ตอนที่ 697 ซูหลีคิดว่าอย่างไร / ตอนที่ 698 ขอพิจารณา

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 697 ซูหลีคิดว่าอย่างไร

 

 

“ภายหน้าหากพวกเราได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ซูหลีก็ถือเป็นบุตรชายข้าครึ่งหนึ่งด้วย!” มีบางคำพูดที่ไม่ต้องพูดตรงไปตรงมามากนัก แต่ป๋ายไต้ซือยังสามารถชี้ช่องให้เห็นประโยชน์ในนั้นได้

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาและสกุลป๋ายอยู่ในราชสำนักมาก็นาน มีเส้นสายคนรู้จักอยู่เต็มไปหมด มีอิทธิพลในราชสำนักก็พอๆ กับตระกูลเซี่ย พอได้คำสัญญาเช่นนี้จากปากเขาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

 

 

ถึงแม้ซูหลีจะเริ่มต้นด้วยตำแหน่งที่สูงมาก อีกทั้งได้เริ่มเป็นขุนนางระดับหนึ่ง พูดไปที่แล้วนางก็ไม่ได้มีรากฐานอะไรในราชสำนัก รู้จักคนก็อยู่ในวงจำกัด

 

 

ถึงแม้ว่าคนในสำนักเต๋อซั่นจะสูงศักดิ์กันอย่างยิ่ง แต่คนเหล่านั้นอายุยังน้อย จึงยังไม่ได้เข้ารรับราชการกัน

 

 

คนที่ยังอยู่ในราชสำนักตอนนี้ก็มีแต่คนแก่อย่างพวกเขา พอพูดแบบนี้แล้วการสมรสครั้งนี้ ไร้ซึ่งผลเสีย และมีแต่ผลดีต่อตัวซูหลีทั้งสิ้น

 

 

อีกทั้งขุนนางมีจำนวนมากแบ่งฝักแบ่งฝ่าย หากสมรสกับบุตรีของป๋ายไต้ซือ ต่อให้บุตรสาวไม่มีชื่อเสียงอะไร ไม่ได้โด่งดังเท่าป๋ายถาน แต่ก็ถือว่ากลายเป็นพวกเดียวกับป๋ายไต้ซือ

 

 

ภายหน้าอยู่ในราชสำนัก ย่อมมีคนเข้าข้างซูหลีไม่น้อย

 

 

ทันทีที่ป๋ายไต้ซือเปิดปากเอ่ย ในใจซูไท่ก็ครุ่นคิดในทันที เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ก็รู้สึกได้เลยว่าความคิดนี้ของป๋ายไต้ซือก็ไม่เลวนัก!

 

 

ขนาดเขาได้ยินยังใจสั่นไม่ได้!

 

 

หากได้เป็นทองแผ่นเดียวกับสกุลป๋ายละก็ อนาคตในภายหน้าของซูหลีก็คงรุ่งโรจน์เรืองรอง!

 

 

“ลูกสาวคนรองของข้าถึงแม้ว่าจะเกิดจากภรรยารองในบ้าน แต่ก็เติบโตอยู่ในสายตาฮูหยินของข้า มีมารยาทและความรู้อย่างมาก ซูหลีมีนิสัยซุกซนหากได้มีครอบครัว ก็ควรจะหาคนที่มีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวล บุตรสาวคนรองของข้าไม่ด้อยไปกว่าใครแน่ในด้านนี้!”

 

 

ป๋ายไต้ซือผู้นี้ไม่เสียแรงที่เป็นราชครู ยิ่งพูดซูไท่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เข้าท่าเอาการ

 

 

โดยเฉพาะเมื่อเขาครุ่นคิดไปแล้ว ตำแหน่งขุนนางของซูหลีคือเซ่าซือ

 

 

หากตอนนี้ฮ่องเต้ทรงมีทายาท ซูหลีอาจบังเอิญกลายเป็นคนในอาณัติของป๋ายไต้ซือ เป็นผู้ช่วยของป๋ายไต้ซือ

 

 

หากว่ามีความสัมพันธ์เช่นนี้เพิ่มเข้าไปด้วยก็คงจะ…

 

 

ซูหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ เอาแต่ยิ้มไม่พูดไม่จานางเคาะพัดที่ถืออยู่กับฝ่ามือตนเองอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

