ตอนที่ 929 ตัดเหล็ก

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 929 ตัดเหล็ก

 

เมื่อเดินเข้ามาด้านในตัวอาคาร จะเป็นเคาน์เตอร์หน้า หยางโปทั้งสองรีบมาที่หน้างาน

 

ก็เห็นผู้คนจํานวนมากรายล้อมอยู่ด้วยกัน

 

“ เฮ้ ไม่ต้องรีบร้อนเข้าไปด้านใน หยิบหมายเลขแล้วไปต่อแถว !”

 

มีพนักงานคนหนึ่งขวางทั้งสองคนไว้ น้ำเสียงฟังชัดว่าไม่ค่อยพอใจ

 

หลูตงซิงดึงมือหยางโป เดินไปข้างหน้าอย่างดีอกดีใจ หลังหยิบหมายเลขจากเครื่องหยิบหมายเลขอัตโนมัติ ถึงได้อธิบายอย่างละเอียดว่า “ อย่าไปทะเลาะกับพวกเขา คนที่นี่ล้วนหยิ่งผยอง

 

ต่อให้นายมีอํานาจแค่ไหน เมื่อไหร่ที่นายไม่ยอมปฏิบัติตามคําสั่ง พวกเขาก็จะไม่ยอมให้นายเข้าไป ”

 

หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ “ นี่เป็นองค์กรอะไร ?”

 

หลูตงซิงส่ายหน้า “ ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด ฉันแกะรอยมาก็หลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ตกม้าตาย

 

เอาล่ะ อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้อีก !”

 

ในระหว่างที่พูดคุยกัน ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ หยางโปจึงหันกลับไปมอง

 

ก็เห็นมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากท่ามกลางฝูงชนด้วยท่าที่เสียใจ ส่ายหัวและถอนหายใจไม่หยุด “ เฮ้อ วันสุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่สามารถฟันให้เกิดรอยออกมาได้เลย”

 

หยางโปมองหลูตงซิงด้วยความแปลกใจ “ ที่เขาพูดหมายความว่าอะไร ?”

 

“ ในหนึ่งวันทุกคนมีโอกาสฟันได้แค่ครั้งเดียว และลองได้แค่ครั้งเดียว เขาน่าจะลองมาหลายครั้งแล้ว ! ” หลูตงซิงกล่าว

 

“ ทําไมถึงมีคนรู้ข่าวกันเยอะขนาดนี้ ” หยางโปถาม

 

หลูตงซิงส่ายหน้า “ นายคิดว่าฉันเป็นไปเสียวเซิงที่รู้หมดทุกอย่างหรือไง ฉันก็แค่บังเอิญไปถามข่าวคราวมาเท่านั้น เดิมที่ฉันก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ถึงกับมาลองฟันดูด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แต่พอฟันแล้วมันก็ไม่มีแม้แต่รอย แต่หลังจากนั้น ก็เห็นคนใช้แค่กระบี่ฟันลงไปเบาๆ ก็เกิดรอยขึ้น ฉันถึงได้เชื่อ เป็นไปได้มากว่าที่นี่อาจจะมีของดีอยู่จริงๆ”

 

หยางโปพยักหน้าและเดินไปทางกลุ่มผู้คน

 

เมื่อเดินเข้ามาถึงใจกลางฝูงชน หยางโปก็เห็นว่า ใจกลางฝูงชน มีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ และกําลังเก็บบัตรคิว ชายร่างใหญ่ในวัยสามสิบคนหนึ่งยืนบัตรคิวให้และก้าวเท้าเดินไป

 

ก้มลงหยิบกระบี่ขึ้นมาจากชั้นวางด้านหน้า ยกกระบี่ขึ้นจากนั้นก็ถือกระบี่ ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและทํามือทําไม้ชี้ไปที่เหล็กชิ้นหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า

 

หยางโปจ้องมองไปที่ชิ้นเหล็กที่อยู่ตรงหน้า ชิ้นเหล็กเป็นส่วนหนึ่งของรางรถไฟ ด้านบนมีร่องรอยหลงเหลืออยู่มากกว่าสิบรอย ร่องรอยเหล่านี้มีที่ลึกและตื้นบาง

 

ผู้ชายคนนั้นยกกระบี่ขึ้น ทําเหมือนกับพยายามถือกระปไว้อย่างสุดความสามารถ จากนั้นก็ฟันลงไปอย่างแรง

