ตอนที่ 931 โจวซิน

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 931 โจวซิน

 

หยางโปหันมองไปทางด้านหลังก็เห็นว่าชายหนุ่มที่สวมชุดนักพรตเขียวคนนั้น เดินออกมาจากด้านหลังของสองคนนั้น

 

เมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาก็ไม่ได้ทําตัวห่างเหินเป็นคนอื่นคนไกลเลย “ ศิษย์พี่ทั้งสอง ในเมื่อเข้ามาข้างในได้กันแล้ว ยังจะให้น้องเล็กไปลองฟันอยู่อีก ไม่ซื่อสัตย์และจริงใจเลยจริงๆ!”

 

หยางโปรู้สึกแปลกๆ เขาหันไปมองหน้าหลูตงซิง เมื่อเห็นว่าเขาก็ทําสีหน้าเต็มไปด้วยความมีนงงเช่นกัน ก็รู้ทันทีว่าทั้งสองต่างก็ไม่รู้จักอีกฝ่าย!

 

“ คุณคือ? ” หยางโปเอ่ยปากถาม

 

ชายชุดนักพรตเต๋เขียว แสร้งทําเป็นร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด “ ศิษย์พี่ หรือว่าพี่ไม่รู้จักผมแล้ว ? คุณไม่รู้จักผมจริงๆเหรอ? ผมเป็นศิษย์น้องของคุณไง?!”

 

หยางโปมั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักอีกฝ่าย เขาจึงแกล้งทําเป็นเล่นละครตาม “ คุณ คุณคือศิษย์น้องเฉินหยางสํานักซงซานใช่หรือเปล่า?”

 

ชายชุดนักพรตเขียวทําสีหน้าดีใจมาก “ ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ! ในที่สุดคุณก็จําผมได้ ! ศิษย์น้องมาจากซงซาน ขึ้นรถไฟมาเป็นครั้งแรก เพื่อมาหาท่านที่หยูหาง ยังไม่ได้กินข้าวสักมื้อเดียว ก็มารอท่านอยู่ตรงนี้ ศิษย์น้องลําบากมาก ศิษย์น้องช่างเป็นคนอาภัพจริงๆ !”

 

ในขณะที่พูดคุยกัน ชายชุดนักพรตเขียวก้าวมาข้างหน้า พยายามที่จะสวมกอดหยางโป

 

หยางโปเอียงตัวหลบไปด้านหลัง ชายชุดนักพรตเขียวก็หันกลับมากอดหมูตงซิง และบีบน้ําหูน้ําตาออกมา

 

หลูตงซิงเกิดมาในชนชั้นรากหญ้า แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็อยู่ดีกินดีมานานแล้ว เมื่อเห็นชายชุดนักพรตเขียวเช็ดน้ํามูกบนเสื้อผ้าของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะทําหน้ารังเกียจ แต่เขาคิดที่จะหลบแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

หยางโปแปลกใจมาก เขาสัมผัสได้ว่า บนตัวของอีกฝ่ายไม่มีพลังขับเคลื่อนอยู่เลย แต่เห็นได้ชัดว่าทักษะฝีมือของอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอเลย เขาคว้าปลอกคอเสื้อด้านหลังชายชุดเขียวไว้แล้ว เหวี่ยงไปอีกทาง

 

ชายในชุดเต๋เขียวยิ่งไม่พอใจ ร้องไห้และพูดออกมาว่า “ ศิษย์พี่ คุณทําแบบนี้ได้ยังไง ? ผมเป็นศิษย์น้องของคุณนะ?”

 

หยางโปส่ายหัว “ คุณจําคนผิดแล้ว ผมไม่มีศิษย์น้องที่ชื่อเฉินหยาง”

 

ชายในชุดเต๋าเขียวตะลึงไปชั่วครู่แล้วก็พูดออกมาด้วยความหงุดหงิดและอับอาย

 

” คุณหลอกผมเหรอ ?”

 

หยางโปขมวดคิ้ว “ พูดมาตามตรง ทําไมถึงโกหก?”

 

ชายชุดเต๋าเขียวจ้องหน้าหยางโป “ พวกคุณได้รับจดหมายเชิญแล้ว จดหมายเชิญแต่ละฉบับ สามารถพาคนเข้าไปด้วยได้สองคน ผมหวังว่าจะได้เข้าไปกับคุณ!”

