ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 355 สั่นสะเทือนรากฐานของเจ้า!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ถ้าหากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอวางกำดักด้วยใยดินน้ำแข็ง เพื่อโจมตีจอมยุทธ์ในสำนักอัสนีสวรรค์ทุกคน ถึงแม้จะมีความยากอย่างยิ่งยวด แต่ทุกคนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังรับได้

แต่หากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นใยดินน้ำแข็ง ส่งผลถึงวังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้จากที่ราบหิมะแดนเหนือด้วยพลังวรยุทธ์ของเขา พวกเขากลับรู้สึกยากจะจินตนาการ

ถึงแม้ว่าการคาดการณ์ของหวงซวี่และหวงเจี๋ยสองพ่อลูกจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังเหมือนไม่จริงเฉกเช่นวิมานในฟากฟ้า

หวงเจี๋ยมองทางเข้าวังสุสานที่อยู่ไกลออกไปอย่างเงียบงัน บนใบหน้าปรากฏความเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก

หวงกวงเลี่ยมองหวงซวี่ “ร่องรอยของที่เกิดเหตุเป็นเช่นไรกันแน่ ได้ไต่ถามคนจากตำหนักอัสนีสวรรค์อย่างละเอียดหรือไม่”

หวงซวี่ส่ายหน้า “ใยดินน้ำแข็งระเบิดกระแสความเย็น ทำลายที่นั่นราบคาบ”

ครั้นพูดถึงตรงนี้ ประมุขสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบันก็รู้สึกหนักใจอีกครั้ง

ต้องหาต้นเหตุเรื่องนี้เท่านั้น จึงจะจัดการตามที่ควรจะเป็นได้

บัดนี้มีวิธียืนยันสถานที่ที่เยี่ยนจ้าวเกอลงมือบนที่ราบน้ำแข็งแดนเหนือแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเขาลงมืออย่างไร

ด้วยเหตุนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จึงมิอาจลงมือแก้ไขที่ต้นเหตุได้

เนื่องจากใยดินน้ำแข็งที่แดนเหนือเกิดการเปลี่ยนแปลง หากสืบสาวหาบ่อเกิดไม่ได้ ก็มิอาจแก้ปัญหาได้

เท่ากับว่า สุดท้ายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แต่อดทนเฝ้าคอยให้ชั้นใต้ดินเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รอให้วังสุสานทะเลเพลิงสงบดังเดิม

คิดถึงข้อนี้แล้ว จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างหวงกวงเลี่ยก็ยิ่งกลุ้มใจมากขึ้น

วังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้ปัจจุบันอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีแต่เขาที่เข้าไปได้

เมิ่งหว่านมีมงกุฎจันทราอยู่กับตัว จึงอยู่ข้างในได้ชั่วคราว

แต่คนอื่นๆ แม้แต่มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมก็มิอาจเข้าไปได้ นี่ส่งผลกระทบต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างใหญ่หลวง

พวกเขาไม่อาจเก็บทรัพยากรพิเศษที่อยู่ในวังสุสานได้ จะให้หวงกวงเลี่ยกับเมิ่งหว่านไปเป็นกรรมกร สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อยากสิ้นเปลืองกำลังคนสำคัญถึงเพียงนั้น

หากพูดให้กว้างขึ้น หากมีสิ่งใดจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน หวงกวงเลี่ยกับเมิ่งหว่านถึงจะเข้าไป

แต่ว่าสำหรับจอมยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ถือว่าขาดแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการฝึก อันกระทบต่อพัฒนาการอย่างหนัก

โดยเฉพาะพวกเรียนวรยุทธ์ระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ วิชาหมัดถึงตะวัน พวกเขาจำเป็นต้องยืมสภาพแวดล้อมของวังสุสานทะเลเพลิงแห่งทุ่งร้างแดนใต้ สำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน เป็นปัญหาที่แทบจะจัดการไม่ได้

ผลกระทบเหล่านี้ไม่อาจแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น

แต่หากปัญหาหนักข้อและชัดเจนขึ้นตามกาลเวลา ผลกระทบก็ยิ่งเลวร้าย

วิชาหมัดถึงตะวันเป็นวรยุทธ์ระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระบวนท่าในการต่อสู้เท่านั้น

ถึงจะฝึกวิชานี้ไม่สำเร็จ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดเส้นทางในการมุ่งสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็ยากถึงขั้นที่เพียงแค่คิดก็สิ้นหวัง

หากเส้นทางในการพัฒนาทุกๆ ย่างก้าวของจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้รับผลกระทบสาหัส ก็ยากจะเกิดการพัฒนา

ยกตัวอย่างแบบสุดโต่ง ปัจจุบันเสียมาตรสุริยันวัดสวรรค์ไปแล้ว หากหวงกวงเลี่ยเสียชีวิตอีกคน เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องให้ขุมกำลังฝ่ายศัตรูโจมตี ไม่กี่ปีผ่านไปสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะตกต่ำลงเอง

สมมติว่าไม่มีผลสำเร็จใดชดเชยได้อีก นี่แทบจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้

หากแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น ปัญหานี้คงจะไม่เรียกว่าปัญหา ทว่าตอนนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีวิธีการแก้ไข

แม้ตอนอยู่บนวังสุสานทะเลเพลิงจะร้อนรุ่มหาใดเปรียบ อากาศก็คล้ายจะติดไฟขึ้นมา

ทว่าบัดนี้ จอมยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่กลับรู้สึกหนาวสันหลังวาบเล็กน้อย

