ตอนที่ 2185 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (26) / ตอนที่ 2186 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (27)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2185 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (26)

หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล อวิ๋นลั่วเฟิงก็โบกรถรับจ้างแล้วบอกชื่อหมู่บ้านตามความทรงจำของนาง ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง รถรับจ้างก็มาหยุดอยู่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

“แหวะ!” ทันทีที่เขาก้าวออกจากรถรับจ้าง อวิ๋นเนี่ยนเฟิงก็อาเจียนออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าเล็กและบอบบางของเขาซีดเผือดรวมถึงริมฝีปากของเขาก็สั่นเทา “ท่านแม่ นี่เป็นสัตว์วิญญาณอสูรแบบไหน เนี่ยนเฟิงรู้สึกไม่ดีมากๆ เลยขอรับ…”

“อ้อ นี่เรียกว่ารถรับจ้าง เอาล่ะ พวกเราไปตามหาอาจารย์ของข้าก่อนและหลังจากนี้เจ้าก็จะค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับโลกนี้ได้เอง เจ้าไม่ต้องกลัว” พูดจบนางก็หันไปหาอวิ๋นเซียวที่เงียบมาตลอดทาง

สุขภาพจิตของบุรุษผู้นี้แข็งแกร่งมาก และไม่ว่าเขาจะเห็นสิ่งของที่แปลกประหลาดขนาดไหน เขาก็ยังแสดงสีหน้านิ่งสงบและไม่ถามนางสักคำเดียว

“อวิ๋นเซียว…”

“หืม” หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงเรียกชื่อเขา เขาก็ตอบรับเบาๆ แต่ว่าการตอบรับครั้งนี้ดูเหมือนจะถูกเค้นออกมาอย่างยากลำบาก ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงรับรู้ถึงความผิดปกติ

“ท่าน…อย่าบอกข้านะว่าท่านเองก็เมารถเหมือนกัน” ในที่สุดสีหน้าของอวิ๋นเซียวก็เปลี่ยนไปนิดหน่อยและหน้ากากเย็นชาของเขาก็แตกออก ขณะที่เขาพยักหน้าอย่างลำบาก

“ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าก็ไม่ชอบอากาศที่นี่เลย”

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ทนอีกหน่อยนะ หลังจากที่ข้าแก้แค้นเสร็จแล้ว พวกเราจะกลับกัน”

“เข้าใจแล้ว”

เพราะอวิ๋นเซียวไม่ได้มาจากแผ่นดินนี้ และเขาก็ไม่คุ้นชินกับอากาศที่นี่ เขาก็แค่บังคับให้ตัวเองปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่…

ภายใต้การนำของอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาก็เข้ามาในหมู่บ้าน ถึงแม้ว่าหมูบ้านนี้จะอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้วแต่ภายในหวาเซี่ย พื้นที่ทุกตารางนิ้วมีค่าพอกับทองคำ แม้แต่ชุมชนเล็กๆ ก็ยังมีมูลค่าเป็นล้าน

โชคดีที่อวิ๋นลั่วเฟิงความจำดีและสามารถหาที่อยู่ได้ภายในเวลาไม่นาน เมื่อไปถึงประตู นางก็เคาะสองสามครั้ง

“มาแล้วค่ะ” เสียงแหลมดังขึ้นและเมื่อประตูเปิดออก เด็กสาวร่างท้วมคนหนึ่งก็ยื่นศีรษะออกมา

เมื่อเห็นอวิ๋นลัวเฟิง ร่องรอยความแปลกใจก็พาดผ่านดวงตาของเธอ “คุณ…คุณคือพี่ลั่วเฟิงงั้นเหรอ”

“ฉิงฉิง ไม่เจอกันนาน อาจารย์อยู่บ้านหรือเปล่า”

ดวงตาของฟู่ฉิงค่อยๆ เบิกกว้างขณะที่ใบหน้าน่ารักของนางฉายแววตะลึง “พี่ลั่วเฟิง นี่พี่จริงเหรอ ก่อนหน้านี้พ่อก็บอกแล้วว่าพี่ยังมีชีวิตอยู่แต่หนูไม่เชื่อ หนูไม่คิดว่า…พี่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เหรอ อ้อ จริงสิ แล้วคนพวกนี้คือ…”