ป๋ายไต้ซือเอาแต่พูดคุยกับซูไท่ ทว่าถึงพูดกับซูไท่ แต่เขาเอาแต่เหลือบมองซูหลีอยู่ตลอดเวลา

 

 

เห็นซูหลีไม่พูดไม่จาเพียงแต่ยิ้มละไม กระทั่งตอนที่เขาพูดถึงเรื่องเช่นนี้ ใบหน้านางก็แค่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ หัวใจพลันหนักอึ้งลง

 

 

ซูหลีอายุอานามเพียงเท่านี้ ไม่พูดเรื่องอื่น เพียงแค่ใบหน้าท่าทางที่สุขุมนุ่มลึกนี้ ทำให้หวาดระแวงอย่างมาก

 

 

วันนี้มาทาบทามขอลูกเขย ป๋ายไต้ซือเองก็มีเจตนาแฝงอยู่

 

 

นี่คือมิตรไมตรีเขายื่นให้ซูหลี หากซูหลีรับไมตรีนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง และหลังจากนี้เป็นต้นไปข้างกายเขาก็จะมีแขนขาที่แข็งแรงเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง

 

 

คำพูดเหล่านั้นที่เขาพูดไปเมื่อครู่ ไม่ใช่จงใจชมเชยซูหลี แต่เป็นความในใจของเขา

 

 

ได้คนฉลาดแบบนี้มาอยู่ข้างกาย คงจะมีบางเรื่องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

 

 

แต่หากซูหลีไม่ยอมรับปากขึ้นมา…

 

 

แววตาป๋ายไต้ซือพลันหนักอึ้ง เช่นนั้นแล้วก็จำต้องกำจัดคนผู้นี้ ไม่พูดเรื่องตำแหน่งของเขาในตอนนี้ แต่พูดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายมี และจากข่าวคราวที่เขาได้มาเรื่องคนที่ซูหลีจับมา

 

 

สามารถทำให้ป๋ายไต้ซือตกที่นั่งลำบากได้!

 

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ป๋ายไต้ซือก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก มองซูหลีพลางเอ่ย “ซูหลีเจ้าคิดว่าอย่างไร?”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 698 ขอพิจารณา

 

 

ถามนางหรือ

 

 

ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น นางไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

 

 

ป๋ายไต้ซือต้องการให้บุตรีของอนุของเขาแต่งงานกับนาง แน่นอนว่าแม้จะเป็นบุตรีของอนุ ทว่าก็มีคนไม่น้อยที่ต่อแถวรอสู่ขอบุตรีของป๋ายไต้ซือ

 

 

ทว่าซูหลีมิใช่บุรุษที่แท้จริง นางจะแต่งภรรยาเข้ามาเพื่ออะไรกัน

 

 

นางยังไม่คิดที่จะแต่งงาน!

 

 

แน่นอนว่า เรื่องนี้นางไม่อาจพูดกับป๋ายไต้ซือได้

 

 

นางได้ยินดังนั้นสีหน้าจึงผ่อนคลายลงไปครู่หนึ่ง จากนั้นคล้ายกับมีความฮึกเหิมบางอย่าง นางรีบลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงคารวะป๋ายไต้ซือแล้วเอ่ยว่า

 

 

“ข้าน้อยไม่รู้มาโดยตลอดว่า ป๋ายไต้ซือจะให้ความสำคัญกับข้าน้อยขนาดนี้ อีกทั้งยังต้องการบุตรีของไต้ซือแต่งงานกับข้าน้อย”

 

 

หลังจากซูไท่ได้ยินคำพูดของซูหลีแล้ว ใบหน้าก็วูบไหวเล็กน้อย ซูหลีนี่ช่างเฉลียวฉลาดโดนแท้

 

 

งานแต่งครั้งนี้ เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้

 

 

หากสามารถเกี่ยวดองกับสกุลป๋ายในเวลานี้ได้ อนาคตซูหลีคงเป็นดั่งเสือติดปีก ที่สามารถกระโดดมาเป็นบุคคลที่มีอำนาจในเมืองหลวงได้ทันที!

