ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 354 การจู่โจมระยะไกลของเยี่ยนจ้าวเกอ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอออกจากที่ราบหิมะแดนเหนือ เข้าสู่ทะเลเหนืออีกครั้ง ทางใต้ของอัคคีพิภพที่อยู่ไกลออกไปก็เริ่มสงบลง

ทางใต้ของอัคคีพิภพมีภูเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และมีสภาพอากาศร้อนระอุ

หากด่ำดิ่งลงไปใต้ภูเขา ก็จะเป็นโลกที่ร้อนมากกว่า

ใต้พื้นดินของที่แห่งนั้น เป็นโลกของเปลวไฟและหินหลอมเหลวโดยสิ้นเชิง

วังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้เป็นสถานที่อันตราย ได้รับการขนานนามเคียงคู่ที่ราบหิมะแดนเหนือ และมหาทะเลทรายแดนตะวันตก แต่เจอภยันอันตรายได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังปั่นป่วนมากกว่า เป็นโลกใต้ดินของทะเลเพลิงอย่างแท้จริง

สำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เป็นทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ และแดนต้องห้าม

มีเพียงจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือถึงขั้นมหาปรมาจารย์ และได้รับการอนุญาตจากสำนักเท่านั้นจึงจะเข้าไปด้านในได้

ที่นี่แม้จะมีสภาพแวดล้อมเลวร้าย แต่มีทรัพยากรและของล้ำค่าหายากอยู่มากมาย สิ่งของหลายชนิดมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น

ขณะเดียวกัน สำหรับจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีมากในการฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์

แต่ว่าในหลายวันมานี้ วังสุสานทะเลเพลิงเริ่มคลุ้มคลั่งกว่าที่ผ่านมา

แรกเริ่มเดิมที จอมยุทธ์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังฝึกปรือต่ำเกือบตายเพราะไม่ทันระวังตัว ทว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจนัก

แม้พลังไฟในวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้จะไม่ได้ปรากฏอย่างมีแบบแผนเหมือนปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ทว่าก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลา

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กังวลก็คือ พลังไฟในครั้งนี้ระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อย ทำให้พวกเขารับมือไม่ทันแม้สักนิด

ถ้าหากเกิดเรื่องแค่นี้ก็ไม่เป็นไร

แต่เหตุการณ์ต่อมาไม่อาจทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ใจเย็นได้อีกต่อไป

พลังในวังสุสานทะเลเพลิงรุนแรงและบ้าคลั่งมากขึ้น พลังทำลายล้างนั้นคล้ายกับต้องการปลิดชีวิตคนที่กล้าก้าวเท้าเข้ามาด้านใน

หลังจากเวลาผ่านไป ไม่เพียงแต่มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ และมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตที่มีพลังฝึกปรือต่ำจะทนไม่ไหวเท่านั้น แม้แต่มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณก็มิอาจต้านทานได้เช่นกัน

เพื่อรวบรวมวัตถุดิบพิเศษ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จัดอาวุธและค่ายกลในวังสุสาน ทั้งยังจัดหาอาณาเขตปลอดภัยจำนวนน้อยนิด แต่ทุกอย่างล้วนถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก

สุดท้าย ผู้อาวุโสผู้สูงส่งซึ่งสละทางโลก ไม่ถามไถ่เรื่องวุ่นวาย บำเพ็ญเพียรอยู่ในวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้มาหลายปีก็ถูกรบกวน

จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ชั้นยอดผู้นี้บรรลุขั้นบรรลุธรรมแล้ว ทั้งยังผู้อาวุโสของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเตรียมบรรลุระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ เขาค่อยๆ รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของพลังไฟจากวังสุสานจนยากทนทานไหว ได้แต่ต้องถอยออกมาจากวังสุสานอย่างหมดหนทาง

สำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ วังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

เรื่องนี้ทำให้จอมยุทธ์อันดับหนึ่งแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ในปัจจุบันหวงกวงเลี่ย ‘สุริยันทิศบูรพา’ ตกตะลึง

หวงกวงเลี่ยซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ จึงมุ่งหน้าไปตรวจสอบวังสุสานทะเลเพลิงด้วยตนเอง

