“ใช่แล้ว ต่อจากนี้พวกเราสามารถเป็นเหมือนตอนที่อยู่เมืองเจสเวิร์ดได้ ขอแค่ฉันไม่ออกไปถ่ายละคร ก็สามารถเจอหน้ากันได้ตลอดเวลา” นานิพูดจบแล้วก็ตั้งใจพูดอย่างเสียใจว่า “แต่ว่าฉันซื้อที่ดินแถวบ้านเธอไม่ไหวหรอกนะ แต่ฉันพยายามซื้อให้ใกล้กับเธอที่สุดตามเงื่อนไขการเงินของฉันแล้ว”
หลินจือตลกในคำพูดของนานิมาก แต่ว่าพอหัวเราะแล้วดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกซึ้งใจในความสัมพันธ์ของนานิมาก
“ฉันรู้ว่าครั้งนี้เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะแยกทางกับเทาเท่ ต่อจากนั้นก็คงไม่กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจสเวิร์ดแล้ว ไม่ว่ายังไงฉันก็โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว ก็เลยย้ายมาอยู่กับเธอที่เมืองเวลฟ์เลย” นานิหัวเราะแล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวเธออยู่ที่นี่คนเดียวโดยไม่คุ้นเคยอะไร แม้แต่เพื่อนคนหนึ่งก็ไม่มีอีก”
ครั้งนี้หลินจือร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ
มีคำพูดมากมายที่เธอไม่ได้พูดกับนานิอย่างละเอียด ทว่านานิกลับเข้าใจความคิดของเธอที่ไม่อยากทำให้เทาเท่เดือดร้อน มั่นใจแล้วว่าเธอไม่มีทางกลับเมืองเจสเวิร์ดอีก
ความรู้สึกที่รู้ใจเช่นนี้ คุ้มค่ามากจริงๆ
แต่ว่าพอหลินจือนึกถึงนัตสึแล้ว ก็รีบถามนานิว่า “งั้น……หากนัตสึกลับมาแล้ว เขาก็คงจะใช้ชีวิตที่เมืองเจสเวิร์ดแน่ เธอจะทำยังไง?”
พ่อแม่ของนัตสึต่างก็อยู่ที่เมืองเจสเวิร์ด เขายังเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านอีก ไปเรียนที่ต่างประเทศกลับมาต้องอาศัยอยู่ที่เมืองเจสเวิร์ดแน่นอน นานิมาอยู่ที่เมืองเวลฟ์เป็นเพื่อนเธอ พอถึงเวลาทั้งสองจะเจอหน้ากันยังไง นานิจะหวนกลับหัวใจของนัตสึได้อย่างไร?
การที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ ไม่ใช่เหรอ?
พูดถึงเรื่องนี้แล้วนานิตอบกลับอย่างขี้เกียจว่า “อย่าพูดถึงเขาเลย ฉันรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่กลับมาแล้ว ต่างไปประเทศน่าหลงใกล้ขนาดนั้น มีสาวสวย เงินเดือนก็สูง อีกอย่างถึงแม้ว่าจะกลับมา พวกเราทั้งสองก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว”
หลินจือไม่เข้าใจ “ทำไมจู่ๆ ทัศนคติเธอถึงเชิงลบขนาดนี้?”
ความคิดของนานินั้นหลินจือรู้ดีที่สุดแล้ว เธอยืนหยัดที่จะรอนัตสึมาโดยตลอด ยืนหยัดรอเขากลับมาแล้วเธอจะไปจีบเขาอีกครั้ง
นานิพูดอย่างผิดหวังว่า “ไม่ได้ทัศนคติเชิงลบหรือเชิงบวกอะไร แค่จู่ๆ ฉันก็เข้าใจในความเป็นจริงแล้วเท่านั้นเอง”
“ความรัก ผู้ชายบ้าบออะไรกัน ต่างก็พึ่งพาไม่ได้ สุดท้ายตัวเองนั่นแหละพึ่งพาได้ที่สุด”
หลินจือยอมรับว่าคำพูดนี้ของนานิมีเหตุผลมาก ทว่าเธอก็ยังพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “นี่เธอถูกเหตุการณ์ในครั้งนี้ของฉันกระทบ?”