 

 

“เพียงแต่…” ทว่าซูหลีไม่เปิดโอกาสในทางนั้นตั้งตัว ซูหลีพูดประเด็นด้วยเสียงเบาว่า

 

 

“เรื่องการแต่งงาน การดูตัวนั้นเป็นหน้าที่ของมารดา แม้ซูหลีไม่มีมารดา ทว่าบัดนี้บิดายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องได้รับการอนุญาตจากบิดาเสียก่อน”

 

 

ซูหลีพูดจบก็มองที่ซูไท่ปราดหนึ่ง

 

 

ซูไท่ถึงกับอึ้งไป นี่นางหมายความว่าอย่างไรกัน

 

 

ทว่าเขากลับเห็นนางส่ายหน้าเล็กน้อย ซูไท่ขมวดคิ้ว นี่ต้องการให้เขาปฏิเสธหรือ

 

 

ทว่างานแต่งครั้งนี้เป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะเหตุใดซูหลีที่ต้องการปฏิเสธกัน

 

 

ซูไท่ไม่เข้าใจ และกลับไม่ต้องการปฏิเสธป๋ายไต้ซือเช่นนี้

 

 

“ไต้ซือคงมีเรื่องที่ไม่ทราบ ก่อนหน้านี้บิดานั้นกลัดกลุ้มใจกับเรื่องของข้าเป็นอย่างมาก บิดารู้สึกกังวลใจและมักเอ่ยว่าเรื่องภรรยาและเรื่องของครอบครัวนั้นไม่สำคัญ ทว่าจักต้องมีคุณสมบัติที่ดี เป็นคนที่อ่อนหวาน และสามารถเติมเต็มอุปนิสัยของข้าได้…”

 

 

ซูไท่…

 

 

เขาเอ่ยคำพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?

 

 

ไยแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ทราบ

 

 

คนที่ไม่เข้าใจซูหลีนั้น ยังมีป๋ายไต้ซือกับป๋ายเฮ่อ

 

 

ป๋ายไต้ซือขมวดคิ้วมองนาง ดังนั้นความหมายของนางคือต้องการปฏิเสธหรือ

 

 

“เช่นนี้ก็แล้วกัน ป๋ายไต้ซือสู้ให้เวลาข้ากับบิดาเสียหน่อย สามวันภายหลังข้าจักให้คำตอบแก่ท่าน ท่านว่าเป็นอย่างไร” ซูหลีดึงหลายสิ่งหลายอย่างมาพูด สุดท้ายกลับกล่าวว่าขอเวลาพิจารณา

 

 

ความเคร่งขรึมพาดผ่านในดวงตาของป๋ายไต้ซือ ทว่ากลับคลี่คลายไปอย่างรวดเร็ว

 

 

หากหลังจากซูหลีได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ตกปากรับคำในทันที เกรงว่าเขาจะมีความสงสัยและรู้สึกว่านี่ซูหลีต้องการหลอกลวง!

 

 

ทว่านางเอ่ยว่าต้องพิจารณาเสียก่อน นั่นก็หมายความว่าซูหลีเกิดความหวั่นไหวกับอำนาจของสกุลป๋าย

 

 

เพียงแต่เรื่องสำคัญขนาดนี้แม้จะถือเป็นเรื่องดีมาก แน่นอนว่าไม่อาจตอบตกลงอย่างลวกๆ ได้

 

 

ป๋ายไต้ซือคิดดังนั้น เขามีข้อสรุปในใจแล้ว จากนั้นจึงลุกขึ้นและเอ่ยกับซูหลีว่า

 

 

“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ จักต้องใช้เวลาพิจารณาเป็นธรรมดา พี่ซูที่ช่างโชคดีโดยแท้ ซูหลีนั้นเป็นคนสุขุมเยือกเย็นนัก!”

 

 

สุขุมเยือกเย็น…

 

 

ซูไท่ถึงกับมุมปากกระตุก เขามีชีวิตอยู่มาตั้งนาน ตลอดครึ่งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินใครเอ่ยว่าซูหลีเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาก่อน!

 

 

เมื่อได้ยินป๋ายไต้ซือเอ่ยเช่นนี้ ซูไท่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี

 

 

“เช่นนั้นข้าจะรอคำตอบจากพี่ซู! หวังว่าซูหลีจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” ป๋ายไต้ซือปรายตามองซูหลีด้วยท่าทางมีเลศนัย

 

 

จากนั้นจึงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจึงได้ขอตัวลากับซูไท่ และออกจากสกุลซูพร้อมกับป๋ายเฮ่อ