ภาคที่ 4 ตอนที่ 146 เรื่องจบเรื่องเริ่ม

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

ฝนฤดูใบไม้ร่วงตกเปาะแปะๆ มาครึ่งเดือน ในที่สุดก็หยุดแล้ว ทว่าศาลไต่สวนในที่วาการอำเภอยังคงดำเนินต่อไป

 

เสียงของเจี่ยงซื่อซานแม้ไม่หยุดมาครึ่งวันแล้วก็ยังคงไม่มีความเหนื่อยล้าสักนิด

 

“ร้ายกาจจริงๆ” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ย แม้ถ้อยคำที่พูดไม่ถึงครึ่งของเจี่ยงซื่อซาน แต่ในเสียงก็ยากปิดบังความเหนื่อยล้า “เขาไม่เหนื่อยเลยรึ”

 

ฟางอวิ๋นซิ่วยกชาให้นางด้วยตนเอง สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยทั้งยังวิตก

 

“ท่านแม่ถ่อมตัวจริงๆ” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย “ตอนนั้นท่านแม่ตรวจสอบบัญชีสิ้นปี คนเดียวเผชิญหน้าผู้ดูแลใหญ่ยี่สิบสี่คนจากสิบสามเมือง ไม่เป็นรองจูเก๋อเลี่ยงโต้คารมเหล่าปราชญ์ครั้งกระโน้น”

 

นายหญิงใหญ่ฟางหัวเราะแล้ว

 

“ไม่กล้า วีรบุรุษไม่เอ่ยถึงผู้กล้าในอดีต” นางเอ่ยขึ้น “ตอนนั้นข้ามีท่านย่าของเจ้าหนุนหลัง”

 

พูดถึงตรงนี้พลันมองบุตรสาวสองคนรวมถึงคุณหนูจวินที่นั่งอยู่ในห้องทีหนึ่ง

 

ฟางจิ่นซิ่วยังอยู่ในหยางเฉิง แต่ไม่เคยพบหน้านาง ยิ่งไม่มีทางนั่งรวมกับพวกนาง

 

“จะบอกว่าร้ายกาจ ข้าก็ร้ายกาจสู้พวกเจ้าไม่ได้” นายหญิงใหญ่ฟางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเอ่ย

 

นางปากเอ่ยว่าพวกนางร้ายกาจ แต่สายตาจับเพียงบนร่างคุณหนูจวิน

 

วันนี้นางรู้ความจริงของเรื่องราวแล้ว แม้ไม่โมโหบุตรสาวทั้งหลายอีก แต่ก็นับไม่ได้ว่าดีใจเท่าไร กระทั่งนางเองยังบอกไม่ชัดว่ารสชาติอันใด

 

แค่เพราะประโยคเดียวของคุณหนูจวินคนนี้ บุตรสาวสามคนบุตรชายหนึ่งคนไม่ลังเลสักนิด ไม่หารือกับที่บ้านสักนิดก็กล้าทำเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้ออกมา

 

สัญญาเมื่อตอนนั้นดูท่าคงเป็นจริงแล้ว นางรักษาชีวิตของเฉิงอวี่ได้ ทุกสิ่งที่เฉิงอวี่ควรได้จะประคองมอบให้

 

ตระกูลฟางแห่งนี้ เป็นของนางโดยสมบูรณ์แล้ว

 

“ที่จริงไม่มีสิ่งใดร้ายกาจไม่ร้ายกาจ” คุณหนูจวินมองไปหานาง “ก็แค่เลือกไม่ได้เท่านั้น”

 

นายหญิงใหญ่ฟางขานอ้อ

 

“แต่เลือกไม่ได้คือเลือกไม่ได้ ข้าคิดว่าข้าก็ร้ายกาจมาก” นางเอ่ย

 

ฟางอวี้ซิ่วหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว ฟางอวิ๋นซิ่วกับคุณหนูจวินงุนงงครู่หนึ่ง ฟางอวิ๋นซิ่วตอบสนองไม่ทัน คุณหนูจวินก็คิดไม่ถึงว่านายหญิงใหญ่ฟางจะเอ่ยวาจาเช่นนี้

 

“ท่านป้าพูดถูกต้อง บนโลกคนที่เลือกไม่ได้มากไป ทว่าไม่ใช่ทุกคนล้วนทำได้เช่นนี้อย่างท่านป้า” นางยิ้มละไมเอ่ย

 

