ตอนที่ 707 คนควรมาก็มาแล้ว คนไม่ควรมาก็มาแล้วเช่นกัน / ตอนที่ 708 การใช้ทายาทในการข่มขู่

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 707 คนควรมาก็มาแล้ว คนไม่ควรมาก็มาแล้วเช่นกัน

 

 

บนท้องพระโรงในวันนี้ดูเหมือนจะแตกต่างกับยามปกติมากนัก คนที่ควรมาก็มาแล้ว

 

 

ส่วนคนที่ไม่ควรมา…

 

 

ซูหลีกวาดสายตามองไปที่ฉินมู่ปิงที่ยืนเอ้อระเหยลอยชายอยู่ข้างฉินม่อโจว

 

 

ได้ยินมาว่าฉินมู่ปิงก่อความวุ่นวาย จนถูกขุนนางฝ่ายบุ๋นฟ้องร้อง วันนี้เขาจึงถูกฮ่องเต้เรียกให้เข้าเฝ้า

 

 

ซูหลีผงะไปวูบหนึ่ง จากนั้นจึงไม่ได้สนใจเขานัก

 

 

นางหันกลับมามองฉินลิ่วที่สวมชุดทหารทั่วไปที่ยืนอยู่ด้านนอกของตำหนัก

 

 

ฉินลิ่วสบตากับนางปราดหนึ่ง จากนั้นจึงผงกศีรษะให้แก่เขา

 

 

ซูหลีเก็บสายตาของตนกลับมา เป็นประจวบที่ฮ่องเต้เสด็จมาถึงที่นี่พอดี ขุนนางทุกคนจึงทำความเคารพฮ่องเต้

 

 

“มีเรื่องก็รายงาน หากไม่มีเรื่องก็จบการว่าราชกิจ!” น้ำเสียงของฉินเย่หานดังก้องกังวานไปทั่วทั้งตำหนักอวิ๋นเซียว

 

 

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องรายงานพ่ะย่ะค่ะ” บนท้องพระโรงมีเพียงไม่กี่คนที่เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก และหนึ่งในนั้นก็คือซูหลีผู้ซึ่งเอ่ยประโยคนี้ออกมาเป็นคนแรก

 

 

ซูหลียังไม่ทันได้ออกมายืน เสียงก็มาก่อนตัวแล้ว

 

 

และในเวลานี้ทุกคนต่างแหงนศีรษะมองทางนาง

 

 

เพราะว่าใบหน้าของนางเผยความเย็นชาออกมา บนใบหน้าจิ้มลิ้มขาวลออมีความเคร่งขรึมที่พบได้น้อยครั้ง

 

 

นางได้รับราชโองการให้ไปตรวจสอบเรื่องนั้น ในใจของหลายลายคนนั้นทราบดี ในเวลานี้เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ทุกคนต่างมองนางอย่างห้ามไม่ได้ เรื่องนั้นมีความคืบหน้าอะไรแล้วหรือ

 

 

“พูดมา” ฉินเย่หานที่อยู่เบื้องบนมีสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์

 

 

“กระหม่อมได้รับราชโองการให้ตรวจสอบเรื่องของผงฝิ่น บัดนี้ดูเหมือนจะมีเค้าเรื่องแล้ว กระหม่อมส่งคนไปแฝงตัวดูอยู่หลายวัน ในที่สุดก็จับตัวการจากหลังม่านได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีพูดจบก็แหงนศีรษะขึ้นมา สายตาของนางกวาดไปทั่วท้องพระโรงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า

 

 

“เพียงแต่กระหม่อมนึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเป็นคนของราชสำนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นกระหม่อมมิกล้าจัดการอย่างส่งเดชพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

คำพูดของซูหลี เสมือนโยนหินลงไปในผิวน้ำที่นิ่งสงบมิปาน ทั้งท้องพระโรงก็ครึกครื้นขึ้นมาทันใด

 

 

นึกไม่ถึงว่าขุนนางของราชสำนักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย!

