DC บทที่ 350: ไปกับสำนักหงส์สวรรค์

 

“นั่นเป็นสินค้าชิ้นสุดท้ายสำหรับวันนี้ ขอบคุณที่มายังโรงประมูลนิกายดอกบัวเพลิงของพวกเรา หวังว่าจักเห็นพวกท่านอีกครั้งในภายภาคหน้าเช่นกัน” หวังชูเหรินโค้งคำนับแขกหลังจากที่ขายโอสถเขตปฐพีเม็ดสุดท้าย

 

อย่างไรก็ตามบรรดาแขกต่างไม่ต้องการให้เธอจากไปเร็วนักและโยนคำถามจำนวนมากใส่เธอ

 

“ผู้อาวุโสหวัง ท่านพอจะส่งสิ่งนี้ให้กับเพื่อนของท่านแทนข้าได้ไหม บอกเขาว่าตระกูลหัวต้องการที่จะสานสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับเขา”

 

“ข้าด้วย โปรดให้เพื่อนของท่านได้รับรู้ว่าประตูของตระกูลกูของเราเปิดต้อนรับเขาเสมอ”

 

หวังชูเหรินส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าเหมือนหญิงรับใช้หรืออย่างไร ถ้าพวกท่านต้องการที่จะให้อะไรเขา ท่านจะมีโอกาสถ้าเขาตกลงที่จะพบกับพวกท่านทั้งหลาย”

 

“ล-แล้วถ้าเขาปฏิเสธล่ะ” ใครบางคนถาม

 

“เช่นนั้นพวกท่านก็จะต้องรอจนกว่าเขาตกลง” หวังชูเหรินยักไหล่ก่อนที่จะลงเวทีไป

 

ผู้คนต่างพากันถอนใจ ไม่จำเป็นต้องฉลาดก็รู้ได้ว่านักปรุงยาคนนี้มีความสำคัญต่อยุทธภพมากเพียงไหน ถ้าพวกเขาเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนกับหวังชูเหริน นักปรุงยาคนนี้อาจจะปรุงโอสถเขตปฐพีให้กับพวกเขาและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาโดยรวมยิ่งขึ้น

 

“การประมูลจบสิ้นแล้ว กลับโรงเตี๊ยมกันเถอะ” โหลวหลานจีกล่าวกับพวกเขา

 

ในเมื่อซูหยางล่วงเกินผู้คนมากมายในที่แห่งนี้ นั่นย่อมยิ่งอันตรายต่อพวกเขามากยิ่งขึ้นหากว่ายังคงอยู่ที่นี่ต่อไป

 

“ข้าจักไปหาท่านทีหลัง ซูหยาง ขอให้ปลอดภัย” จางซิวยิงกอดซูหยางก่อนที่จะปล่อยพวกเขาไว้ตามลำพัง

 

อย่างไรก็ตามเพราะว่าพวกเขาเป็นกลุ่มใหญ่และโดดเด่นเหมือนนิ้วโป้งที่บวมเป่ง ทุกคนจึงเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา

 

“พวกเขาคิดว่าสามารถจากไปได้หลังจากที่ล่วงเกินคนมากมายงั้นรึ ข้าจักมิแปลกใจเลยถ้านิกายล้านอสรพิษปิดทางออกพวกเขาไว้”

 

“ต่อให้พวกเขาสามารถออกไปจากที่นี่ได้ในวันนี้ พวกเขาก็มิอาจที่จะออกไปจากเมืองโดยมิถูกฆ่า พวกเขาจบสิ้นแล้ว”

 

โหลวหลานจีเลิกสนใจคนที่พยายามที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวและพาเหล่าศิษย์ออกไปด้านนอก

 

“โปรดรอสักครู่”

 

ขณะที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก้าวออกไปจากโรงประมูล กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็ขวางทางพวกเขาไว้ เหมือนกับที่คนอื่นได้คาดการณ์ไว้

 

“อ-อาจารย์…” ซูหยินขมวดคิ้วหลังจากที่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร

 

“หรือว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ล่วงเกินสำนักหงส์สวรรค์เช่นกัน พวกเขาตอนนี้ก็เหมือนกับตายไปแล้ว”

 

ผู้คนต่างพากันขบขันกับสถานการณ์และมองดูพวกเขาจากด้านข้าง

 

“ซูหยิน ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องกลับไปกับพวกเรา” ไป่ลี่ฮัว เจ้าสำนักหงส์สวรรค์กล่าว “เจ้าก็ด้วย เหยาหนิง”

 

เหยาหนิงซึ่งตามซูหยินและนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาอย่างเงียบๆพยักหน้าและไปยืนอยู่ข้างกลุ่มของสำนักหงส์สวรรค์ต่อจากนั้น

 

“ข้าต้องการอยู่กับพี่ชายของข้านานกว่านี้อีกสักหน่อย” ซูหยินกล่าว

 

“ข้าจักมิปฏิเสธถ้าเขามิได้ล่วงเกินคนมากมายปานนั้นระหว่างที่อยู่ในโรงประมูล นั่นจะเป็นอันตรายต่อเจ้าหากว่าอยู่ข้างกายเขานานกว่านี้ ดังนั้นข้าจำเป็นให้เจ้ากลับมา” ไป่ลี่ฮัวหันไปดูซูหยางและกล่าวต่อว่า “เจ้าอวดเก่งมากเกินไปสำหรับคนที่อายุเท่ากับเจ้า ต่อให้เจ้าเป็นคนของตระกูลซู เจ้าก็ได้ล่วงเกินขั้วอำนาจต่างๆมากมายเกินไปในคราวนี้ ถ้าเจ้าต้องการมีอายุผ่านยี่สิบปี เจ้าจักต้องอยู่ที่เมืองนี้ตลอดไป แต่ต่อให้มีกฏของเมืองก็มิอาจจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้”

