ตอนที่ 262 ลักกินเครื่องเสวย / ตอนที่ 263 อาหารค่ำ

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 262 ลักกินเครื่องเสวย 

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงพูดของเซียงฉือ ตอนนี้คงพบกับนางอย่างตรงไปตรงมาแล้ว เขาสวมเสื้อสีขาวกระโดดลงสระน้ำตูม แล้วพูดขึ้นท่ามกลางสายตาตกใจของเซียงฉือ 

 

 

“ไหนเจ้าลองบอกซิว่า ถ้าหากข้าเป็นฝ่าบาทแล้วเจ้าจะทำอย่างไร” 

 

 

เซียงฉือค้อนเขาแล้วพูดยิ้มๆ 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะขอเป็นคนดีสักครั้ง จะไม่ปลุกท่านให้ตื่นจากฝันกลางวัน” 

 

 

พอได้ยินคำตอบของเซียงฉือ หรงฉู่ก็หัวเราะก๊ากเสียงดังขึ้นมา เซียงฉือไม่สนใจเขา มองเห็นด้านข้างยังมีขนมเสี่ยวจินเกาอยู่ นางวิเคราะห์ครู่หนึ่งแล้วจึงดึงชิ้นหนึ่งจากด้านล่างยัดเข้าปาก 

 

 

“เจ้าทำอะไร ขโมยกินนี่ เจ้าหิวหรือ หรือว่าซูกงกงไม่ได้ให้เจ้ากินอาหาร” 

 

 

หรงฉู่เห็นกิริยานางเช่นนั้นก็หวั่นไหว ท่าการกินอย่างตะกละตะกลามของนางช่างน่ารักยิ่ง ระหว่างเขากับนางก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ไม่รู้เหตุใดวันนี้จึงรู้สึกสนิทสนมยิ่งขึ้น ยังจำได้ว่าครั้งก่อนพบกันที่หอทิงเฟิง 

 

 

ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงมีชะตาต้องกับนางนัก ระยะนี้พวกเขาทั้งสองได้พบกันบ่อย เทียบกับบรรดาพระสนมวังหลังที่ต้องการจะพบเขาแล้วกลับมีวาสนาพานพบมากกว่าเสียอีก 

 

 

เมื่อหรงจิงคิดถึงคำคำนี้แล้วใจก็ยิ่งหวั่นไหว เขาเป็นประมุขใต้หล้านี้ ปฐพีนี้เป็นผืนแผ่นดินของกษัตริย์ คนที่อาศัยอยู่บนผืนดินนี้ล้วนเป็นไพร่ฟ้าของราชันย์ และนางก็เป็นข้าราชสำนักสตรี เขาเพียงเปิดเผยฐานะ ย่อมสามารถได้นางมาในทันที 

 

 

แต่วันนี้เพราะเหตุใดเขาไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น แต่กลับยิ่งต้องการหาวิธีเพื่อปกปิดฐานะตัวตนของตนเองต่อไป 

 

 

เซียงฉือถูกจับได้ว่าขโมยกินแต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งยังลักจากด้านในส่งไปให้หรงฉู่ชิ้นหนึ่ง เขาตกใจชั่วขณะ แต่เขาเองก็หิวจึงรับแล้วกินลงไป 

 

 

เขาเกิดมาก็เป็นโอรสกษัตริย์ การกินอยู่แต่งกายล้วนต้องมีคนดูแลเป็นการเฉพาะ ของที่จะเข้าปากจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่เหตุใดวันนี้เมื่อเซียงฉือส่งของกินให้เขาก็กินเข้าไปโดยไม่ลังเล 

 

 

ขนมหม่าถีเกาลงท้องไปแล้วชิ้นหนึ่งเขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ 

 

 

เซียงฉือยัดชนมเต็มปากน้อยๆ และกินลงไปอย่างยากลำบาก 

 

 

“หม่าถีเกานี่ทำชิ้นใหญ่เกินไปจริงๆ ไม่รู้ว่าพระโอษฐ์ฝ่าบาทกว้างขนาดไหน ถึงได้เสวยลงได้ในคำเดียว” 

 

 

เซียงฉือถอนใจเบาๆ เหมือนเกิดใหม่หลังเจอวิบาก เมื่อเห็นสายตาสนใจของหรงฉู่ นางจึงพูดขึ้น 

 

 

“ข้าดูหนังสืออยู่ในห้องจนสาย พอเห็นห้องทางด้านนี้มีควันสีขาวลอยออกมาจึงคิดว่าเป็นห้องเครื่อง ก็เลยคิดจะมาหาอะไรกิน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นห้องอาบน้ำกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะไปเสียนี่” 

