DC บทที่ 352: มืดบอดไปกับความโกรธ

 

“เจ้าสำนัก โปรดให้ข้าจัดการกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกนั้นฆ่าลูกศิษย์ข้าและญาติของท่าน เรามิอาจปล่อยให้พวกเขารอดพ้นไปได้” ผู้อาวุโสเหรินพลันกล่าวขึ้น

 

“ผ-ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านเอาจริงรึ กระทั่งผู้ฝึกยุทธเขตอัมพรวิญญาณก็ยังเหมือนกับมดในดวงตาของเซียนที่แท้จริง ท่านจักทำให้ตัวท่านเองถูกฆ่า” ผู้อาวุโสวันกล่าวกับเขาด้วยเสียงตื่นตระหนก

 

“ฮึ่ม เซียนอะไรกัน ข้าจักมิยอมเชื่อจนกว่าข้าจะเห็นด้วยตนเอง ต่อให้พวกเขามีเซียน ข้าก็ยังมั่นใจในความสามารถของข้าในการล่าถอยอย่างปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้ามีสมบัติช่วยชีวิตชิ้นนั้น”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ฟูกวานก็พยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดเหริน ถ้าท่านรู้สึกถึงอันตรายอะไรแม้เพียงนิดเดียว ข้าต้องการให้ท่านหลบหนีอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ต่อให้ท่านต้องใช้สมบัติของท่านก็ตาม แม้ว่าเราอาจจะยอมให้มีการสูญเสียยอดยุทธในเขตปฐพีวิญญาณได้บ้าง แต่การสูญเสียผู้คนในเขตอัมพรวิญญาณนั้นย่อมทำให้นิกายล้านอสรพิษของเราสูญอำนาจไปอย่างมาก”

 

“ขอรับท่านเจ้าสำนัก” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มหลังจากที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าสำนัก

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสวันได้แต่แอบส่ายหน้า “จบสิ้นกัน ทั้งเจ้าสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดเหรินต่างมืดบอดไปกับความโกรธและมิอาจคิดได้ถูกต้อง พวกเขาหวังที่จะจัดการกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยทั้งที่มันอาจจะชักนำหายนะเข้าสู่นิกายล้านอสรพิษ”

 

“คืนนี้ข้าจักจัดการกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเมื่อไร้ตะวันแล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินพูด

 

ฟูกวางพยักหน้า

 

 

ในเวลานั้น ซูหยางกำลังจิบชาอย่างสบายใจอยู่ท่ามกลางผู้คนสำนักหงส์สวรรค์

 

“แม้ว่ายุทธภพในโลกนี้จะด้อยพัฒนา แต่น้ำชานี่ก็ยังชวนให้เบิกบานไม่น้อย…” เขาคิดในใจขณะที่คนมากกว่าโหลจ้องมองเขาจากด้านข้าง

 

“ข้ามิเคยเห็นชายเช่นเขามาก่อน เขาแวดล้อมไปด้วยหญิงสาวมากมายแต่ว่าเขาก็ยังทำตัวเหมือนกับว่าพวกเรามิมีตัวตน…”

 

“ดูหน้าตาเขาสิ ด้วยหน้าตาหล่อเหลาอย่างนั้น คงมิแปลกหรอกถ้าเขาจะรายล้อมไปด้วยหญิงสาวสวยทุกวัน บางทีจริงแล้วพวกเราอาจจะมิมีค่าให้ใส่ใจในสายตาของเขาด้วยซ้ำ…”

 

“เขาเป็นพี่ชายของซูหยินใช่ไหม ข้าสงสัยว่าความสามารถของเขามีมากน้อยเพียงใด”

 

“ทำไมมิมีใครในหมู่พวกเจ้าไปพูดคุยกับเขาที่นั่นล่ะ”

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้ามิเห็นผู้อาวุโสมายที่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องตรงไปยังเขาราวกับว่าเขาฆ่าคนในครอบครัวของเธอหรือไง ข้ามิต้องการที่จะล่วงเกินผู้อาวุโสมายด้วยการพูดกับเขา”

 

ศิษย์สำนักหงส์สวรรค์พากันซุบซิบกันขณะที่จ้องมองไปยังซูหยาง

 

“เจ้าคิดว่าท่านเจ้าสำนักและซูหยินพูดอะไรกัน นั่นเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ภายในนั้น” เหล่าผู้อาวุโสต่างพากันแปลกใจ

 

สองสามนาทีหลังจากนั้นทั้งโรงเตี๊ยมก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง และพลังของจอมยุทธในเขตอัมพรวิญญาณก็ท่วมท้นสถานที่แห่งนั้น

 

“ก-เกิดอะไรขึ้น”

 

“เราถูกโจมตีใช่ไหม”

 

เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสสำนักมองไปรอบๆด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

 

“ด-เดี๋ยวก่อน พลังกดดันแบบนี้ นี่เป็นของเจ้าสำนัก”

 

ขณะที่พวกเธอเริ่มตระหนักถึงความจริงนี้ ก็มีเสียงพูดดังลั่นในสถานที่นั้น “ซูหยาง มาที่นี่”

 