 

“ศิษย์ซู ทำไมเจ้าจึงยังอยู่ตรงนั้น หรือว่าเจ้ามิได้ยินเจ้าสำนัก มาหาพวกเราได้แล้ว” หนึ่งในหมู่ผู้อาวุโสกล่าวกับเธอ

 

“ข้ามิต้องการไป” ซูหยินตอบ

 

“เจ้า เจ้ามิเชื่อฟังอาจารย์ของเจ้าหรืออย่างไร” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

ซูหยางหันไปมองดูโหลวหลานจีและกล่าวว่า “ท่านพาเหล่าศิษย์กลับไปยังโรงเตี๊ยมก่อน”

 

“แล้วเจ้าล่ะ” เธอถาม

 

“ข้ามีธุระอะไรบางอย่างกับพวกเธอ”

 

“แต่ข้ามิอาจปล่อยให้เจ้าอยู่ตรงนี้คนเดียว… ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าล่ะ” โหลวหลานจีขมวดคิ้ว

 

“อย่ากังวล มิมีใครจักพยายามเล่นตลกอะไรเมื่อคน “คนนั้น” ยังอยู่แถวนี้” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า

 

“คนคนนั้นรึ….” โหลวหลานจีเลิกคิ้ว

 

“ก็ได้ แต่ถ้าเจ้ามิกลับมาในคืนนี้ ข้าจักยกเลิกการแข่งขันระดับภูมิภาคและกลับนิกายพร้อมกับศิษย์คนอื่น”

 

“อย่างนั้นก็ได้ นี่มิได้ใช้เวลานานเช่นนั้น” ซูหยางพยักหน้า

 

หลังจากนั้นไม่นาน โหลวหลานจีและศิษย์คนอื่นต่างก็ไปลับพ้นสายตา

 

“เจ้าเด็กนี่…” ไป่ลี่ฮัวขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหยาง “หรือว่าเขารู้ว่าเจ้าซีอยู่ที่นี่ ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้…”

 

“พี่ชาย ท่านจะติดตามพวกเราไปจริงรึ ข้าสามารถเกลี้ยกล่อมอาจารของข้าด้วยตนเอง…” เธอกระซิบกับเขา

 

“ข้ามีธุระอย่างอื่นกับเจ้าสำนักของเจ้า” ซูหยางกล่าว

 

“โอ เจ้ามีธุระกับข้ารึ แต่ข้ามิมีธุระอะไรกับเจ้า” ไป่ลี่ฮัวได้ยินคำพูดของพวกเขาและพูดออกมาเสียงดัง

 

“แน่นอนว่าท่านมิมีในตอนนี้ แต่ทว่าท่านจักมิคิดเช่นนั้นหลังจากที่ท่านได้ยินสิ่งที่น้องสาวของข้าต้องการพูด” ซูหยางยิ้ม

 

“ซูหยิน เขากำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร” ไปลี่ฮัวมองดูซูหยินด้วยความรู้สึกถึงลางร้ายรอบตัวเธอ

 

“อาจารย์ที่นี่มิใช่สถานที่ที่เหมาะสม พวกเรากลับไปยังโรงเตี๊ยมก่อน” ซูหยินกล่าว

 

ไป่ลี่ฮัวพยักหน้า “พวกเราออกเดินทาง”

 

“พวกเขาจากไปกันทั้งอย่างนั้นรึ ช่างน่าเบื่อ”

 

ผู้ชมต่างพากันส่ายหน้า ในเมื่อพวกเขาคาดว่าอย่างน้อยก็จะเกิดความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจ

 

เวลาถัดไปสำนักหงส์สวรรค์ก็กลับไปถึงโรงเตี๊ยมของพวกเธอ โรงเตี๊ยมน้ำแข็งเงิน

 

“เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสกลับมาแล้ว”

 

“ยินดีต้อนรับกลับ ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโส”

 

ศิษย์หญิงมากกว่าห้าสิบคนทักทายพวกเขาที่ประตู

 

“ศิษย์น้องซูก็กลับมาเช่นกัน”

 

“ชายหนุ่มสุดหล่อคนนั้นเป็นใครกัน”

 

“ข้ามิรู้จักเขาเช่นกัน”

 

“นั่นเขาล่ะ เขาเป็นพี่ชายของศิษย์น้องซู” หนึ่งในเหล่าศิษย์ที่นั่นจดจำเขาและเผยตัวตนของเขาให้กับศิษย์คนอื่น

 

“เขาเป็นคนที่กล้าโต้เถียงกับผู้อาวุโสมาย เห็นชัดว่าเขามีกลิ่นอายดุร้ายรอบตัวราวกับว่าเป็นสิงโตที่ไม่เชื่อง”

 

เหล่าศิษย์ที่นั่นต่างค่อนข้างสนใจในตัวซูหยางในฐานะพี่ชายของซูหยิน และใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้พวกเธอเหล่าหญิงยากที่จะเบือนหน้าหนี พวกเธอบางคนยังถึงกับหน้าแดง

 

“ข้าจักเข้าไปพูดคุยเป็นส่วนตัวกับศิษย์ข้าในตอนนี้ ข้ามิต้องการให้ใครมารบกวนพวกเรา” ไป่ลี่ฮัวกล่าว

 

“เจ้าสามารถรออยู่ตรงนี้จนกว่าพวกเราพูดจบ ถ้าเจ้ากล้าสร้างปัญหาอะไร พวกเราจักเตะเจ้าออกไปโดยมิลังเล” เธอกล่าวกับซูหยางก่อนที่จะลากซูหยินเข้าไปในห้อง