DC บทที่ 349: โอสถเขตปฐพี

“ผู้อาวุโสหวัง แล้วเม็ดยาพวกนี้เรียกว่าอะไรรึ” บางคนถามเธอ

 

หวังชูเหรินครุ่นคิดชั่วขณะและกล่าวว่า “เพื่อนของข้ามิได้บอกชื่อให้ข้าว่าเม็ดยาพวกนี้เรียกว่าอะไรตอนที่ข้าได้รับพวกมัน ดังนั้นข้าจักขอเรียกพวกมันว่า โอสถเขตปฐพีนับแต่นี้ไป”

 

และเธอก็กล่าวต่อว่า “ในเมื่อตอนนี้ข้าได้แนะนำโอสถเขตปฐพีเหล่านี้แล้ว ในที่สุดพวกเราก็สามารถเริ่มการประมูลสุดท้ายสำหรับวันนี้ได้ ราคาเริ่มต้นของเม็ดยาแรกควรจะเป็น 100,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

แม้ว่า 100,000 ก้อนหินวิญญาณอาจจะดูเหมือนกับว่ามากมายนักสำหรับเม็ดยาเม็ดหนึ่ง แต่เพราะเม็ดยาเหล่านี้จะช่วยผู้ฝึกวิชาใดก็ตามเข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณและกลายเป็นผู้มีอำนาจในยุทธภพ

 

ในยุทธภพปัจจุบัน เหตุผลที่มันขาดผู้ฝึกวิชาในเขตปฐพีวิญญาณนั้นง่ายดายยิ่ง นั่นก็เพราะว่าไม่มีปราณไร้ลักษณ์มากเพียงพอในโลกนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าพวกเขาขาดพรสวรรค์ คนที่มีพรสวรรค์หลายคนมักจะไม่อาจก้าวต่อไปได้อีกหลังจากที่พวกเขาเข้าถึงจุดสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณเพราะว่าคอขวดตรงนี้ ที่เพียงสามารถผ่านไปได้ด้วยยาวิญญาณจำนวนมาก แต่ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ยังค่อนข้างต่ำ

 

อย่างไรก็ตามโอสถเขตปฐพีมีความสามารถในการช่วยผู้ฝึกวิชาเหล่านี้ข้ามผ่านคอขวดและเข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณด้วยการรับประกันความสำเร็จ ถ้าโอสถเขตปฐพีสามารถสร้างได้เป็นจำนวนมากต่อให้เพียงแค่สิบเม็ดทุกปีโลกก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของขั้วอำนาจและผู้ฝึกวิชาทุกคนก็จะมีขีดจำกัดใหม่ในยุทธภพ

 

“ถ้านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีเม็ดยาเหล่านี้ ผู้อาวุโสนิกายที่หยุดยั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณก็จักสามารถบรรลุเขตปฐพีวิญญาณได้ในที่สุด แต่น่าเสียดายต่อให้เราต้องการที่จะซื้อมัน เราก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะขั้วอำนาจในที่นี้ได้ และต่อให้ซูหยางยินดีที่จะซื้อพวกมันให้นิกายเราก็เพียงสามารถซื้อได้เพียงแค่หนึ่งเท่านั้น” โหลวหลานจีทอดถอนใจ

 

แม้ว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจะเปลี่ยนไปเป็นร่ำรวยมหาศาลหลังจากที่ได้รับทรัพย์สมบัติและคัมภีร์การฝึกฝนจากซูหยางที่ปลอมแปลงตัวแต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นเงินจนกว่าจะได้ขายพวกมัน ยิ่งไปกว่านั้นคัมภีร์การฝึกฝนนั้นจะมีประโยชน์ต่อนิกายมากกว่าในระยะยาว

 

“ผู้นำนิกาย ท่านต้องการโอสถเขตปฐพีพวกนี้บ้างรึ” ซูหยางอ่านสีหน้าเธอเหมือนกับเปิดหนังสือแล้วก็ถามขึ้น

 

“นั่นมิจำเป็นต้องพูดอย่างเป็นทางการเช่นนั้นในตอนนี้ ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นผู้นำนิกายเช่นกัน ซูหยาง เพียงแค่เรียกข้าว่าพี่สาว หรือผู้อาวุโสหลานจีก็พอ” เธอกล่าว

 

“เช่นนั้นข้าจักเรียกท่านเป็น หลานจี”

 

“เป็นทางการอีกสักนิดได้ไหม แต่ถ้านั่นทำให้เจ้าสบายใจมากกว่าเดิม…” เธอส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ว่าอย่างไร เจ้าจะซื้อให้นิกายสักเม็ดได้หรือไม่ นั่นจะเป็นการสนับสนุนนิกายครั้งแรกของเจ้าในฐานะผู้นำนิกาย”

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “นั่นมิจำเป็นต้องเสียเงินซื้ออะไรที่ข้าสามารได้มันมาฟรี”

 

โหลวหลานจีเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ฟรีรึ ต่อให้เจ้าใกล้ชิดกับหวังชูเหรินมาก นั่นก็มิใช่อะไรที่เจ้าสามารถได้มาจากการขอ เจ้ารู้ไหม ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจักได้รับยาชุดใหม่จากเพื่อนของเธอ”