ได้ยินเสียงเรียกอย่างโกรธเคืองของไป่ลี่ฮัวมีต่อเขา ซูหยางค่อยวางถ้วยชาลงอย่างเบามือและเดินไปที่ห้องด้วยสีหน้าปลอดโปร่ง

 

ครั้นเมื่อเขาอยู่ภายในห้องและสังเกตเห็นสถานการณ์ ซูหยางก็กล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นวิธีที่ท่านดูแลศิษย์ของตนเองรึ มิน่าที่ทำไมเธอจึงต้องการจากไป”

 

เขาชี้ไปที่ซูหยินซึ่งดูเหมือนว่าจะหมดสติไปอยู่บนพื้น

 

“อย่าได้กังวล เธอมิได้รับอันตรายอะไร เธอเพียงแค่หมดสติไปหลังจากที่ข้าปลดปล่อยพลังการฝึกปรือของข้าเต็มที่โดยมิเจตนาเนื่องจากความโกรธ” ไป่ลี่ฮัวกล่าว

 

ซูหยางส่ายหน้าและพาซูหยินที่สิ้นสติไปยังเตียงก่อนที่จะนั่งลงตรงหน้าเจ้าสำนักของสำนักหงส์สวรรค์

 

“แล้วยังไง ท่านมีธุระอะไรกับข้ารึ” ซูหยางถามเธอด้วยรอยยิ้ม

 

“เจ้าเด็กเลว… เจ้าพูดอะไรกับซูหยิน”

 

“ข้ามิเข้าใจคำถามของท่าน ข้ามิได้พูดอะไรกับเธอเลย”

 

“ยังกล้ามาทำเป็นเบื้อใบ้ ถ้าเจ้ามิได้บอกเธอให้ไปจากสำนักหงส์สวรรค์เข้าสู่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย มีรึเธอจะขอร้องข้าให้ปล่อยเธอไป เจ้าต้องรู้ว่าเธอจักจากไปดังนั้นเจ้าจึงติดตามพวกเรามา” ไป่ลี่ฮัวตบโต๊ะตรงหน้าเกือบหักมันออกเป็นสองซีก

 

“นั่นเป็นการตัดสินใจของเธอเอง ข้ามิมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้น” ซูหยางยักไหล่ “ส่วนตัวข้านั้นมีธุระอย่างอื่นกับสำนักหงส์สวรรค์ของท่าน”

 

“มิว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ตาม ข้าก็มิยอมให้เธอเข้าร่วมกับสถานที่เช่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย นั่นย่อมมิแตกต่างไปจากการสนับสนุนเธอให้กลายเป็นโสเภณี” ไป่ลี่ฮัวกล่าวด้วยคิ้วที่ขมวด

 

“โสเภณีรึ นั่นค่อนข้างที่จะรุนแรงอยู่บ้างสำหรับผู้นำนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นข้า เป็นความผิดด้วยหรือที่ต้องการดื่มด่ำกับความปรารถนาทางอารมณ์ ข้าเข้าใจดีว่าท่านยังคงเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์และมิมีประสบการณ์ในเรื่องประเภทนี้ แต่การสาปแช่งผู้คนที่มีความสุขกับเรื่องนี้… ท่านถือว่ายังคงเด็กอยู่มาก…”

 

“ช-ช่างกล้านัก เพียงแค่ผู้เยาว์ กลับพูดไร้สาระเช่นนี้” ไป่ลี่ฮัวไร้คำพูดในเมื่อเธอไม่คาดว่าซูหยางจะพูดอะไรแบบนั้นกับเธอ

 

“จะเป็นผู้เยาว์หรือไม่ เราทั้งคู่ต่างก็เป็นเจ้าสำนัก และสำคัญที่สุดก็คือต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าท่านสาปแช่งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของข้า ข้าย่อมจักมิทนนั่งรับมันอย่างเงียบๆที่นี่” ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวต่อว่า “ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมิได้ถูกบังคับให้ฝึกวิชาและพวกเขาหรือเธอจักมิตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ศิษย์บางคนมีคู่เพียงคนเดียวตลอดชีวิต ในขณะที่คนอื่นอาจจะมีมากกว่าหนึ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็เป็นไปกับทุกคนเช่นกัน รวมถึงท่านด้วย”

 

“เจ้าต้องการที่จะพูดอะไรรึ มิว่าเจ้าจะบิดเบือนคำพูดอย่างไร นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ถือว่าเป็นสถานที่ลามกสำหรับคนหลายคน”

 

“ข้ามิปฏิเสธว่าพวกเราส่วนใหญ่นั้นลามก แต่นั่นก็มิได้ให้สิทธิ์ท่านในการปฏิบัติต่อศิษย์ของข้าเหมือนเป็นโสเภณี”

 

“…”

 

หลังจากที่ผ่านไปด้วยความเงียบอันน่าอึดอัดชั่วขณะหนึ่ง ซูหยางก็กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเรามาปรึกษากันเรื่องที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้กันเถอะ”

 

ซูหยางนำเอาขวดแก้วขวดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและวางมันลงบนโต๊ะ

 

เมื่อไป่ลี่ฮัวเห็นเม็ดยาในขวด ดวงตาของเธอก็โตขึ้นด้วยความตระหนก

 

“โ-โอสถเขตปฐพี” เธออุทานดังลั่น