DC บทที่ 351: กดดันให้เปิดเผยข้อมูล

 

ขณะที่ซูหยางและสำนักหงส์สวรรค์ออกไปจากโรงประมูลก่อนนั้น  สำนักระดับสูงอื่นๆได้รั้งอยู่เพื่อหวังชูเหริน หรือพูดให้ชัดเจนก็คืออยู่เพื่อโอสถเขตปฐพี นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมนิกายล้านอสรพิษไม่ได้รบกวนซูหยางในเวลานั้น

 

“อย่างที่ข้าได้กล่าวไว้แล้ว ข้าจักมิเปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเพื่อนของข้า ซึ่งต้องการอยู่อย่างไม่เปิดเผยในตอนนี้” หวังชูเหรินปฏิเสธที่จะเปิดเผยอะไรแม้ว่าจะมีแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง

 

“ถ้าเป็นข้าล่ะที่ต้องการรู้เกี่ยวกับเพื่อนของเจ้าคนนี้” เจ้าซีถามเธอด้วยท่าทางเครียด

 

หวังชูเหรินกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นและพูดขึ้นว่า “ต่อให้เป็นท่านเจ้า ผู้น้อยคนนี้ก็มิอาจเปิดเผยอะไรทั้งสิ้น ถ้าท่านเจ้ามิต้องการล่วงเกินเขาและเสี่ยงต่อการสูญเสียโอสถเขตปฐพีไปตลอดกาล เช่นนั้น…”

 

เมื่อหวังชูเหรินข่มขู่ทุกคนด้วยคำพูดของเธอ ทุกคนในห้องต่างพากันขมวดคิ้ว

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครในหมู่พวกเขากล้าที่จะพูดออกมา ในเมื่อนั่นย่อมจะเป็นหายนะสำหรับพวกเขาในการล่วงเกินนักปรุงยาลึกลับคนนี้ที่เหมือนมีอำนาจมิรู้สิ้นในมือของเขาในตอนนี้

 

“เช่นนั้นโปรดให้ข้าถามคำถามอื่น” เจ้าซีกล่าวหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ “โอสถเขตปฐพีจะแจกจ่ายกันในอนาคตอย่างไร ในเมื่อมันสามารถมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อยุทธภพ คงมิเป็นเรื่องฉลาดที่จะขายมันโดยมิมีกฏเกณฑ์ใดๆ ตระกูลซีของข้าจักขออาสาที่จักจัดการมัน”

 

ผู้คนในห้องต้างพากันเหลือบมองไปที่เจ้าซีด้วยหางตาและแค่นเสียงอยู่ในใจ “ช่างเจ้าเล่ห์นัก… ตระกูลซีต้องการผูกขาดโอสถเขตปฐพี หรืออย่างน้อยก็จัดการเส้นทางของมัน..”

 

ในเมื่อตระกูลซีเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้อยู่แล้วทั้งยังเป็นผู้ปกครองอีกด้วย จึงไม่ถึงกับไร้เหตุผลเสียทีเดียวที่พวกเขาต้องการที่จะจัดการโอสถเขตปฐพีและสร้างสมดุลในยุทธภพ

 

แต่ทว่าถ้าเกิดเรื่องเช่นนั้น ตระกูลซีก็จะยิ่งทรงอำนาจเหนือใครอย่างแน่นอน ในเมื่อพวกเขามีความสามารถที่จะกำหนดได้ว่าสำนักไหนควรมีผู้ฝึกวิชาเขตปฐพีวิญญาณ

 

ตัวอย่างเช่นตระกูลซีสามารถให้โอสถเขตปฐพีสิบเม็ดให้แก่สำนักที่พวกเขาเลือกและเพิ่มพูนสถานะของพวกเขาอย่างฮวบฮาบในยุทธภพและได้รับความภักดีไปพร้อมกัน

 

ถ้าตระกูลซีทำเช่นนี้กับกองกำลังหลายกลุ่ม เช่นนั้นตระกูลซีก็จะยิ่งทรงอำนาจจนกระทั่ง ต่อให้สำนักระดับสูงในโลกนี้ทั้งหมดรวมกันเพื่อต่อสู้กับตระกูลซี เหล่าสำนักระดับสูงก็ยังจะพ่ายแพ้ต่อกองทหารของตระกูลซีในเขตปฐพีวิญญาณ

 

หวังชูเหรินรู้ถึงเจตนาของเจ้าซีได้ในทันที และกล่าวขึ้นว่า “ท่านเจ้า นี่มิใช่อะไรที่เพียงแค่คนเช่นข้าน้อยจะสามารถตัดสินใจได้”

 

“เจ้าหมายความว่าอะไรรึ” เจ้าซีขมวดคิ้ว

 

“แม้ว่าโอสถเขตปฐพีจะได้ให้ข้าน้อยจริงๆ แต่นั่นมิใช่ว่าข้าเป็นเจ้าของมัน จริงแล้วข้าเพียงแค่ขายพวกมันให้กับเพื่อนข้า ถ้ามีโอสถเขตปฐพีปรากฏขึ้นมาอีกในอนาคต นั่นก็มิใช่การตัดสินใจของข้าที่ว่าพวกมันจะถูกจัดการอย่างไร” หวังชูเหรินกล่าว

 