แต่ผลลัพธ์กลับทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างท่านสุริยันทิศบูรพาต้องนักใจ

ด้วยไม่มีร่องรอยการบุกรุกของศัตรู ไม่มีร่องรอยว่าคนภายในก่อกวน และไม่มีร่องรอยว่าลูกศิษย์ในสำนักกระทำผิด จนทำให้วังสุสานทะเลเพลิงคลั่ง

ทุกอย่างไร้เค้าลางและไร้เหตุผล ทำให้เขารู้สึกพิศวง คล้ายกับเทพเจ้าเกิดคลุ้มคลั่ง มอบความวิบัติให้แก่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

นี่ทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รู้สึกอึดอัด เต็มไปด้วยความรู้สึกตึงเครียดและเดือดดาล ไม่มีที่ให้ระบาย

เหมือนกับนักบวชที่นั่งอยู่เฉยๆ แต่กลับมีภัยลอยมาหา

การจู่โจมของเยี่ยนจ้าวเกอจากอีกมุมหนึ่งของโลกแปดพิภพ ทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เกิดความรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง

ยิ่งเวลาผ่านไป วังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้ก็คลุ้มคลั่งมากขึ้น เปลวไฟและหินหลอมเหลวใต้ดินค่อยๆ โผล่ขึ้นมาบนพื้นดิน

ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงหวงกวงเลี่ยเท่านั้นที่เคลื่อนไหวในวังสุสานได้

กระนั้นเขาลงมือจัดการแล้ว แต่มิอาจทำให้วิกฤติการณ์เบาลงได้เลย

รังแต่จะทำให้พลังไฟในวังสุสานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คิดจะทำให้พลังบ้าคลั่งในวังสุสานสงบลง ทำได้เพียงต้องรอเวลาให้ค่อยๆ เคี่ยวกรำเท่านั้น

ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางถึงเมืองศิลา เหล่าจอมยุทธ์มือดีของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็รวมตัวกันอยู่ด้านนอกวังสุสานทะเลเพลิง

ไม่ว่าจะเป็นหวงซวี่ ผู้เป็นประมุขสำนัก ไปจนถึงซึ่งเป็นหลานของหวงกวงเลี่ย ผู้เป็นบุตรของหวงซี่ล้วนอยู่ที่นี่ด้วย

ทุกคนมองประตูวังสุสานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บัดนี้ที่นั่นมีแสงไฟหลายสายกะพริบได้อย่างชัดเจน มีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้าตลอดเวลา

ผ่านไปนานทีเดียว ชายชราในชุดสีขาวเดินออกมาจากทะเลเพลิง ราวกับดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นหวงกวงเลี่ยนั่นเอง

หวงซวี่และหวงเจี๋ยสองพ่อลูก รวมถึงคนอื่นๆ ก็เข้าไปทำความเคารพหวงกวงเลี่ย

“ใยดินไฟเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น หากคิดจะทำให้มันสงบ ทำได้เพียงรอเวลาเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยสิบปี หรือแม้กระทั่งหลายสิบปี” หวงกวงเลี่ยกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ล้วนทำหน้าดำคร่ำเคร่ง ด้วยรู้สึกกลัดกลุ้มใจกันทุกคน

หวงกวงเลี่ยกวาดสายตามองทั่วบริเวณ “นอกเสียจากว่าสามารถหาต้นเหตุของเรื่องได้ คล้ายกับจ่ายยาตามอาการ”

“การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะเป็นภัยพิบัติจากสวรรค์ ต้องมีสาเหตุแน่”

“ตัวมันเองไม่มีปัญหา ต้องเป็นการกระทำจากคนนอก”

จากนั้นหวงกวางเลี่ยก็มองหวงซวี่ “ช่วงนี้ที่โลกภายนอกมีข่าวอันใดที่ควรค่าแก่การสนใจบ้าง”