 

“ ติ้ง ! ” เสียงกระทบดังเสียดสีเข้ามาในหู กระบี่สัมผัสเข้ากับชิ้นเหล็ก เกิดเป็นประกายไฟ

 

และเสียงที่แสบแก้วหู

 

ผู้ชายคนนั้นจับกระบี่ทั้งสองมือไว้แน่นแล้วทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง เขาหอบหายใจอย่างหนัก

 

เงยหน้าขึ้นมองไปด้านหน้า เมื่อเห็นบนชิ้นเหล็กเกิดเป็นรอยกระแทกเพียงเล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ

 

หยางโปจ้องมองชิ้นเหล็กไม่วางตา เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีเพียงรอยสีขาวขีดข่วนตื้นๆบนชิ้นเหล็กเท่านั้น แต่เห็นไม่ชัด

 

“ โมฆะ ” คนที่ยืนอยู่ข้างรางรถไฟยังไม่ทันลืมตา ก็หลุบตาลงแล้วตอบกลับมาอย่างเย็นชา

 

มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ ทุกคนต่างพากันเสียดาย

 

หลูตงซิงตบไหล่หยางโป “ เห็นไหม ฉันเคยลองมาแล้วครั้งหนึ่ง แขนชาไปหมด แต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยเลยแม้แต่นิดเดียว ”

 

หยางโปยิ้มและพยักหน้า ” ไม่ต้องกังวลไป ผมจะลองดู”

 

ชายวัยกลางคนที่อยู่ถัดจากหยางโป เหลือบมองหยางโปแวบหนึ่ง ก่อนจะเบะปากพูด

 

“ ไอ้น้องชาย เริ่มแรกหลายคนต่างก็เชื่อมั่นในตัวเองเหมือนแกนั่นแหละ แต่ตอนนี้พวกนั้นต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว”

 

“ ผมจะลองดู ” หยางโปเอ่ยออกมา

 

ในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีอีกคนเดินขึ้นไป ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดคลุมสีฟ้า ดูเหมือนอายุเพียง

 

20 ปีกว่าๆเท่านั้น เขาหยิบกระบี่เหล็กขึ้นแล้วตะโกนร้องออกมาว่า ” อู๋เลี่ยงเทียนจวิน” จากนั้นก็ยกกระบีขึ้นฟันลงไปอย่างแผ่วเบา

 

นัยน์ตาของหยางโปเบิกกว้าง พูดตามตรง เขาไม่คิดว่าการใช้เรี่ยวแรงมหาศาลจะมีรอยปรากฏขึ้นมาได้ แต่การแสดงท่าทีที่ผ่อนคลายแบบเดียวกับนักพรตเต๋าที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่ทําให้เขารู้สึกตกใจ

 

“ ติ๊ง !” เสียงกระบี่เหล็กกับท่อนเหล็กกระทบเกิดเสียงที่ไม่ค่อยดังออกมา มือของนักพรตเต๋ายกกระบี่เหล็กฟันลงไปบนชิ้นเหล็ก และรักษาท่วงท่านี้เอาไว้ แต่กลับไม่ขยับเขยื้อน

 

รอจนเสียงที่แผ่วเบาจางหายไป ก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตเต๋าเขายกกระบี่เหล็กขึ้นมาเบาๆ และหันไปพูดกับคนที่ยืนอยู่ข้างกระบีเหล็ก “ สําเร็จ !”

 

หยางโปจ้องไปที่รอยตื้นๆที่ปรากฏออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยตรงหน้า สีหน้าท่าที่ดูค่อนข้างแปลกใจ เขาหันไปมองนักพรตเต๋า แล้วมองไปที่ชายผู้ที่คอยดูและที่ยืนอยู่ด้านข้างชิ้นเหล็กคนนั้นอีกครั้ง

 

ชายคนนั้นยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ สร้างเรื่องโกหกหลอกลวงผู้อื่น สอนจระเข้ว่ายน้ำ ยังไม่รีบไสหัวออกไปจากที่นี่อีก !”

 

ทันใดนั้นนักพรตเต๋าก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันดังทันที “ นี่คือกฎของพวกคุณเหรอ กฎของพวกคุณใครก็ตามที่ฟันแล้วมีรอยขึ้นมาได้ ก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป ตอนนี้ผมก็ฟันเป็นรอยออกมาแล้ว ทําไมยังไม่ยอมให้ผมเข้าไปอีกล่ะ ?”

