บทที่ 266 พาลาเต้ออกไป

รักหวานอมเปรี้ยว

“ถูกต้อง!” เปปเปอร์พยักหน้า “ฉันเป็นโรคหัวใจเพราะรับกรรมพันธุ์มาจากแม่ฉัน และกรุ้ปเลือดแล้วก็พื้นฐานสุขภาพของร่างกายของฉันกับแม่ฉันพิเศษมาก ดังนั้นจึงหาอวัยวะที่เหมาะสมได้ยากมาก แม่ฉันหาไม่เจอดังนั้นเลยเสียชีวิตไป และท่านย่าก็เสาะหาหัวใจที่เหมาะสมให้กับฉันตั้งแต่ฉันยังเด็กมาก หามาตลอดยี่สิบกว่าปียังหาไม่เจอ แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะตายหัวใจดวงนี้ก็ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่ามีมันผิดปกติ”

ตอนแรก เขาคิดว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่รอจนได้หัวใจมา

แต่ว่าเมื่อกี้ตอนที่ได้ยินส้มเปรี้ยวบอกว่าหัวใจเป็นของโอเว่น เขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นจึงถามถึงวันที่โอเว่นเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะ วันที่สิบเดือนเก้า

และวันที่เขาผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจคือวันที่สิบสี่

ห่างจากกันสามวัน สามวันนั้น โอเว่นยังมีชีวิตอยู่

ดังนั้นเขาแปลกใจมาก เพราะอะไรโอเว่นถึงได้เกิดเรื่องตอนที่ถึงกำหนดเส้นตายสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจของเขาพอดี และยังบังเอิญขนาดที่ว่า หัวใจเข้ากันกับเขาได้

ดังนั้นในนี้จะต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน!

ผู้ช่วยเหมันตร์ก็นึกถึงสิ่งเหล่านี้เช่นกัน สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “ประธานเปปเปอร์ คงไม่ใช่ว่าโอเว่นถูกส้มเปรี้ยว……”

“ไม่รู้ ดังนั้นภารกิจต่อไปของนายก็คือการสืบหาการตายของโอเว่น ตกลงว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฝีมือคนกันแน่” เปปเปอร์นวดตรงขมับ “อีกอย่าง ถามอีธานอีกครั้งว่าเขารู้หรือเปล่าว่าหัวใจของน้องชายอยู่ที่ฉัน”

“ครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้ารับคำ

ไม่ช้า ก็ถึงเทนเดอร์กรุ๊ป

เปปเปอร์ลงจากรถ เดินเข้าไปในห้องโถง

ชั้นบนสุด เลขาซินดี้เคาะประตูห้องทำงานของมายมิ้นท์

มายมิ้นท์กำลังหารือกับลาเต้เกี่ยวกับการจัดส่งในไตรมาสหน้า ได้ยินเสียงเคาะดังขึ้นมา ตะโกนขึ้นมาว่า: “เข้ามา!”

เลขาซินดี้ผลักประตูเข้ามา เห็นว่าลาเต้ก็อยู่ด้วย สายตาเป็นประกายขึ้นมาครู่หนึ่ง ไม่ช้าก็กลับมาทำท่าทางแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัวตามปกติ เดินไปหยุดอยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานของมายมิ้นท์ “ประธานมายมิ้นท์ ประธานเปปเปอร์ต้องการพบคุณ”

“ใครนะ?” มายมิ้นท์ยังไม่ทันพูดอะไร ลาเต้ก็ชิงระเบิดก่อน ถามด้วยสีหน้าไม่ดี “เมื่อกี้คุณพูดว่าใครต้องการพบยาหยีนะ?”

“ประธานเปปเปอร์ของนวบดินทร์กรุ๊ปค่ะ” ซินดี้ตอบกลับ

ลาเต้ตบโต๊ะ “แม่ง เขามาทำอะไร?”

มายมิ้นท์ก็มองดูเลขาซินดี้

เลขาซินดี้ส่ายหน้า “รายละเอียดไม่รู้ค่ะ คำตอบของแผนกต้อนรับคือ ประธานเปปเปอร์มีธุระจะคุยกับประธานมายมิ้นท์ค่ะ”

“ฮึ ไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรแน่นอน ยาหยี คุณอย่าหลงเชื่อเด็ดขาดนะ” ลาเต้รีบเกลี้ยกล่อม

มายมิ้นท์ยิ้มออกมา “วางใจเถอะ ฉันรู้ขอบเขตอยู่”

พูดไป เธอก็หันกลับมามองเลขาซินดี้ใหม่อีกครั้ง “ไปตอบกลับไปว่าฉันไม่พบ!”

“ได้ค่ะ” เลขาซินดี้พยักหน้า

ในที่สุดลาเต้ก็ดีใจแล้ว ยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้กับมายมิ้นท์ “ยาหยี ทำได้ดี มาให้แฟนเธอหอมแก้มทีหนึ่ง!”