 

 

เซียงฉือพูดเช่นนี้หรงฉู่จึงรู้ว่านางหิวจริงๆ 

 

 

เขาสวมเสื้อแช่อยู่ในสระน้ำ ตอนนี้แคว้นเซียวจิ่งให้ชายหญิงใช้ห้องอาบน้ำร่วมกันได้ เขาเองเวลานี้สวมเพียงชุดตัวใน ดังนั้นเซียงฉือจึงไม่มีเจตนาหลบออกไปเพียงเดินห่างไปหน่อยและไม่มองเขาเท่านั้น 

 

 

อวิ๋นเซียงฉือนั่งอยู่ตรงโต๊ะข้างๆ วิเคราะห์หาวิธีที่จะดึงขนมที่เหลืออยู่ออกมากินอีกชิ้นก็เห็นหรงฉู่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำโดยคลุมเสื้อตัวนอกไว้ เส้นผมยังคงเปียกน้ำหยดติ๋งๆ เขาพูดกับนางว่า 

 

 

“ไปเถอะ จะพาเจ้าไปกินของที่อร่อยจริงๆ มื้อแรกของการได้เข้ากองราชเลขา ข้าเป็นเจ้าภาพเลี้ยงเจ้ากินของอร่อยเอง” 

 

 

หรงฉู่ยิ้มเต็มที่จนดูสะดุดตา เซียงฉือเห็นดังนั้นก็ยิ้มตามพูดว่า 

 

 

“ไม่รู้จริงๆ ว่าท่านเป็นใครกันแน่ จึงสามารถทำได้ทุกอย่างเช่นนี้ แต่ข้าเชื่อว่าได้พบกับท่านก็เหมือนข้าได้พบผู้อุปถัมภ์” 

 

 

เซียงฉือไม่เคยแสดงท่าทางกระมิดกระเมี้ยนต่อหน้าเขามาก่อน แต่ไรมาแคว้นเซียวจิ่งไม่ใช่แคว้นปิด ข้อห้ามระหว่างหญิงชายในชนบทยังถือปฏิบัติบิดเบี้ยวกันไปบ้าง แต่ในสังคมชั้นสูง สตรีออกสังคมยังถือเป็นนโยบายทางการเมืองอย่างหนึ่งอีกด้วย 

 

 

ดังนั้นระหว่างชายหญิงจึงคบกันได้อย่างเปิดเผย และขณะนี้เซียงฉือก็เป็นเช่นนี้ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 263 อาหารค่ำ 

 

 

เซียงฉือหิวอยู่จึงเดินตามหรงฉู่ไป พอออกนอกประตูท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว 

 

 

นางเดินตามเขาออกจากประตูหน้า แต่แล้วก็ผ่านเข้าไปในห้องของนางจึงชะงักไป 

 

 

แต่ก็ยังคงติดตามเข้าไปด้วยความสงสัย แล้วก็เห็นเขาเปิดประตูอีกบานหนึ่งออกไป 

 

 

ที่แท้ห้องของนางเป็นระเบียงที่เชื่อมอยู่กึ่งกลางหรอกหรือ 

 

 

เซียงฉือคิดเช่นนั้นจึงรู้สึกโกรธขึ้นมา 

 

 

“เมื่อก่อนท่านก็เดินผ่านเข้าห้องสตรีตามใจชอบเช่นนี้หรือ? นี่เป็นที่อาศัยของข้านะ ท่านมาเดินเข้าง่ายๆ เดินออกตามสบายแบบนี้ได้อย่างไรกัน” 

 

 

เซียงฉือตาลุกอย่างไม่ค่อยพอใจ ที่นี่ตั้งแต่วันนี้ได้กลายเป็นห้องส่วนตัวของนางไปแล้ว จะปล่อยให้ใครๆ เข้าๆ ออกๆ ตามสะดวกได้อย่างไร 

 

 

หรงจิงถูกนางว่าให้เช่นนั้นก็ชะงัก เขาก็เคยแต่เดินเข้าๆ ออกๆ ตามใจเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 

 

 

แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเซียงฉือแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเองเปลี่ยนแปลงสถานะอยู่ ดังนั้นจึงแหงนหน้าขึ้น ชี้ไปบนคานห้องพูดขึ้นว่า 

 

 

“ถ้าลำพังตัวข้าก็จะเดินที่ข้างบนนั้น!” 