นานิส่ายหัว “ก็ไม่ถือว่าได้รับการกระทบ ก็แค่มีความรู้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเอง”
นานิมองไปทางหลินจือหัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดขึ้นว่า “แม่ของเขาก็ไม่ชอบฉันเลย เธอว่าฉันจะสำคัญถึงขั้นที่ทำให้เขาทะเลาะกับคนในบ้านเหรอ?”
อีกอย่าง เธอได้ข่าวมาจากเพื่อนๆ แล้วว่า นัตสึเกลียดเธอจะตายอยู่แล้ว
คาดว่าเขาคงไม่สนใจเธออีกแล้ว แล้วจะทะเลาะกับคนที่บ้านเพื่อเธอได้ยังไงล่ะ?
ดังนั้นเธอจึงไม่ทำการรอที่ไร้ประโยชน์แล้ว ย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนหลินจือที่เมืองเวลฟ์
“เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ หากแม่เขาไม่ชอบเธอจริงๆ งั้นก็ช่างเถอะ” หลินจือรู้ดีถึงความเจ็บปวดที่ถูกแม่ยายรังแก ดังนั้นจึงไม่พูดโน้มน้าวให้นานิยืนหยัดรอนัตสึแล้ว
พวกเธอล้วนเป็นผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่บนโลกใบนี้ ล้วนเป็นผู้ที่เฉิดฉายงดงามในพื้นที่ของตนเอง หากการที่จะถูกกระทำอย่างโหดร้าย สู้มีชีวิตอยู่เองยังดีกว่า
นานิกอดคอของหลินจือแล้วหัวเราะดังออกมา “นั่นนะซิ เราจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำล่ะ”
หลินจือเป็นคนที่อ่อนโยนและจิตใจดีมากพอแล้ว อีกอย่างก็ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ยายที่โหดร้ายแบบวีนาได้ นิสัยอย่างเธอเกรงว่าคงจะตีตายกับแม่ของนัตสึ
แน่นอน เธอก็ไม่เคยคุยกับแม่ของนัตสึโดยตรง แต่ว่าหลายปีก่อนหน้านี้เคยถูกแม่ของนัตสึใช้เช็กมาดูถูกตัวเองเท่านั้นเอง
นานิเดินไปด้วยพลางหันศีรษะไปสารภาพรักกับหลินจือด้วย “ทั้งชีวิตนี้ของฉันมีเธอก็เพียงพอแล้ว”
หลินจือพูดล้อเล่นกับเธอ “อย่าบอกนะว่าเธอตกหลุมรักฉันแล้ว?”
“ฉันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ เธออ่อนโยนจิตใจดีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นผู้หญิง ก็อยากสู่ขอเธอกลับบ้าน”
ทั้งสองโอบกอดพูดคุยหัวเราะเดินเข้าไปในห้อง
จอร์แดนและลูน่าต่างก็เห็นสภาพที่ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันผ่านหน้าต่างทางห้องรับแขกตั้งนานแล้ว ลูน่าอดพูดอย่างใจหายไม่ได้ว่า “หลายมาวันมานี้เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเธอยิ้มได้มีความสุขขนาดนั้น”
จอร์แดนก็พูดตามว่า “เธอสามารถเข้าใจก็ดีแล้ว นานิเจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้ ก็มีความสามารถที่จะถ่ายทอดอารมณ์ให้ผู้คนได้ เป็นเด็กที่ไม่เลวเลย”
หลินจือกับนานิเข้ามาในบ้าน นานิทักทายจอร์แดนและลูน่าอย่างมีมารยาท ลูน่าชื่นชมนานิอย่างสนิทสนิม “ดาราดังนี่เป็นดาราดังจริงๆ เวลาส่วนตัวก็ยังเฉิดฉายเปล่งประกายเช่นนี้”
สิ่งที่ลูน่าพูดคือความจริง หน้าตาและบุคลิกของนานิ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใต้แสงไฟแล้วแต่งหน้าเต็มยศ ก็สวยงามกระชากใจมากๆ
นานิยิ้มแฉ่งตอบกลับ “หากคุณน้าพูดแบบนี้ หลังจากนี้หนูคงต้องมาขอทานข้าวที่นี่ทุกวันแล้วค่ะ?”