 

หยางโปขมวดคิ้ว “ คุณเป็นใครกันแน่? ถ้าคุณแสดงตัวตนที่แท้จริงของคุณออกมาไม่ได้

 

ทําไมผมต้องพาคุณเข้าไปด้วย? ”

 

“ ผมเป็นศิษย์น้องของคุณจริงๆ คุณต้องเชื่อผม!” ชายชุดเต๋าสีเขียวเอ่ยขึ้น

 

หยางโปเหลือบมองเขาและรู้สึกว่าคนคนนี้จิตใจไม่ค่อยปกติ เขาจึงหันไปส่งเขยิบตาให้หลูตงซิง

 

“ พวกเราไปกันเถอะ!”

 

ชายชุดเต๋เขียวรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าหยางโปไม่ยอมสนใจตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ ผมช่วยคุณพิสูจน์ยืนยันมูลค่าของสิ่งของแต่ละอย่างในการประมูลได้!”

 

หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หยุดเดินและหันกลับไปมอง

 

เมื่อเห็นว่าชายในชุดเต๋เขียวดึงดูดความสนใจของหยางโป เขาก็พูดต่อว่า “ ผมมีดวงตาคู่หนึ่งที่มองทะลุได้ ผมสามารถมองเห็นข้อมูลของทุกสิ่งได้ และผมยังสามารถยืนยันอายุของทุกชิ้นได้ แม้กระทั่งของล้ําค่าบางอย่าง ผมก็สามารถดูออกได้ !”

 

หยางโปตกใจตัวสั่นไปทั้งตัวยืนอยู่ตรงนั้น เขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่าในโลกนี้ยังจะมีคนที่เหมือนเขาหลงเหลืออยู่ อีกฝ่ายก็มีดวงตาเนตรเชียนอันล้ําค่าอีกคู่เช่นกัน และยังสามารถมองทะลุสมบัติได้อีกด้วย ?

 

เมื่อเห็นว่าหยางโปนิ่งเงียบ ชายชุดเต๋เขียวก็พูดอย่างภาคภูมิใจทันที “ เป็นยังไงบ้าง? ”

 

หลูตงซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทําเสียงอึดฮัดเย็นชา “ หยางโป นายเชื่อจริงๆเหรอ ? เขาแค่พูดเรื่อยเปื่อยไปเท่านั้นเอง!”

 

หยางโปที่ตกตะลึงอยู่นั้น ก็ได้สติกลับคืนมา เหตุผลที่เขามีเนตรเซียน ก็เพราะความบังเอิญมีเรื่องบังเอิญมากมายในโลกนี้ มันไม่ใช่การคาดเดามั่วๆได้?

 

เขาเงยหน้าขึ้นมองชายชุดเขียว ” งั้นก็ดี ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ผมมีของบางอย่างอยู่ที่นี่ คุณลองดูให้หน่อย”

 

พอพูดจบ หยางโปก็หยิบหยกขาวแกะสลักออกมาจากกระเป๋าแล้วยืนให้

 

ชายชุดเขียวเหลือบมองแล้วเงยหน้าพูด “ ผมไม่แม้แต่จะมองดูสิ่งของทางโลกพวกนี้ คุณไม่ต้องเอามันออกมา มันเป็นการดูหมินผมชัดๆ!”

 

หยางโปถึงได้มั่นใจ ” พวกเราไปกันเถอะ“

 

ในระหว่างที่ชายชุดเขียวภาคภูมิใจอยู่นั้น ก็ได้ยินหยางโปกําลังจะจากไป ทันใดนั้นก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ คุณมีกระจกบานหนึ่งอยู่กับตัว !”

 

หยางโปตะลึงงันอีกครั้ง เขาหยุดสาวเท้า แต่ไม่ได้หันกลับไป ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกจับได้

 

แต่เขาก็รู้ตัวทันที กระจกแสงจันทร์ถูกเขาเก็บไว้ในกล่อง ไม่ได้นําออกมาเลยด้วยซ้ํา

 

อีกฝ่ายมองเห็นได้ยังไงกัน ?

 

หยางโปรู้สึกสงสัย เขาจึงหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย “ กระจกอะไร ?”