การจู่โจมของเยี่ยนจ้าวเกอจากแดนเหนือ ที่ส่งผลมายังทุ่งร้างแดนใต้ ทำให้ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนักอกหนักใจ ทุกคนต่างรู้สึกเคร่งเครียด

เด็กหนุ่มอย่างหวงเจี๋ยยังพอทำเนา แต่คนอื่นๆ รวมถึงหวงซวี่พลันเข้าใจจิตใจของหยวนเจิ้งเฟิง ผู้ปกครองเขากว่างเฉิงในอดีตแล้ว

ความกดดันที่อยากจะพัฒนา แต่กลับถูกปัจจัยจากโลกภายนอกจำกัดเอาไว้ ทำให้จิตใจของทุกคนเหมือนมีศิลากดทับจนหายใจไม่ออก

สำหรับพวกเขา เรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้น ยังมีเวลาหาทางแก้ไข

ดังนั้นความรู้สึกนี้เป็นแค่เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ทันไรก็สงบสติอารมณ์ได้

แต่ถ้าหากไม่มีวิธีใดเลย แรงกดดันในใจจะเพิ่มขึ้น หนักหน่วงขึ้นตามกาลเวลา

หวงกวงเลี่ยเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ากลับยอดเขาเรืองรองก่อนเถอะ อย่าทำให้สถานการณ์ของสำนักวุ่นวาย ข้าจะอยู่ที่นี่ ลองใคร่ครวญอีกสักเล็กน้อย ดูว่ามีหนทางแก้ไขหรือไม่”

พวกหวงซวี่ผงกศีรษะพร้อมกัน ตอนนี้ได้แต่ต้องทำเช่นนี้

สายตาของหวงกวงเลี่ยพลันมองไปทางเหนือ “จับตาดูการเคลื่อนไหวของเขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต และเขาไร้พรมแดนตลอดเวลา”

หากมองระยะยาว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสาหัสที่สามารถสั่นสะเทือนรากฐานของพวกเขาได้เลยทีเดียว

ทว่าตอนนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพลังทั้งหมดของพวกเขาได้

หวงกวงเลี่ยมองทางเหนือ พลันกล่าวขึ้น “เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปให้จับตาดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างของคนผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนต้องให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิด”

หวงซวี่พยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง

ไม่ใช่ ‘บุตรของเยี่ยนตี๋’ ไม่ใช่ ‘ศิษย์ของกว่างเฉิง’ ไม่ใช่ ‘เด็กน้อยผู้นั้น’ หรือ ‘คนรุ่นหลังผู้นั้น’

คำเรียกที่หวงกวงเลี่ยเรียกเยี่ยนจ้าวเกอ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีท่าทีจริงจังต่อเรื่องนี้ขนาดไหน

ด้วยศักดิ์ฐานะ พลังฝึกปรือ และตำแหน่งของหวงกวงเลี่ย การเรียกคนหนุ่มที่มีอายุเท่าหลานของเขาเช่นนี้ คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

เพียงแต่จอมยุทธ์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ ล้วนไม่แสดงความประหลาดใจ

ถึงแม้จะยืนยันไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของวังสุสานทะเลเพลิงแห่งทุ่งร้างแดนใต้เกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ แต่ว่าเรื่องนี้ก็มิได้ห้ามไม่ให้ทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญกับเขาเพิ่มขึ้น

หวงซวี่เอ่ย “ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของเขากว่างเฉิงและเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถพอที่จะกระทำเช่นนี้ได้อีกในเวลาอันสั้นหรือไม่ จงติดต่อตำหนักอัสนีสวรรค์ บอกพวกเขาให้จับตาดูที่ราบหิมะแดนเหนือ สำนักของเราจะส่งคนไปสำรวจ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสก่อเรื่องอีกครั้ง”

“ขณะเดียวกันก็หาโอกาสฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ว่าต้องเสียอะไรก็ตาม” หวงซวี่ใบหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยียบ “หากปล่อยให้เขาเติบโตเช่นนี้ต่อไป เมื่อเขามีระดับพลังเพิ่มขึ้นแล้ว จะต้องส่งผลคุกคามมากกว่าเยี่ยนตี๋ บิดาของเขาแน่”

หวงเจี๋ยนิ่งเงียบไม่พูดจา สายตามองไปยังทิศเหนือ แววตาหม่นลง

ขณะที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยุ่งจนหัวหมุน เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เมืองศิลากลับอารมณ์ดียิ่ง

ด้วยสิ่งของที่ต้องใช้ล้วนมีพร้อม เขาจึงเริ่มจัดแจงพวกมันในห้องพักของตนเอง

เขาสร้างค่ายกลขนาดเล็กขึ้นมา ก่อนจะวางโลงน้ำแข็งที่บรรจุร่างของสือจวินไว้ตรงกลาง

ก้าวสุดท้ายหลังจากเดินทางมาหมื่นลี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ยอมให้มีเรื่องไม่คาดฝันใดๆ ทั้งสิ้น

ระหว่างที่รอคอย เขารอคอยการมาถึงของสวีเฟยเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอติดต่อกับสำนักเป็นครั้งแรกบนเส้นทางของเมืองศิลา

ต่อจากนี้ตนจะเคลื่อนไหวอย่างไร คงต้องตัดสินใจตามสถานการณ์ ส่งสือจวินสองแม่ลูกกลับสำนักโดยเร็วดีที่สุด

สวีเฟยยืนอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ มองโลงศพน้ำแข็งใจกลางค่ายกลอย่างเงียบงัน

………………..