 

คนรอบข้างก็พากันพูดคล้อยตามด้วยเช่นกัน “ ใช่ เขาฟันเป็นรอยแล้ว ทําไมคุณยังไม่ให้เขาเข้าไปอีก ? อาจารย์น้อยท่านนี้ก็ดูเก่งกาจนะ !”

 

“ เอากล้องวีดีโอหน้างานมาเปิดสิ ! ” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

นักพรตเต๋าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อเห็นว่ามีคนยกแล็ปท็อปเข้ามา เขาก็ถึงกับชะงักงันไปทันที เขาหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดจาอะไร

 

ยังมีคนที่มองไม่ออก “ นี่มันอะไรกัน ? นี่มันคืออะไร ? ”

 

“ คุณดูไม่ออกหรือไง นี่เป็นแผนสกปรกของเขา เขาใช้กระบี่ฟันลงไปที่รอยเดิม”

 

เวลานี้ถึงได้มีบางคนที่เริ่มจะรู้ทัน

 

ต่อจากนั้น ก็มีอีกหลายคนที่เข้าไปลอง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กลับมาทุกครั้ง

 

ไม่นาน ก็วนมาถึงหยางโปจนได้ เขาเดินลัดผ่านฝูงชนเข้ามา ยื่นหมายเลขของตัวเองให้

 

หลูตงซิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ส่งเสียงกระซิบให้ “ สู้ๆนะ”

 

หยางโปส่งยิ้มให้และเดินตรงไปด้านหน้าและก้มลงหยิบกระบี่ พอกระบี่อยู่ในมือ หยางโปก็รู้สึกแตกต่างกัน นี่มันไม่ใช่แค่กระบี่เหล็กเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุอะไร ไม่ใช่ทองคําและก้อนหิน ลูบดูแล้วค่อนข้างอุ่น

 

ถ้าต้องการใช้กระบี่เล่มนี้ฟันให้เป็นรอยขึ้นมา มันคงยากมากจริงๆ แม้ว่าหยางโปจะเชื่อมั่นว่าพลังของตัวเองสามารถฟันให้เกิดเป็นรอยขึ้นมาได้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าลอง เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว อีกทั้งยังมีแค่โอกาสนี้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 

เมื่อเห็นหยางโปลังเล ชายคนนั้นก็อดที่จะเอ่ยเตือนออกมาไม่ได้ “ เร็วเข้า ยังมีคนรออยู่นะ !

 

“ พ่อหนุ่ม อย่ารอช้า รีบฟันเลยสิ ยังไงซะคุณก็ฟันไม่เข้าอยู่ดี ยังจะลังเลอะไรอยู่อีก ?”

 

“ ใช่ พ่อหนุ่ม อย่าลังเล หลับตาแล้วฟันมันลงไป แขนชาไปพักเดียวเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง !”

 

“ เฮ้ย ฉันมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่เห็นใครที่สามารถฟันจนมีรอยขึ้นมาได้เลย ฉันสงสัยว่าร่องรอยเหล่านี้คงถูกปลอมแปลงขึ้นมาแน่ๆ !”

 

หยางโปเพิกเฉยต่อพวกเขา เขายกดาบขึ้น ทําตามการเดาครั้งก่อนของตัวเอง พลังไหลเวียนออกจากมือไหลทะลักลงไปในดาบ จากนั้นเขาก็ใช้แรงฟันลงไปอย่างแรง

 

“ เคร้ง ! ” เสียงปลายดาบจมลงในชิ้นเหล็ก คาดคิดไม่ถึงว่ามันจะลงลึกกว่ารอยทั้งหมด !

 

ในงานเงียบกริบ ยกเว้นเสียงหอบหายใจหนัก ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอื่นอีก !

 

หลุดงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหยางโป เขาจ้องมองไปที่ชิ้นเหล็กที่อยู่ด้านหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ !

 

ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างชิ้นเหล็ก เบิกตาโต ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย เขาหันไปประสานมือโก้งคํานับไปทางหยางโป “ ยินดีด้วย !”

 

สองสามคนที่เอ่ยปากพูดเมื่อสักครู่ ต่างพากันหุบปาก พวกเขาจ้องมองไปในงาน เวลานี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรขึ้นมาทันที