 

“ กระจกแสงจันทร์ ” ชายชุดเขียวกล่าว

 

หยางโปหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง และค่อนข้างลังเล มีไม่กี่คนที่รู้ความลับของกระจกแสง จันทร์ของเขา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสัมผัสมันอย่างใกล้ชิดได้ นั่นคือเยว่จวิ้นเหยา กล่าวคือ

 

อีกฝ่ายรู้จักเยว่จวิ้นเหยา อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกันอีกด้วย!

 

“ เอาล่ะ อย่าไปสนใจเขาเลย !” หลูตงซิงเร่งเร้า

 

หยางโปส่ายหน้า หันหลังเดินกลับไป เขายื่นมือออกไป “ ผมหยางโป”

 

ชายชุดเขียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่รู้วิธีจับมือ แต่เขาก็ยังคงยื่นมือออกไปให้ “ ผมโจวซิน”

 

ในเวลานี้ กลับเป็นหลูตงซิงที่เป็นฝ่ายตกตะลึง เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าหยางโปคงไม่ทําอย่างนี้โดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน

 

จากที่มีสองคนก็เปลี่ยนมาเป็นสามคน โจวซินดูเหมือนจะคุ้นเคยและคุยโวไม่หยุด

 

ทางด้านหยางโป และหลูตงซิงก็นั่งฟังอยู่ด้านข้าง

 

เมื่อมาถึงโรงแรม หลูตงซิงก็ลากหยางโปไปอีกด้าน “ นี่ใครกัน ? “

 

“ ผมไม่รู้จัก ! ” หยางโปตอบ

 

หลูตงชิงตกตะลึง “ คุณไม่รู้จัก แล้วคุณจะพาเขากลับมาทําไม? ”

 

หยางโปจึงอธิบายไปว่า ” เขารู้จัก เยว่จวิ้นเหยา น่าจะเป็นเยว่จวิ้นเหยาที่แนะนําเขาให้มาหาผม

 

หลูตงซิงดูไม่ค่อยเข้าใจ “ เป็นไปได้ยังไง เขารู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่?”

 

“ คุณยังจํา อวี่เหวินได้ไหม ? ” หยางโปเอ่ยขึ้นมา

 

หลูตงชิง ตกตะลึงไปในทันที เขาก็รู้จักอวี่เหวินเช่นกัน และรู้ดีว่าอวี่เหวินมีความสามารถในการทํานาย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เงียบไปเล็กน้อย

 

ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเข้าไปในห้อง ในที่สุดหยางโปก็กําจัดโจวซินออกไปได้สักที เขากลับไปที่ห้อง ทําความสะอาดเนื้อตัวเล็กน้อย และหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา แค่นึกขึ้นมาได้ว่าโจวซินอาจจะอยู่รอบๆนี้ เขาก็เกิดอาการลังเลขึ้นแต่ถึงยังไงซะ ท้ายที่สุดแล้วก็วางกระจกแสงจันทร์ไว้ใต้ขอบหน้าต่างอยู่ดี

 

หยางโปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรหาฮัวชิงหยุน

 

โทรศัพท์เพิ่งดังขึ้นก็โทรติด มีเสียงฮัวชิงหยุนร้องไห้ดังมาตามสายอย่างรวดเร็ว

 

* หยางโป นายอยู่ที่ไหน !”

 

หยางโปตกตะลึง ” เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? เธออยู่ที่ไหน?”

 

ฮัวชิงหยุนกล่าวว่า ” ฉันอยู่ที่บ้าน:

 

ลู่เจียเฟยแย่งโทรศัพท์แล้วพูดอย่างรวดเร็ว “ หยางโป เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าฉันว่าให้นายนะ นายอดทนหน่อยไม่ได้หรือไง ? ชิงหยุนยังเด็ก ยังไม่รู้เรื่อง เธอเพียงต้องการช่วยเพื่อนตัวเองเพราะความคิดที่ใสซื่อ แต่นายไม่สามารถอดทนที่จะเตือนเธอหน่อยหรือไง ?”

 

หยางโปรู้สึกสับสน “ ที่จริงเป็นผมเองที่ทําไม่ดีคุณเอาโทรศัพท์ให้เธอหน่อยสิ”