยยิ้มเ**้ยมเกรียม

 

 

มารอินทรีและผึ้งสีเขียวที่อยู่ไกลออกไปเห็นฉากนี้ ใบหน้าพลันทยอยเผยรอยยิ้มออกมา

 

 

พวกมันใช้แผนการที่ปรึกษาเอาไว้ก่อนหน้า คือใช้ฝูงผึ้งแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วค่อยทำให้ผึ้งยักษ์เผยพิรุธของศัตรูออกมา สำเร็จดังคาด สังหารศัตรูผู้นี้ได้

 

 

แต่ในยามที่ทั้งสามคนกำลังรู้สึกผ่อนคลายลงนั้น ด้านหลังผึ้งยักษ์สีเขียวห่างออกไปสองสามจั้ง กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน หลังจากเสียงหึ่งๆ ต่ำๆ ดังขึ้น ก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงที่เจิดจ้าจนแสบตาสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

 

 

“แย่แล้ว”

 

 

ถึงอย่างไรเสียผึ้งยักษ์สีเขียวก็เป็นมารอสูรระดับสูงที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา แทบจะความผิดปกติที่ด้านหลังได้ในเวลาเดียวกัน ภายใต้ความตกตะลึงนั้นหางทรงกรวยก็สะบัดอย่างไม่ต้องขบคิด

 

 

พ่นหนามพิษสีเขียวออกมา ความยาวสองสามฉื่อ และสั่นเทา เงาหนามเป็นชั้นๆ เปล่งเสียงระเบิดแหลมๆ ออกมา ชั่วครู่ก็ครอบคลุมร่างของผึ้งยักษ์เอาไว้

 

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ!

 

 

ผึ้งยักษ์แค่สั่นเทาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ซากศพร่วงลงสู่พื้น

 

 

ส่วนหนามพิษที่สร้างขึ้น ก็กลายเป็นสองส่วนอย่างเงียบเชียบ ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด

 

 

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเขียวกลุ่มหนึ่งบินออกมาจากซากศพครึ่งท่อน

 

 

“สหายอิงถัง ช่วยด้วย!” ผึ้งสีเขียวขนาดจิ๋วในเปลวเพลิงสีเขียว ร้องตะโกนอย่างร้อนรนทำอะไรไม่ถูกไปพลาง พุ่งเข้ามาชายชุดสีเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงไปพลาง

 

 

จนถึงยามนี้มารอินทรีที่มีนามว่าอิงถังก็พบความเปลี่ยนแปลงด้านหลังของตนเองแล้ว ใบหน้าจึงเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อโดยมิได้ปริปากใดๆ

 

 

ไอสีดำกลุ่มหนึ่งม้วนออกมา ม้วนเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งยักษ์ไป

 

 

แต่เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาพลันดังขึ้นกลางอากาศ

 

 

ชายชุดเหลืองได้ฟังก็จับศีรษะของตนเองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มแหลมทิ่มแทง อดที่จะร้องคร่ำครวญออกมาไม่ได้ เงาร่างร่อนลงมาราวกับวิหค

 

 

ห่างออกไปแค่คืบเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น จากนั้นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น และมีมือสีขาวนวลดุจหยักตัดยื่นออกมา

 

 

นิ้วทั้งห้ากางออก เปลวเพลิงลำแสงห้าสีม้วนวนออกมา ชั่วครู่ก็ม้วนมารตนนี้เข้าไปข้างใน

 

 

ร่างกายของชายชุดสีเหลืองที่แต่เดิมลดระดับลง พลันแข็งค้างในชั่วพริบตา

 

 

และในชั่วพริบตาที่เสียเวลานั้น นิ้วทั้งห้าพลันกางออก กลายเป็นสีทองเรืองรอง และขยับราวกับสายฟ้า พุ่งไปที่ทรวงอกของมารอินทรี

 

 

ชายชุดสีเหลืองมีสีหน้าไร้สีโลหิต

 

 

แม้ว่าจิตสัมผัสของเขาจะยังคงรู้สึกเจ็บปวดยากจะรับไว้ แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ในช่วงเวลาเป็นตายเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะกดความคิดที่ซับซ้อนเอาไว้ แล้วฝืนใช้จิตสัมผัสของตนเอง

 

 

ชั่วขณะนั้นโล่กลมสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้าเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ท่ามกลางลำแสงสีทอง ผิวของมันพลันมีอักขระประหลาดขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น

 

 

อานุภาพของโล่ใบนี้ถูกเขากระตุ้น ต้านทานเอาไว้ให้เขาอยู่เบื้องหลัง

 

 

สำหรับมารตนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ขอแค่ต้านทานการโจมตีนี้ไว้ได้ จากนี้ย่อมรักษาชีวิตและโจมตีย้อนกลับได้

 

 

ในยามที่ความคิดของมารอินทรีตัวนี้ผุดขึ้นมา ลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฝ่ามือสีทองสอดเข้าไปในโล่ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีท่าทีหลบหลีกเลยสักนิด

 

 

เสียงระเบิดดังเสียดแก้วหูดังขึ้น ขณะที่ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ฝ่ามือสีทองก็จมหายเข้าไปในโล่ทรงกลม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งผ่านทรวงอกของชายชุดเหลือง ตะปบแกนมารในร่างของเขาออกมา

 

 

จากนั้นแขนทั้งแขนก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีเงินชั้นหนึ่งพลันทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มร่างของมารอินทรีเอาไว้

 

 

จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ชำรุดด้านใน ทำได้เพียงร้องคร่ำครวญ ก็กลายเป็นควันสีเขียวสายหนึ่งสลายหายไปอย่างไร้เงากลางท้องฟ้าและพื้นดิน

 

 

สายฟ้าสีเขียวขาวในยามนี้หม่นแสง ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง แผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่งถึงได้ปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก และค่อยๆ ดึงแขนข้างนั้นกลับมา

 

 

บนฝ่ามือตะปบแกนมารสีดำอ่อนเปล่งแสงเรืองๆ เอาไว้

 

 

ชายหนุ่มนี้ก็คือหานลี่

 

 

จิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งสีเขียวที่เดิมคิดจะพุ่งมาเห็นเหตุการณ์นี้ ชั่วขณะนั้นก็ตกใจจนขวัญกระเจิง ผิวของมันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เปลี่ยนทิศทางหนีไปอีกครั้งในทันที

 

 

แต่กลับสายไปแล้ว!

 

 

มุมปากของหานลี่รอยยิ้มเยาะออกมา แขนอีกข้างสะบัดออกไป

 

 

หมอกลำแสงสีเทากลุ่มหนึ่งม้วนออกมาจากแขนเสื้อ แค่กะพริบวาบก็ห่อหุ้มจิตวิญญาณดั้งเดิมที่หนีไม่ทันของผึ้งสีเขียวเอาไว้

 

 

จากนั้นลำแสงเทวะดูดปราณก็เปล่งแสงเจิดจ้าเป็นหมื่นสาย!

 

 

ผึ้งสีเขียวขนาดจิ๋วแค่นเสียงหึ ถูกหมอกลำแสงสีเทาต้านเอาไว้แล้วระเบิดออก กลายเป็นดวงลำแสงสีเขียวแล้วหายวับไป