ดวงตาคู่โตของเธอกวาดมองคนเป็นพ่ออย่างอวิ๋นเซียวและลูกชาย ขณะที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

“เขาเป็นพี่เขยของเธอ และเด็กสองคนนี้ก็คือหลานชายกับหลานสาว”

หลานชายกับหลานสาวงั้นเหรอ

ฟู่ฉิงเหมือนโดนฟ้าผ่าจนตกตะลึงไป

“พี่ลั่วเฟิง พี่มีลูกโตขนาดนี้จริงเหรอ หรือว่าพี่ไปเที่ยวเล่นกับพี่เขยตอนยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้วคลอดลูกออกมา พระเจ้า ไม่แปลกใจเลยที่พี่จะแกล้งตายแล้วหายตัวไป”

ฟู่ฉิงเริ่มคิดหาข้ออ้างให้อวิ๋นลั่วเฟิง ถึงอย่างไรการระเบิดในตอนนั้นก็ไม่พบศพพวกเขาไม่ใช่เหรอ

แต่ว่า…อวิ๋นเซียวไม่พอใจที่ฟู่ฉิงใช้คำว่า ‘เที่ยวเล่น’ ความสัมพันธ์ของเขากับอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่กับแบบเปิดเผยไม่เคยปิดบัง ดังนั้นจะมาเรียกว่าเที่ยวเล่นได้อย่างไร

“อาจารย์ไม่อยู่บ้านเหรอ” อวิ๋นลั่วเฟิงแอบมองในบ้านแบบผ่านๆ แล้วถาม

ฟู่ฉิงพยักหน้า “พ่อออกไปซื้อของน่ะค่ะ อีกไม่นานคงกลับมา พี่ลั่วเฟิงกับพี่เขยรีบเข้ามาข้างใน พวกพี่นั่งลงก่อน เดี๋ยวหนูไปเอาชามาให้”

ตอนที่ 2186 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (27)

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่เกรงใจและรีบก้าวเข้าไปทันทีหลังจากที่ฟู่ฉิงเชิญเข้าบ้าน ตั้งแต่ออกจากบ้านเด็กกำพร้านี่ไป นางก็มาเติบโตอยู่ในบ้านของผู้มีพระคุณ ความสัมพันธ์ของนางและฟู่ฉิงจึงเป็นเหมือนพี่น้อง แต่ถึงอย่างไร ภรรยาของผู้ที่อุปการะเธอก็ไม่พอใจที่อวิ๋นลั่วเฟิงมาอยู่ด้วย และเป็นอาจารย์ของนางเองที่ช่วยเกลี้ยกล่อมให้นางได้อยู่ที่นี่ต่อ

เมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตและได้เห็นบ้านที่คุ้นเคยอีกครั้ง ก็ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกอบอุ่นจนใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ความรู้สึกของการได้กลับมานี่มันช่าง…ยอดเยี่ยมจริงๆ

“พี่ลั่วเฟิง นี่ค่ะ” ฟู่ฉิงที่คาดผ้ากันเปื้อนประคองถ้วยชามาส่งให้อวิ๋นลั่วเฟิง ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มไร้เดียงสาที่ดูใสซื่อและไม่เจนโลก

“ฉิงชิง เธอบอกฉันหน่อยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพ่อของเธอถึงถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยหวาเซี่ย” อวิ๋นลั่วเฟิงถามพลางขมวดคิ้ว

ฟู่ฉิงนิ่งไปครู่หนึ่งและกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “พี่ลั่วเฟิง หลังจากที่พี่ประสบอุบัติเหตุได้ไม่นาน งานของพ่อก็มีปัญหา แล้วก็มีคนไปรายงานว่าพ่อไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนิสิตสาวๆ …”

สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงขรึมลงทันที “คนเป็นอาจารย์ไม่ควรทำเรื่องแบบนั้น!”