 

 

ป๋ายไต้ซือที่จ้องมองซูหลีมาตั้งแต่เดินเข้ามาในตำหนัก หลังจากได้ยินคำพูดของซูหลีแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างห้ามมิได้

 

 

ทว่าซูหลีกลับก้มหน้าก้มตา แสดงท่าทีที่นอบน้อม ไม่แม้แต่จะส่งสายตาให้เขาสักนิด

 

 

ในขณะเดียวกันผู้ที่ยืนอยู่ในแถวของขุนนางของราชสำนักนั้นยังมีซูไท่

 

 

ซูไท่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ซูหลีจะเผยเรื่องนี้ออกมา เขามองไปทางป๋ายไต้ซืออย่างอดไม่ได้ จึงเห็นใบหน้าเขียวคล้ำของป๋ายไต้ซือ

 

 

ในเวลานี้หัวใจของซูไท่เต้นกระหน่ำอย่างห้ามไม่ได้ เรื่องในวันนี้ซูหลีคงจะมีความมั่นใจอะไรบางอย่างกระมัง

 

 

หากไม่มีความมั่นใจ อาจถูกอีกฝ่ายโต้แย้ง เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางเป็นเรื่องที่ดีแน่แท้

 

 

“ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้มิใช่ใครอื่น ดังนั้นก็คือติ้งอันโหว เสิ่นฉางชิง” ทางด้านซูหลีกลับเอ่ยชื่อของเสิ่นฉางชิงออกมาโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนไป

 

 

ทันทีที่คำพูดเอ่ยถูกออกมาออกมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยรอบก็ดังกระหึ่มขึ้นกว่าเดิม

 

 

“ใต้เท้าฉิน รบกวนเจ้านำคำพูดนั้นเข้ามา” ซูหลีหันไปด้านข้างและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

“ขอรับ” หลังจากฉินลิ่วที่อยู่ด้านนอกได้ยินคำพูดของนางเขาก็ขานรับ จากนั้นทุกคนก็มองที่เสิ่นฉางชิงที่มีใบหน้าซีดขาว เขาสวมอาภรณ์ตัวยาวสีเทาและถูกคนผลักร่างเข้ามา

 

 

ฝีเท้าของเขาโซซัดโซเซ ใบหน้านั้นเปรอะเปื้อนดูสกปรกเป็นอย่างมาก ดูแล้วช่างจนตรอกโดยแท้

 

 

ในความทรงจำของคนเหล่านี้ เสิ่นฉางชิงนั้นเป็นบุคคลที่สง่ามาโดยตลอด แต่ก่อนยามที่ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งตำแหน่งโหว เขายังเป็นคนดังของราชสำนัก ทว่าไยผ่านไปถึงสองปี เขาถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้

 

 

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เสิ่นฉางชิงทราบดีว่า เขาหนีไม่รอดแล้ว ดังนั้นทันทีที่เดินเข้ามาในท้องพระโรงก็คุกเข่าลงในทันที

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 708 การใช้ทายาทในการข่มขู่

 

 

พระพักตร์ของฮ่องเต้ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ไม่แม้กระทั่งจะแลพระเนตรมองเขา

 

 

“ใต้เท้าเสิ่น สบายดีหรือไม่” ทันทีที่ซูหลีเห็นเขาเข้ามา ก็ยกยิ้มให้กับเขาครู่หนึ่ง

 

 

เสิ่นฉางชิงเห็นรอยยิ้มของซูหลีแล้ว ใบหน้าก็ย่นมู่ทู่ทันที

 

 

หากให้พูดว่าบัดนี้เขา เกลียดใครมากที่สุด คนผู้นั้นต้องเป็นซูหลีอย่างแน่นอน

 

 

คนผู้นี้ทำให้เขาร่วงหล่นลงมาจากตำแหน่งอย่างสาหัส จนต้องกลายเป็นเช่นนี้!

 

 

“ซูหลี!!!” เสิ่นฉางชิงนอนไม่สบายตลอดทั้งคืน เป็นเพราะในฝันของเขามีแต่ใบหน้าของหลี่จื่อจินในอดีตและซูหลีพัวพันเต็มไปหมด!