เขาทำปากจู๋ขึ้นมา แกล้งทำท่าจะหอมไปที่แก้มมายมิ้นท์

มายมิ้นท์กลอกตาใส่ ตบไปที่หน้าของเขาเบาๆ แล้วผลักหน้าของเขาออก “เลิกเล่นได้แล้ว จริงจังหน่อย!”

ลาเต้ลูบใบหน้าที่ถูกเธอสัมผัส หัวเราะเหอะๆขึ้นมา

ซินดี้ที่ยังออกไปไม่พ้นห้องเห็นฉากนี้เข้า สายตาขรึมลงเล็กน้อย หลังจากฝืนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้ว ก็ผลักประตูออกไป ไม่หันมามองอีก

มองให้มากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ไม่อาจได้ในสิ่งที่ต้องการ มีแต่จะทำให้ใจตัวเองทรมานมากขึ้นไปอีก

ห้องโถงชั้นหนึ่ง พนักงานต้อนรับวางหูโทรศัพท์พื้นฐานลง ยิ้มให้เปปเปอร์อย่างเกรงใจ “ขอโทษด้วยค่ะประธานเปปเปอร์ ประธานมายมิ้นท์บอกว่าไม่พบคุณค่ะ”

“ประธานเปปเปอร์ ผมเดาถูกจริงๆด้วย” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดกับเปปเปอร์ด้วยรอยยิ้ม

เปปเปอร์ใช้หางตามองดูเขาอย่างเย็นชา

เขารีบร้อนเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ทำท่ารูดซิปตรงปาก เป็นการแสดงว่าตัวเองไม่พูดแล้ว

เปปเปอร์ถึงได้มองกลับมา ย่างเท้าเดินไปทางลิฟต์

พนักงานต้อนรับเห็นดังนั้น ตอนแรกก็ชะงักก่อน จากนั้นก็รีบตามเข้าไป “ประธานเปปเปอร์ ไม่มีการนัดหมาย คุณไม่สามารถขึ้นไปได้นะคะ!”

เปปเปอร์ทำเป็นหูทวนลม เดินไปข้างหน้าต่อ

พนักงานต้อนรับเห็นว่าขวางเขาเอาไว้ไม่ได้ เตรียมจะเรียกรปภ.

จู่ๆผู้ช่วยเหมันตร์ก็หยุดฝีเท้าหันหลังกลับมา “สุภาพสตรีท่านนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะกล้าเรียกรปภ. แล้วรปภ.พวกนั้นกล้ามาไล่ประธานเปปเปอร์ไหม?”

“ฉัน……”พนักงานต้อนรับสะอึกไป

ใช่แล้ว เธอกล้าเรียกรปภ. แต่รปภ.ก็ไม่กล้าไล่คนจริงๆ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นถึงประธานเปปเปอร์แห่งนวบดินทร์กรุ๊ป ล่วงเกินประธานเปปเปอร์ ไม่มีผลดีต่อพวกเขาอย่างแน่นอน

และพวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจเลยว่าประธานมายมิ้นท์ จะยอมขัดแย้งกับประธานเปปเปอร์เพื่อพวกเขา

ราวกับจะมองออกว่าพนักงานต้อนรับกำลังกังวลกับอะไรอยู่ ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นตาแล้วยิ้มออกมา “วางใจเถอะ พวกเราเป็นคนบุกขึ้นไปเอง ไม่ใช่พวกคุณไม่ขวาง คุณมายมิ้นท์ไม่ถือโทษโกรธพวกคุณหรอก”

พูดจบ เขารีบวิ่งตามไปทางเปปเปอร์ทันที

หนึ่งนาทีผ่านไป ก็ถึงห้องทำงานมายมิ้นท์

ประตูเปิดออกครึ่งหนึ่ง เปปเปอร์เคาะประตู

มายมิ้นท์นึกว่าเป็นเลขาซินดี้ เลยเอ่ยปากให้เข้ามา

เปปเปอร์ได้ยินเสียงของเธอ หว่างคิ้วค่อยๆคลายลง ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

มายมิ้นท์ยื่นเอกสารให้กับลาเต้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น เตรียมจะถามเลขาซินดี้ว่ามีเรื่องอะไรอีก

แต่แล้วคิดไม่ถึงว่า คนที่เห็นไม่ใช่เลขาซินดี้ แต่เป็นเปปเปอร์

มายมิ้นท์อึ้งไปสองวินาที จากนั้นคิ้วสวยก็ขมวดขึ้นมา “ทำไมถึงเป็นคุณ?”

“ใครน่ะ?” ลาเต้ก็เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร แค่เห็น สีหน้าก็ขรึมลงมาในทันที “คนตระกูลนวบดินทร์ ทำไมแกถึงขึ้นมาได้?”