ยิ้มนี้ทำให้บรรยากาศในห้องกลายเป็นกลมเกลียวมากนัก ด้านนอกเจี่ยงซื่อซานก็คล้ายคุยกับนายอำเภอรื่นเริงยิ่ง

 

บรรยากาศนี่ทำให้ฟางเฉิงอวี่ที่เดินเข้ามารอยยิ้มยิ่งกว้าง

 

“ท่านแม่ พี่สาวทั้งหลาย ลำบากแล้ว” เขาคำนับเอ่ย “เรื่องนี้จบได้แล้ว”

 

นายหญิงใหญ่ฟางมองมาทางเขา

 

“ไม่เป็นไรแล้วรึ?” นางเอ่ยถาม

 

“คนไปหมดแล้วขอรับ” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย

 

บทสนทนาของพวกเขาเรียบง่าย แต่ทุกคนล้วนเข้าใจว่าพูดอะไร เริ่มตั้งแต่พ่อค้ามาเอาเงินก็มีคนสอดแนมมากมายกระจายอย่ที่หยางเฉิงไปจนถึงในเขตเจ๋อโจว ตอนนี้คนเหล่านั้นในที่สุดล้วนจากไปแล้วหรือ?

 

ได้รับข่าวนี้ นายหญิงผู้เฒ่าฟางพลันโล่งอก แล้วท่าทางเศร้าอยู่บ้าง

 

“สิ่งที่ควรก็เอาไปแล้ว นับจากนี้สองฝ่ายก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” นางเอ่ย

 

เรื่องเงินเหล่านั้นถูกนางกับจูจั้นปล้นไป คนตระกูลฟางไม่รู้ คุณหนูจวินเบี่ยงกายยกชา มองเห็นฟางเฉิงอวี่กำลังมองนางอยู่

 

อืม ก็ไม่ใช่คนทั้งหมดของตระกูลฟางล้วนไม่รู้ คุณหนูจวินยิ้มให้เขา

 

ข้ออ้างที่นางไปไท่หยวนเชิญเจี่ยงซื่อซานปิดบังเขาไม่อยู่

 

แต่เรื่องนี้เดิมก็เป็นการเสี่ยง แม้จัดหาตัวปลอมยืมรถม้าปิดหน้าตบตา แต่กลบเกลื่อนได้ราบรื่นเช่นนี้ก็เหนือความคาดคิดเช่นกัน

 

หยวนเป่าขันทีคนเหล่านั้นบางทีอาจหลอกได้ องครักษ์เสื้อแพรของลู่อวิ๋นฉีเล่า?

 

บางทีครั้งนี้องครักษ์เสื้อแพรอาจไม่ได้จับจ้องนางอยู่? อย่างไรเรื่องเงินนี่ฮ่องเต้ก็ระวังอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ล้วนไม่ให้องครักษ์เสื้อแพรได้รู้

 

นี่ก็นับว่ามุดผ่านช่องว่างของฮ่องเต้เช่นกัน

 

“จิ่วหลิง?” เสียงของฟางเฉิงอวี่เอ่ยเรียก

 

คุณหนูจวินได้สติกลับมามองเขา

 

“ถ้าเช่นนั้นต่อไป…” นางเอ่ย

 

ฟางเฉิงอวี่หัวเราะคิกคักขัดนาง

 

“ถ้าเช่นนั้นเรื่องต่อไป จิ่วหลิงเจ้าก็ไม่ต้องสอดมือแล้ว” เขาเอ่ยพลางมองไปทางนายหญิงผู้เฒ่าฟาง “ท่านย่าออกหน้าก็พอ”

 

อย่างไรก็เป็นหลานนอกตระกูล หากให้นางออกหน้าจบเรื่องนี้ อนาคตนายหญิงผู้เฒ่าฟางที่หยางเฉิงคงยากเลี่ยงถูกคนล้อเป็นเรื่องตลก

 

คุณหนูจวินพยักหน้า

 

“ถ้าอย่างนั้นจิ่วหลิงเจ้ากลับเมืองหลวงก่อนเถอะ” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขัดนางอีกหน สีหน้าจริงจังอยู่บ้าง “เมืองหลวงด้านนั้น ข้ายังไม่วางใจ”

 

ไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้คว้าเงินไปไม่ได้ดั่งที่หวัง ต่อให้คว้าได้แล้ว เขาก็ไม่มีทางพอใจปล่อยวางเรื่องนี้ลงเช่นนี้

 