 

“หรือว่าท่านลืมเรื่องคนหนึ่งหรือสองคนจากนิกายของเรา ท่านคิดว่าพวกเธอก้าวเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณด้วยความเร็วระดับนั้นได้อย่างไร”

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหยางเธอก็พลันรู้สึกตัว ดวงตาของโหลวหลานจีกลมโตด้วยความตระหนก

 

“ฟางซีหลานกับซุนจิงจิง นั่นหมายความว่าเจ้าช่วยพวกเธอก้าวเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณ”

 

“ถ้าเด็กสาวคนอื่นๆก้าวเข้าถึงระดับสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณ พวกเธอก็จักเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณได้ทันทีเช่นกัน” ซูหยางกล่าว

 

“เจ้า…เจ้า…เจ้า.. เจ้ามีโอสถเขตปฐพีมากเท่าไหร่กัน”

 

“ประมาณสิบกว่าเม็ดประมาณนั้น” เขาหัวเราะหึ

 

นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นถึงตัวตนที่แท้จริงของนักปรุงลึกลับคนนี้และเป็น “เพื่อน” สนิทของหวังชูเหรินเช่นกัน

 

ปากของโหลวหลานจีอ้าตกลงไปถึงพื้น “ถ้าเจ้ามีมากมายปานนั้นทำไมเจ้ามิแบ่งปันพวกมันให้กับผู้อาวุโสนิกายล่ะ นอกจากผู้อาวุโสเจ้าแล้วพวกเขาทั้งหมดต่างติดอยู่ที่ระดับสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณมาเป็นเวลาหลายปี ถ้าพวกเขาเข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณนั่นย่อมเป็นประโยชน์ต่อนิกายของเราอย่างมาก”

 

“ใจเย็นๆ” ซูหยางกล่าวอย่างสบายๆ “ต้องให้อยู่แล้วถ้าพวกเขาต้องการรับไปสักเม็ดเช่นกัน แต่ว่ามันจะดีกว่าถ้าพวกเขาได้รับเม็ดยาหลังจากที่มันปรากฏขึ้นมาในโลกนี้เป็นครั้งแรกแล้ว ซึ่งแตกต่างจากเหล่าศิษย์ พวกเขาจักต้องถามถึงสิ่งที่น่าสงสัยนี้อย่างแน่นอน และข้ามิต้องการที่จะไปยุ่งกับเรื่องเหล่านั้น”

 

“ข้าคิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุผลที่เจ้าพูดแบบนั้น…” โหลวหลานจีพยักหน้า

 

ถ้าเธอพลันให้ยาลึกลับที่มีผลอันน่ามหัศจรรย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก เธอก็ย่อมมีคำถามมากมายเกี่ยวกับมันอย่างแน่นอน

 

“ขอแสดงความยินดีกับตระกูลซีที่ได้รับโอสถเขตปฐพีเม็ดแรก” หวังชูเหรินประกาศหลังจากที่ผ่านการประมูลอย่างรุนแรงเป็นเวลาหลายนาที

 

“500,000 ก้อนหินวิญญาณสำหรับเม็ดยาเม็ดเดียว… นี่ถือว่าเป็นเม็ดยาที่แพงที่สุดในโลกนี้ที่สามารถซื้อได้ในขณะนี้” โหลวหลานจีสั่นสะท้านเพียงแค่เมื่อคิดพยายามจะซื้อมัน

 

ต่อให้ซูหยางพลันเปลี่ยนใจและปฏิเสธที่จะแบ่งปันโอสถเขตปฐพีให้กับผู้อาวุโสนิกาย เธอก็ไม่อาจจะบ่นได้อีกทั้งยังจะเข้าใจความรู้สึกของเขา

 

หลังจากนั้นสามสิบนาทีถัดไป ทั้งห้องประมูลก็ยิ่งปั่นป่วนในเมื่อผู้คนต่างพยายามแย่งชิงโอสถเขตปฐพีที่เหลืออีกเก้าเม็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเหลือเพียงเม็ดเดียว

 

“อย่างไรก็ตาม ข้าก็มิรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอสถเขตปฐพีเพิ่มขึ้น และถึงแม้ว่าข้าจะขอเขามากขึ้น นั่นก็จักขึ้นกับเขาว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นอีกหรือไม่”

 

เมื่อหวังชูเหรินพูดคำพูดเหล่านี้ นั่นก็ยิ่งจุดประกายบางอย่างในผู้คนที่ยังไม่ได้รับโอสถเขตปฐพีเก้าเม็ดแรก จนเป็นเหตุให้พวกเขาพากันประมูลราวกับว่าพวกเขาถูกครอบงำ

 

สุดท้าย โอสถเขตปฐพีเม็ดสุดท้ายก็ขายออกไปด้วยเงินจำนวนมหันต์ 2,000,000 ก้อนหินวิญญาณ และสำนักระดับสูงทุกสำนักที่นั่นก็ได้รับโอสถเขตปฐพีสำนักละหนึ่งเม็ด