“ยินดียินดี หนูมาพักอยู่ที่นี่ยังไม่เป็นไรเลย” ลูน่าชอบนานิมากจริงๆ เธอกับจอร์แดนไม่มีลูก อยากจะให้ในบ้านเพิ่มมาคนหนึ่งและมีชีวิตชีวามากขึ้น
หลังจากที่ทั้งสี่คนพูดคุยหัวเราะกันแล้วก็นั่งลง ได้ข่าวว่าเพื่อลูกสาวของตนเองนานิย้ายมาอยู่ที่เปกก้าแล้ว ขณะนั้นจอร์แดนก็พูดขึ้นเลยว่า “พ่อก็ซื้อบ้านหลังหนึ่งให้หนูอยู่ที่หมู่บ้านของนานิดีกว่า แบบนี้พวกหนูก็สามารถอยู่ได้กันเหมือนตอนอยู่เมืองเจสเวิร์ดแล้ว”
หลินจือตกใจไม่เบา รีบโบกมือพูดขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่บ้านแหละค่ะดีมากแล้ว”
ถึงแม้ว่าจอร์แดนจะเป็นมหาเศรษฐี ทว่าก็ไม่สามารถซื้อบ้านให้เธอหลังแล้วหลังเล่าแบบนี้ ราคาบ้านของเมืองเวลฟ์แพงขนาดนั้น……
จอร์แดนยังไม่ทันพูดอะไร ลูน่าก็พูดต่อแล้ว เธอพูดโน้มน้าวให้หลินจือรับไว้ “พ่อหนูซื้อให้หนูก็รับไว้เถอะ หนึ่งก็เพื่อที่หนูกับนานิจะได้อยู่ใกล้ๆ กัน สองคือพ่อหนูมีเงินเยอะขนาดนั้น ไม่ใช้กับหนูจะไปใช้ที่ไหนได้อีก?”
จอร์แดนก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า “นั่นนะซิ วันนั้นคุณปู่คุณย่ายังพูดอยู่เลยว่าจะซื้อบ้านให้หนู พ่อไม่ซื้อพวกเขาก็ต้องซื้อแน่นอน”
หลินจือได้ยินว่าคุณท่านและคุณหญิงใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสก็จะซื้อบ้านให้เธอ รีบพูดกับจอร์แดนทันทีเลยว่า “งั้นหนูเอาของพ่อดีกว่าค่ะ”
เครื่องประดับพวกนั้นที่คุณหญิงใหญ่ให้เธอสามารถซื้อบ้านได้หลายหลังแล้ว เธอไม่สามารถรับของขวัญของคุณหญิงใหญ่ได้อีกแล้ว
จอร์แดนและลูน่าเห็นว่าในที่สุดเธอก็ตกลงแล้วจึงโล่งใจไปที พวกเขากลัวว่าหลินจือจะไม่เอาจริงๆ ต้องรู้ว่าตอนนี้หลินจือจือคือลูกสุดที่รักของพวกเขา พวกเขาอยากจะนำสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดบนโลกนี้ให้หลินจือด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะรู้ว่านิสัยของหลินจืออ่อนน้อยถ่อมตน ไม่ได้ชื่นชอบให้ตนเองมีชื่อเสียงและไม่ชอบโอ้อวด ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงซื้อบ้านและรถหรูให้เธออย่างนับไม่ถ้วนแล้ว
นานิพูดล้อเล่นอยู่ข้างๆ “คุณอาคุณน้า งั้นหนูก็แย่งลูกสาวสุดที่รักของพวกท่านไปแล้วใช่ไหมคะ?”
จอร์แดนหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “นี่จะเป็นอะไรไป? ตอนที่หนูไปถ่ายละครก็ให้เธอกลับมา ตอนที่หนูพักอยู่ที่เมืองเวลฟ์ก็ให้เธอไปอยู่ที่นั่นกับหนู ดีแค่ไหนเนี่ย”
“มีหนูอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอจะต้องมีความสุขทั้งวันแน่นอน”
จอร์แดนพึ่งพูดจบ ทุกคนต่างก็หัวเราะอย่างดีใจขึ้นมา
หลินจือชอบสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นปรองดองเช่นนี้มาก นี่คือความอบอุ่นปรองดองที่เธอไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตที่อาศัยอยู่กับบ้านชาร์ลและสามปีที่แต่งงานกับเทาเท่
นานิเองก็ชอบเช่นกัน บ้านเกินของเธอเป็นครอบครัวที่ยุ่งวุ่นวายมาก พ่อแม่ต่างก็เป็นคนที่โลภมากๆ และให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังดูดเงินของเธออยู่ตลอดเวลา