 

 

เสิ่นฉางชิงนั้นรู้สึกเสียดายโดยแท้ แม้เขาจะรู้ว่าซูหลีรู้จักหลี่จื่อจิน เขาก็ควรจะหาวิธีจัดการกับซูหลีตั้งแต่ต้นแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้

 

 

“ท่านโหวมีเสียงเพียงพอขนาดนี้ ดูเหมือนจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำไมรึ ท่านโหวเตรียมสารภาพผิดแล้วหรือ” ซูหลีนั่งยองๆลงตรงหน้าเขา ดวงตาที่ดำลุ่มลึกคู่นั้นมีประกายวูบไหว

 

 

กอปรกับใบหน้าที่งดงามของนาง กลับให้ความมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

 

 

แน่นอนว่า ในสายตาของผู้อื่นนั้นเป็นความงาม ทว่าในสายตาของเสิ่นฉางชิงกลับมิต่างอะไรกับปีศาจที่จ้องเอาชีวิตคน โดยเฉพาะยามที่ซูหลีเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่าในรอยยิ้มนั้นมีกลิ่นอายข่มขู่จำนวนมาก

 

 

“ซูหลี เจ้าให้คนพาข้ามาที่นี่ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะแว้งกัดเจ้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หรือ” เสิ่นฉางชิงเห็นท่าทางของซูหลี พลันรู้สึกไม่สมัครใจ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้นกลับมองเขาด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นางพลันยกมือจัดคอเสื้อของเขาแล้วเอ่ยว่า

 

 

“ดูสิ ข้ารับใช้เหล่านี้ช่างเหิมเกริมนัก จะพูดอย่างไรท่านก็เป็นถึงขุนนางตำแหน่งโหว ไยเขาถึงปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ได้” มือขาวดุจหิมะของนางสัมผัสที่คอเสื้อที่สกปรกของเสิ่นฉางชิง จนดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

 

 

เสิ่นฉางชิงขมวดคิ้วจ้องมองนาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต

 

 

“ขอเพียงเจ้าพูดออกมา อยากพูดอะไรก็พูดออกมา ทว่าข้าขอเตือนสติเจ้าประโยคหนึ่ง…” จากนั้นซูหลีก็เข้าไปใกล้เสิ่นฉางชิง แล้วใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกับเพียงสองคนแล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา

 

 

“เจียงโม่อวี้ และยังมีบุตรชายตัวน้อยที่นางให้กำเนิดถูกรับไปอยู่ในจวนของข้าแล้ว”

 

 

เสิ่นฉางชิงได้ยินดังนั้น จึงมองนางด้วยสายตาเหลือเชื่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

 

เขารู้ดีว่าวันนี้อย่างไรก็หนีความตายไปไม่ได้ ทว่าเขาก็ยังไม่ยินยอมใจ และไม่ต้องการให้ซูหลีอยู่ดีมีสุข

 

 

ทว่าเขานึกไม่ถึงว่า ซูหลีจะสั่งให้คนจับตัวเจียงโม่อวี้และบุตรของเขาเอาไว้

 

 

“ข้ารู้ดีว่าท่านโหวใจคอโหดเ**้ยม อย่างไรก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง แม้ตายไปก็ยังมีสตรีใต้หล้าอีกมากมาย ทว่าข้าขอเตือนเจ้าประโยคหนึ่ง วันนี้อย่างไรเจ้าก็ต้องตาย เด็กคนนั้นที่เจียงโม่อวี้ให้กำเนิดเพื่อเจ้านั้น ก็เป็นทายาทคนสุดท้ายของสกุลเสิ่นแล้ว”

 

 

“เจ้าคิดให้ดีก็แล้วกัน” ซูหลีพูดจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ หางตาของนางมีความชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูก

 

 

คนผู้นี้เป็นเสมือนยาพิษโดยแท้ ยามที่ยิ้มก็สามารถดึงพลังชีวิตของผู้อื่นไปได้!

 

 

มีความอันตรายอย่างร้ายแรง และมีความยั่วยวนอย่างไม่อาจพรรณนาได้

 

 

ฉินมู่ปิงที่ยืนอยู่ข้างฉินม่อโจว กลับเห็นการกระทำของซูหลีอย่างชัดเจน เพียงแต่นางเจตนาพูดเสียงเบา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน

 

 

ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของนางนั้น กลับให้ความรู้สึกงดงามจนน่าตื่นใจ

 

 

ทำให้ในเวลานี้เขาไม่อยากจะละสายตาออกจากนาง

 

 

“ทูลฝ่าบาท ผู้จัดการร้านขายของเก่าได้สารภาพแล้วว่า เขาได้รับคำสั่งจากเสิ่นฉางชิงให้กระทำเรื่องนี้ นี่เป็นคำให้การของผู้จัดการร้านพ่ะย่ะค่ะ”