“เรื่องนี้ไม่ใช่จบ แต่เริ่มต้น” คุณหนูจวินเอ่ย

 

ก่อนหน้านี้ตระกูลฟางมีราชโองการมีเงินลับที่ไม่อาจเผยแก่โลกได้ นี่เป็นสิ่งผูกมัดฮ่องเต้ไว้ ตอนนี้สิ่งผูกมัดไม่มีแล้ว ฮ่องเต้คงกำเริบเสิบสาน

 

“ในบ้านด้านนี้เจ้าวางใจ พวกเราเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว” ฟางเฉิงอวี่ดวงตาเป็นประกายเอ่ย

 

คุณหนูจวินมองไปทางนายหญิงผู้เฒ่าฟาง

 

นายหญิงผู้เฒ่าฟางเหล่มองนางทีหนึ่ง

 

“ทำไม มีแค่เจ้าที่ร้ายกาจรึ?” นางเอ่ย

 

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว ลุกขึ้นคำนับผู้คนตระกูลฟางด้านในห้อง

 

“ไม่ พวกท่านล้วนร้ายกาจกว่าข้า” นางเอ่ย จริงจังทั้งยังจริงใจ

 

นางตายแล้วเกิดใหม่ถึงเดินมาถึงวันนี้ได้ เวลามากมายล้วนอาศัยนางรู้จักผู้อื่น ผู้อื่นไม่รู้จักนางถึงก้าวข้ามด่านยากมาได้ นี่เป็นความโชคดีที่สวรรค์ประทานให้นาง แต่สตรีทั้งหลายเหล่านี้ของตระกูลฟางกลับไม่มีข้อได้เปรียบเช่นนี้ พวกนางตัดสินใจเลือกอย่างไร้ความหวาดกลัวสักนิดในด่านยากสถานการณ์อันตรายหลายครั้งได้ถึงร้ายกาจอย่างแท้จริง

 

“ในเมื่อพวกเราล้วนร้ายกาจช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นยังมีสิ่งใดต้องกังวลอีกเล่า?” ฟางอวี้ซิ่วพลิกสองมือทีหนึ่งเอ่ย

 

……………………………………….

 

……………………………………….

 

ดังเช่นยามมาหนึ่งคนหนึ่งอาชา มีเพียงฟางจิ่นซิ่วไม่ได้จากไปด้วยกัน

 

“จิ่วหลิงไม่ต้องกังวล รอที่นี่วุ่นจบแล้ว ข้าจะให้คนส่งจิ่นซิ่วกลับไป” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย

 

คุณหนูจวินยังไม่ทันเอ่ยวาจา ฟางจิ่นซิ่วพลันปฏิเสธเด็ดขาด

 

“เฉินชีจ้างผู้คุ้มกันให้ข้าแล้ว” นางเอ่ย แล้วมองคุณหนูจวินทีหนึ่ง “เงินเจ้าออก”

 

คุณหนูจวินหลุดหัวเราะ พยักหน้า

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าไปก่อน” นางมองฟางเฉิงอวี่แล้วเอ่ยขึ้น

 

ฟางเฉิงอวี่ยื่นมือ บนหน้าเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจอาลัยอาวรณ์

 

จูจั้นที่อยู่ด้านข้างกระแอมทีหนึ่ง

 

“สายเล้วนะ” เขาเอ่ย

 

ฟางเฉิงอวี่กอดคุณหนูจวินท่าทางขัดใจอยู่บ้าง

 

“รีบเดินทางเถอะ รีบเดินทางเถอะ” แต่ปากเขากลับเอ่ยบอก

 

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว ตบปลอบเขาเบาๆ

 

ฟางเฉิงอวี่ปล่อยมือออกอย่างอาลัยอาวรณ์ คุณหนูจวินมองไปทางพวกฟางอวิ๋นซิ่วสามคนอีกหน

 

“เฮ้อ ไม่ต้องแล้ว” ฟางอวี้ซิ่วไม่รอนางเอ่ยวาจาก็รีบโบกมือ “ข้าไม่คุ้นชินกับการกอดคน”

 

คุณหนูจวินยังไม่ทันเอ่ยวาจา ฟางเฉิงอวี่พลันเอ่ยปากอย่างยิ่งดี

 

“ข้าทำแทนพี่รอง” เขาเอ่ยยื่นมืออีกครั้ง

 

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่า ฟางอวิ๋นซิ่วก็ปิดปากัวเราะ ก้าวเข้าไปย่อเข่าคำนับให้คุณหนูจวิน

 

“เดินทางปลอดภัย” นางเอ่ย

 

คุณหนูจวินอมยิ้มคำนับคืน

 

“รักษาตัวด้วย” นางเอ่ยตอบ

 

……………………………………….