แน่นอนว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นไม่มีอะไรไปมากกว่าการโกหกคำโต ในเมื่อโอสถเขตปฐพีได้ถูกมอบให้กับเธอเป็นของขวัญ ดังนั้นเธอจึงมีสิทธิทุกอย่างในการจัดการมัน อย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับตระกูลซีทั้งยังไม่มีอำนาจพอ

 

“อย่างนั้นรึ…” เจ้าซีหลับตาลงครุ่นคิด

 

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าต้องการที่จะเชื้อเชิญเพื่อนของเจ้ามาดื่มน้ำชากับข้าอย่างเป็นทางการ สถานที่และเวลาจักเป็นไปตามความต้องการของเขา ถ้าเขาตกลงแจ้งให้ข้าทราบด้วย”

 

หลังจากที่พูดคำกล่าวเหล่านั้นแล้ว เจ้าซีก็หันตัวและเริ่มเดินไปยังประตู

 

“อย่างไรก็ตามขอบคุณมากสำหรับเลือดงูสามฤดู หากเจ้าต้องการอะไรตระกูลซีของข้าก็ยังเป็นหนี้บุญคุญนิกายดอกบัวเพลิงอยู่” เจ้าซีกล่าวก่อนที่จะจากโรงประมูลไป

 

หวังชูเหรินกล่าวกับคนที่เหลือที่นั้นว่า “ถึงเวลาแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อนเช่นกัน โปรดอภัยให้แก่ข้าด้วย”

 

ครั้นเมื่อหวังชูเหรินจากไปแล้ว ผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันพูดสบประมาท “นิกายดอกบัวเพลิงช่างโชคดีจริงๆที่มีคนอย่างเธอ แม้ว่าพวกเขาเพียงแค่เพิ่งได้เลื่อนเป็นสำนักระดับสูง แต่ว่าคงไม่นานก่อนที่พวกเขาจะล้ำนำหน้าพวกเราไปด้วยโอสถเขตปฐพีนี้”

 

“เพื่อนเธอเป็นชายใช่ใหม ข้าคงมิประหลาดใจถ้าเธอขายตัวเพื่อเม็ดยาเหล่านี้”

 

“มิมีใครต้องการสะกดรอยเธอหรือ เราอาจจะรู้ถึงตัวตนของนักปรุงยานี้ทางนี้ได้”

 

“ในเมื่อท่านนำเสนอมันขึ้นมา ทำไมท่านมิตามเธอไปล่ะ ข้ามิต้องการที่จะถูกลากลงน้ำไปกับความคิดโง่เขลาของท่าน ถ้าถูกนักปรุงยานั้นจับได้และกลายเป็นล่วงเกินเขา”

 

“เช่นนั้นพวกเราจะอยู่เฉยๆโดยมิทำอะไรเลยจริงๆรึ ในขณะที่นิกายดอกบัวเพลิงกำลังก้าวล้ำพวกเราไปอย่างรวดเร็ว”

 

“จนกว่าพวกเราจะรู้ถึงตัวตนของนักปรุงยาลึกลับคนนี้ก็ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ ครั้นเมื่อพวกเรารู้แล้ว นั่นย่อมมีวิธีสารพัดที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้”

 

หลังจากที่ยืนอยู่ด้วยกันอีกสองสามนาที สำนักระดับสูงที่เหลืออยู่ต่างพากันออกไปจากโรงประมูลและกลับไปยังที่พักของตนเอง

 

ครั้นเมื่อนิกายล้านอสรพิษกลับไปยังโรงเตี๊ยมของพวกเขาแล้ว เจ้าสำนักก็พลันเรียกประชุมเหล่าผู้อาวุโส

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็อยู่ในเมืองนี้เช่นกัน และข้าวางแผนที่จะจัดการกับพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะกลับไปยังสำนัก” ฟูกวางประกาศแผนของตนเองให้กับเหล่าผู้อาวุโส

 

“อะไรกัน หรือว่าท่านลืมเรื่องเซียนคนนั้นแล้ว ท่านเจ้าสำนัก” ผู้อาวุโสวันเตือนเขาถึงคำเตือนของซูหยาง

 

“ผู้อาวุโสวัน ท่านเชื่อว่าพวกเขาจักนำเซียนคนนั้นมากับพวกเขาในเมืองนี้และปล่อยให้สำนักของพวกเขาตกเป็นเป้าอย่างนั้นรึ ถ้าพวกเราจัดการกับพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาย่อมมิมีข้อพิสูจน์”

 

ผู้อาวุโสวันส่ายหน้าและถอนใจ “แม้ว่าเซียนอาจจะยังคงอยู่ที่สำนัก แล้วเด็กหญิงที่ทำการฆ่าฟัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอมากับพวกเขา”

 

ผู้อาวุโสวันยังคงนึกถึงเซียวลี่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทางเข้าและใบหน้าไร้ที่ติราวกับว่าเป็นเพียงแค่ผ่านไปเมื่อวันวาน

 

“ผู้อาวุโสวันพูดถูก แม้ว่าเซียนอาจจะไม่อยู่ที่นี่ นั่นก็ยังมีโอกาสที่คนของเขาอาจจะอยู่ในเมืองนี้และปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอยู่อย่างเงียบๆ”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นต่างให้ความคิดเห็นของตนเองเช่นกัน

 

“อืม…” ฟูกวางลืมเรื่องเด็กหญิงผมสีเงินไปก่อนนี้และเริ่มครุ่นคิดอย่างเงียบๆ