เขาโยนเอกสารทิ้งแล้วชี้ไปที่เปปเปอร์ “ยาหยีบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่พบแก? ทำไมพนักงานต้อนรับพวกนั้นยังปล่อยให้แกขึ้นมาได้?”

“คุณลาเต้ครับ ไม่เกี่ยวกับพนักงานต้อนรับครับ เราขึ้นมากันเอง พนักงานต้อนรับขวางไม่อยู่” ผู้ช่วยเหมันตร์อธิบายด้วยรอยยิ้มเกรงใจ

“เหมันตร์!” สายตาเปปเปอร์จ้องไปที่มายมิ้นท์ ออกคำสั่งกับผู้ช่วยเหมันตร์ว่า: “พาลาเต้ออกไป”

“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า

ลาเต้โมโหจนหัวเราะออกมา “เปปเปอร์ แกนึกว่าแกเป็นใคร ยังจะให้คนพาฉันออกไป แกทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ…เย็ดแม่ง……”

เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกผู้ช่วยเหมันตร์ล็อกแขนทั้งสองข้างเอาไว้จากด้านหลัง

ในขณะที่ผู้ช่วยเหมันตร์ถอยหลังพร้อมกับลากเขาไปทางประตู ก็เกลี้ยกล่อมเขาด้วยรอยยิ้มว่า: “พอเถอะคุณลาเต้ อย่าโวยวายเลย เราออกไปก่อนเถอะ”

“แม่ง ใครโวยวายวะ มึงแม่งปล่อยกูเลยนะ!” ลาเต้คำรามด้วยความโกรธจนหน้าแดงไปถึงหู

เขาโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยถูกคนปฏิบัติด้วยแบบนี้มาก่อน ไม่เพียงทำลายภาพลักษณ์ของเขาต่อหน้ายาหยี ยังทำความเป็นลูกผู้ชายของเขาหายไปจนหมด

ผู้ช่วยเหมันตร์ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของลาเต้ ลากตัวเขาไปยังประตูต่อไป

ลาเต้โกรธจนทั้งถีบทั้งเตะ “ไอ้เหมันตร์ ทวดมึงสิ มึงแม่งรีบปล่อยกูเลยนะ ไม่อย่างนั้นกูจะให้มึงเจอดีแน่”

ให้เขาเจอดี?

ผู้ช่วยเหมันตร์ก้มหน้ามองรูปร่างของลาเต้ครู่หนึ่ง แล้วก็เบะปากอย่างดูแคลน

ช่างเถอะน่า ตัวเล็กแค่นี้ เขาคนเดียวสู้ได้เป็นสิบ ไม่มีภัยคุกคามต่อเขาได้อย่างสิ้นเชิง ลากต่อไป!

“ยาหยี……” เห็นว่าใกล้จะถึงหน้าประตูแล้ว ในที่สุดลาเต้ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้ และความจริงที่ว่าผู้ช่วยเหมันตร์ก็จะไม่ปล่อยเขาแน่ มองมายมิ้นท์ด้วยหน้าตาน่าสงสาร ให้มายมิ้นท์ช่วยเขา

ในที่สุดมายมิ้นท์ก็ตอบสนองกลับมา รีบลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงาน เตรียมจะเข้าไปช่วยคน

แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวกี่ก้าว ก็ถูกเปปเปอร์คว้าแขนเอาไว้

มายมิ้นท์ถูกบังคับให้หยุดลงมา จ้องมองไปที่เปปเปอร์ด้วยความโกรธ “คุณจะทำอะไร?”

“อย่าไป!” ริมฝีปากบางของเปปเปอร์เปิดออกช้าๆ พูดสองคำออกมา

มายมิ้นท์ไม่ฟังเลย ใช้แรงในการสะบัดแขน ต้องการจะสะบัดมือของเขาออก

แต่เขาจับเอาไว้แน่นมาก เธอสะบัดไม่ออกเลย

ไม่มีหนทาง มายมิ้นท์ได้แต่ใช้นิ้วแยกมือของเขาออกอีก

แต่ตอนที่มือของเธอ เพิ่งจะสัมผัสถูกตัวเขา มือก็ถูกมือใหญ่อีกข้างหนึ่งของเขาจับเอาไว้ และโอบอุ้มไว้ในฝ่ามืออย่างแน่นหนา

มายมิ้นท์เห็นว่านั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ไหว โกรธจัดในใจขึ้นมา นานพักใหญ่ถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วสงบสติอารมณ์ลงมา “ได้ ฉันไม่เข้าไป งั้นคุณก็ผู้ช่วยเหมันตร์ปล่อยเต้ไปซะ”

“ไม่ได้ เขาอยู่ที่นี่ จะส่งผลต่อการคุยกันของเรา” เปปเปอร์ตอบขณะมองดูเธอ

“คุณ……” มายมิ้นท์โกรธจนกัดริมฝีปาก สุดท้ายก็ต้องทนดูผู้ช่วยเหมันตร์ลากตัวลาเต้ออกไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้