“มีเรื่องหนึ่งอาจควรค่าให้สนใจ ทว่าเกรงจะเหลือเชื่อเกินไปบ้าง” หวงซวี่ตอบ

“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า เยี่ยนจ้าวเกอแห่งสำนักเขากว่างเฉิงก่อความวุ่นวายที่ที่ราบหิมะแดนเหนือ ขัดแย้งกับตำนักอัสนีสวรรค์ ฆ่าคนในตำหนักอัสนีสวรรค์ไปหลายคน ก่อนจะแย่งชิงอาวุธวิญญาณระดับสูงของตำหนัก ธนูนภาอลหม่าน ขณะเดียวกันก็มีร่องรอยที่เขาเข้าไปนำอะไรบางอย่างจากสถานที่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง ทว่าเป็นอะไรนั้น ก็ยังมิได้รับการยืนยัน”

“พวกเราล่วงรู้ข่าวนี้แต่แรก แต่ก่อนหน้านี้มีรายละเอียดบางอย่างเผยออกมา อีกทั้งครั้งนี้ยังสอบถามคนจากตำหนักอัสนีสวรรค์ จึงทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าคนของพวกเขาไปหลายคน กลไกหลุมพรางที่เขาใช้ กระตุ้นขาของใยดินน้ำแข็งที่แดนเหนือแล้ว”

หวงซวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ล้วนเป็นใยดิน ถึงหนึ่งจะอยู่เหนือ หนึ่งจะอยู่ใต้ หนึ่งเป็นน้ำแข็ง หนึ่งเป็นไฟ แต่ข้ารู้สึกว่ามีลับลมคมนัยอยู่”

ยอดฝีมือจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ ต่างจมสู่ห้วงความคิด “ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็มีระยะห่างมากเกินไปกระมัง จะเกี่ยวข้องกันจริงหรือ”

หวงเจี๋ยผู้มีรูปร่างคล้ายหวงซวี่ เขาเงียบเชียบไม่พูดจาอยู่ตลอด ทว่าจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นเสียงเบา “มีอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาก่อนเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทว่ามีเหตุการณ์บางอย่างคล้ายกับในปัจจุบัน”

“ตำหนักเซียนหิมะ ผู้ยิ่งใหญ่ในด้านวรยุทธ์มีน้ำพุเกล็ดน้ำแข็งอันงดงามแห่งหนึ่ง ทว่าจู่ๆ มันก็แห้งเหือดอย่างไร้สัญญาณและสาเหตุ ผู้คนสมัยนี้คิดหาวิธีต่างๆ แต่ก็มิอาจแก้ไขได้ กลายเป็นเรื่องที่ยังคงไร้คำตอบ”

“ถึงแม้สิ่งหนึ่งพลังเพิ่ม อีกสิ่งหนึ่งพลังลด แต่ประวัติของน้ำพุเกล็ดน้ำแข็งคล้ายคลึงกับสภาพสุสานทะเลเพลิงในวันนี้ไม่ใช่หรือ” หวงเจี๋ยกล่าวเสริม

หวงกวงเลี่ยเงยหน้ามองฟากฟ้า ครูต่อมาค่อยกล่าวขึ้น “น้ำแข็งและไฟบรรจบ ทั้งก่อเกิดทั้งกดข่ม สองขั้วตรงกันข้าม…มิใช่เป็นไปไม่ได้”

ชายชราผู้หนึ่งมองวังสุสานทะเลเพลิงเบื้องหน้า ที่ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน ก่อนกล่าวด้วยความลังเล “หากหยวนเจิ้งเฟิงเป็นผู้กระทำยังพอทำเนา แต่เยี่ยนจ้าวเกอนั่นเพิ่งเป็นมหาปรมาจารย์ได้ไม่นาน จะกระตุ้นใยดินไฟให้ทำงานได้หรือ อีกทั้งน้ำแข็งกับไฟยังเป็นขั้วตรงข้าม ส่งผลกระทบสู่ทุ่งร้างแดนใต้ทั้งๆ ที่อยู่แดนเหนือได้อย่างนั้นหรือ”

จอมยุทธ์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นพยักหน้าเล็กน้อย

หวงกวงเลี่ย หวงซวี่ และหวงเจี๋ย สามคนสามรุ่นในตระกูลมีใบหน้าเคร่งขรึม รู้สึกทั้งเหลวไหลและเหลือเชื่อในขณะเดียวกัน

……………..