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฟู่ฉิงก็อดเคืองไม่ได้ “พ่อไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วละค่ะ ท่านถูกใส่ความ! พวกเราทุกคนรู้ดี แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ยอมฟังคำอธิบายอะไรเลย แล้วก็สั่งพักงานพ่อทันที”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของฟู่ฉิง สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ่งแย่ลงไปอีก นางนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันได้เจอกับแม่ของเธอก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าพ่อของเธอถูกพักงานเพราะฉัน”

“อะไรนะคะ” ฟู่ฉิงโกรธจัดจนหน้าของเธอแดงก่ำ “พี่ไปพบผู้หญิงคนนั้นมาเหรอคะ อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของเธอเลยค่ะ มีแต่เรื่องโกหกทั้งนั้น เธอรู้ดีว่าทำไมพ่อถึงถูกพักงาน แล้วมันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่เลยด้วย”

อวิ๋นลั่วเฟิงห่อปากครุ่นคิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร นางก็ไม่มีทางยกโทษให้คนที่ทำให้ผู้มีพระคุณของนางต้องถูกพักงานเป็นอันขาด!

“อีกอย่าง…” ฟู่ฉิงพูดด้วยเสียงโกรธจัด “ตอนนั้น ผู้หญิงคนนั้นหนีตามผู้ชายคนอื่นไปหลังจากที่พ่อโดนพักงานได้แค่ไม่กี่วัน! ที่สำคัญกว่านั้น เธอเองก็รู้ดีว่าพ่อไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นแน่ แต่เธอก็ยังไปเพราะว่าพ่อไม่สามารถหยิบยื่นชีวิตที่หรูหราให้เธอได้ ผู้หญิงแบบนี้ไม่เหมาะสมจะเป็นแม่ของหนูหรอกค่ะ!”

อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกได้ถึงลับลมคมในบางอย่างในคำพูดของฟู่ฉิง นางขมวดคิ้วและถามว่า

“แม่เธอดูไม่เหมือนคนที่เชื่อในตัวพ่อเธอเท่าไหร่ แล้วทำไมเธอถึงบอกว่าแม่ของเธอรู้ดีว่าพ่อเธอไม่ได้ทำล่ะ”

“มีใครบางคนบันทึกแล้วก็อัปโหลดวิดีโอขึ้นออนไลน์ มีช่วงเวลาเขียนไว้อยู่ในวิดีโอที่หนูมั่นใจว่ามันถูกถ่ายตอนที่พวกเราสามคนอยู่ด้วยกัน คนคนนั้นหน้าตาเหมือนพ่อมาก แต่หนูบอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่พ่อแน่นอน!”

มหาวิทยาลัยหวาเซี่ยเป็นสถาบันการศึกษาที่โด่งดัง พวกเขาไม่มีทางที่จะสั่งพักงานอาจารย์โดยไม่มีเหตุผล เมื่อดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว อาจารย์ของนางจะต้องถูกใครบางคนจัดฉากใส่ความแน่ๆ …

“ในเมื่อตอนนั้นพวกเธอสามคนอยู่ด้วยกัน อาจารย์ก็น่าจะมีพยานรู้เห็นไม่ใช่เหรอ”

เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงพูดแบบนี้ ฟู่ฉิงก็กัดริมฝีปากและส่ายหน้า “นอกจากหนูกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็ไม่มีพยานคนอื่นอีกเลย ในเมื่อเราเป็นสมาชิกในครอบครัว คำพูดของเราก็เลยไม่มีน้ำหนักน่ะค่ะ”

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ นางสบตาอวิ๋นเซียว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่ว่าคนทำจะเป็นใครก็ตาม นางไม่มีวันให้อภัยที่บังอาจมาใส่ร้ายอาจารย์ของนางเป็นอันขาด!

ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏรอยยิ้มอีกครั้งเมื่อนางถามขึ้นว่า “ฉิงชิง ฉันเดาว่าตอนนี้เธอคงจะเรียนมหาวิทยาลัยแล้วสินะ เธอเรียนคณะอะไรล่ะ”