 

 

เซียงฉือมองดูทิศทางที่นิ้วเขาชี้ไป นางนึกถึงบทร้องในงิ้วที่พูดถึงการเดินบนชายคาและไต่กำแพงได้ราวบินแล้วคอก็หด พูดออกไปอย่างขัดเขินว่า “รู้แล้ว เดินนำต่อไปเถิด” 

 

 

เซียงฉือรู้สึกผิดแต่ไม่ได้พูดออกมา ยังคงเดินตามหรงฉู่ไป 

 

 

เมื่อผ่านห้องเล็กไปแล้วก็ถึงตำหนักหน้าของตำหนักเจิ้งหยาง เดินไปทางประตูเล็กบานหนึ่งเพื่อหลบจากผู้คนแล้วเข้าไปในห้องเล็กห้องหนึ่ง 

 

 

เซียงฉือไม่รู้ว่าที่นี่ใช้สำหรับทำอะไร รู้สึกแต่ว่ามืดสลัว ไม่รู้ว่าข้างในนี้มีอะไรอยู่ ได้แต่เดินตามติดฝีเท้าหรงฉู่ขึ้นหน้าต่อไป 

 

 

“ที่นี่ที่ไหน ทำไมดูมืดจัง” 

 

 

หรงฉู่ไม่บอกนางว่านี่เป็นห้องเครื่องเล็กที่เขาเตรียมไว้ วันธรรมดาหากเขาอยากกินอะไรก็จะสั่งให้ห้องเครื่องหลวงเตรียมอาหารว่างไว้ให้ และที่นี่จะมีของกินและผลไม้สดใหม่เตรียมไว้อยู่เสมอ ที่ผ่านมาหากเขาหิวขึ้นเมื่อไรก็จะลุกขึ้นมาหาของกินเอง 

 

 

แต่ไรมาเขาไม่ใช่คนที่ชอบเรียกใช้คน เคยชินกับการทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเองจนเป็นนิสัยไปแล้ว 

 

 

เซียงฉือตามเขามาถึงที่นี่ พอเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมลอยมา นางจึงรู้ว่าที่นี่จะต้องเป็นห้องเครื่องเล็ก 

 

 

นางสูดจมูกเบาๆ 

 

 

ในลังนึ่งมีบะหมี่นานาชนิดและของว่างอื่นๆ เซียงฉืออดไม่ได้เริ่มขยับนิ้วชี้ แต่เพียงนางยกหม้อนึ่งขึ้นและกลิ่นหอมปะทะจมูกเท่านั้นพลันนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ตำหนักอวี้หยวน แต่ได้มาอยู่ในตำหนักเจิ้งหยางของฮ่องเต้แล้ว 

 

 

นางมาลักกินเช่นนี้หากถูกจับได้ มีหวังต้องโทษหนักถูกตีห้าร้อยไม้จนพิการเป็นแน่ 

 

 

พอคิดขึ้นได้จึงเก็บมือที่ยื่นออกไปกลับเข้ามา 

 

 

“วางใจกินไปเถอะ ที่นี่เป็นห้องเครื่องเล็กของฝ่าบาท คืนนี้ฝ่าบาทจะเสด็จกลับดึก เจ้ากินเถอะ สุดท้ายก็จะกลายเป็นว่าฝ่าบาทเสวยไปนั่นแหละ” 

 

 

หรงจิงเมื่อเห็นเซียงฉือลังเลจึงนำของกินที่งดงามวิจิตรออกมาจากหม้อนึ่งใส่จานแล้วส่งให้เซียงฉือ 

 

 

เซียงฉือมองดูท่าทางของเขาแล้วสูดดมกลิ่นที่ยั่วยวน ท้องก็ส่งเสียงดังครืดคราดขึ้นมา 

 

 

หรงฉู่ยิ้มแล้วสนใจตัวเอง เขาหยิบของกินอีกอย่างออกจากซึ้ง ใช้ตะเกียบขจัดพิษคีบแล้วกัดกินคำหนึ่ง 

 

 

ส่วนเซียงฉือรวบรวมความกล้าแล้วหยิบขนมสีเหลืองอร่ามชิ้นนั้นเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ 

 

 

“นี่เป็นอาหารมื้อใหญ่ของข้าในวันนี้แล้วหรือ” เซียงฉือคีบปลายเส้นดึงขึ้นสูงที่เบื้องหน้า แล้วหันไปมองหรงฉู่ที่ด้านข้างแล้วหัวเราะออกมา 

 

 

หรงฉู่มองนางดวงตาเป็นประกาย เมื่อดวงตาทั้งสี่ดวงประสานกัน ความวับวาวในดวงตาถูกสะกดไว้ เซียงฉือไม่กล้าคิดอื่นใดจึงรีบก้มหน้าลง