 

……………………………………….

 

เงาคนบนถนนใหญ่มองไม่เห็นนานแล้ว ฟางเฉิงอวี่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิมมองอย่างตั้งใจ

 

ส่วนพวกฟางอวี้ซิ่วสามพี่น้องอยู่ด้านข้างคุยกัน

 

“กลับไปพักที่บ้านเถอะ ตอนนี้กลับไปได้แล้ว” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ย มองฟางจิ่นซิ่วด้วยสีหน้าทอดถอนใจ

 

ไม่พบหน้ากันเนิ่นนานแล้ว นอกจากนี้มาหยางเฉิงนานเช่นนี้ ทุกคนนอกจากพบหน้ากันครั้งสองครั้งในศาล ยังไม่เคยคุยกันดีๆ เช่นนี้

 

ฟางจิ่นซิ่วยิ้ม

 

“กลับไม่ได้” นางเอ่ยขึ้นมา

 

กลับไม่ได้ประโยคนี้ความหมายที่ซ่อนไว้ค่อนข้างทำให้คนเศร้าใจและจนปัญญา ฟางอวิ๋นซิ่วอดไม่ได้สีหน้าเศร้าหมอง

 

“เฮ้อ พี่ใหญ่ ท่านก็ให้นางพักโรงเตี๊ยมเถอะ” ฟางอวี้ซิ่วคล้องไหล่ฟางจิ่นซิ่วไว้ ขัดบรรยากาศที่หยุดชะงักไปนิดๆ “ผู้ดูแลใหญ่จิ่นซิ่ววันนี้รวยแล้ว นี่เป็นผ้าที่เป็นที่นิยมที่สุดของเมืองหลวงเชียวนะ? พวกเรายังไม่ทันซื้อมาได้เลย”

 

ฟางจิ่นซิ่วตวัดตามองนางทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง แต่กลับไม่ได้ผลักนางออก

 

ความเศร้าหมองของฟางอวิ๋นซิ่วสลายไป รอยยิ้มยิ่งอ่อนโยน

 

ต่อให้กลับไปไม่ได้แล้วอย่างไร พวกนางล้วนยังอยู่ดี ถ้าเช่นนั้นก็มองไปข้างหน้าก็พอแล้ว

 

“พวกเรากลับเถอะ” เสียงของฟางเฉิงอวี่ดังขึ้นด้านหลัง

 

ฟางอวี้ซิ่วขานอืม

 

“ยังคิดว่าเจ้ายังมองไม่พอแน่ะ” นางเอ่ยขึ้น

 

ฟางอวิ๋นซิ่วถลึงตาตำหนิฟางอวี้ซิ่วทีหนึ่ง

 

ฟางจิ่นซิ่วได้ยินเข้าก็หมุนตัวจะไป ฟางเฉิงอวี่กลับเรียกนางไว้

 

“มีเรื่องหนึ่งข้าอยากหารือกับพี่สาวทั้งหลายสักหน่อย” เขาเอ่ย

 

ทั้งสามคนล้วนมองเขา

 

“มีเรื่องอันใดเจ้าบอกมาก็พอแล้ว” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ยขึ้น

 

“หารืออะไร? แบ่งสมบัติตระกูลให้พวกเราหรือ?” ฟางอวี้ซิ่วยิ้มเอ่ยถาม

 

ก็พูดแล้วว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว ยังแบ่งสมบัติตระกูลอะไรอีก ฟางอวิ๋นซิ่วยิ้ม แต่นาทีต่อมารอยยิ้มของนางก็ชะงักไป

 

“ใช่แล้ว” ฟางเฉิงอวี่พยักหน้า สีหน้าจริงจัง “แต่พวกท่านต้องรับปากเงื่อนไขข้อหนึ่งของข้า”

 

“เงื่อนไขอะไร?” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยถาม

 

“พวกท่านต้องรับประกันว่า หากข้าตายไป ร้านแลกเงินของพวกท่านต้องเชื่อฟังคำพูดจิ่วหลิงเหมือนเช่นร้านแลกเงินของข้า” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย

 

พี่สาวน้องสาวตระกูลฟางสามคนสีหน้าตะลึง

 

……………………