เมื่อถังซีตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ก็เดินออกไปปูเสื่อโยคะที่ระเบียงเพื่อเล่นโยคะ ขณะนั้นเธอเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่บนถนนหน้าบ้าน ท่าทางลับๆ ล่อๆ เหมือนหัวขโมย ถังซีหรี่ตา นั่งลงแอบมองออกไปข้างนอก หัวขโมยท่าทางลับๆ ล่อๆ โบกมือให้เธอ แล้วถอดหน้ากากยิ้มยิงฟันขาว ถังซีมองเขา ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ชี้นิ้วทำท่าส่งสัญญาณให้เขากลับไป แล้วหันหลังกลับมาเล่นโยคะต่อ
เมื่อคืนหลังจากส่งเซียวเหยากลับไปแล้ว เธอก็ไปฝังเข็มให้หลินหรู จากนั้นก็ไปคุยกับคุณปู่เซียว เมื่อกลับมาที่ห้องอีกครั้งก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว และกว่าเธอจะจัดการกับปัญหาต่างๆ ของเดอะควีนเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาตีหนึ่ง ตอนตื่นขึ้นเช้าวันนี้เธอมีอาการปวดหลัง จึงรู้สึกว่าต้องทำโยคะ ไม่อย่างนั้นเธอจะทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถังซีก็ทำโยคะเสร็จ เธอลงไปชั้นล่าง ทุกคนในครอบครัวนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นถังซีคุณปู่เซียวก็กวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม ให้ถังซีมานั่งข้างๆ ท่าน เซียวเจี่ยนบอกให้ลิลลี่ไปยกอาหารเช้าของถังซีมาที่ห้องนั่งเล่น เธอจะได้ทานที่นี่
ถังซีนั่งลงข้างคุณปู่เซียว ทีวีกำลังเสนอรายการข่าวการเงิน เป็นเรื่องของหงคุนกรุป ซึ่งหายไปจากวงการในชั่วข้ามคืน
คุณปู่เซียวส่ายศีรษะ “ลู่กวงสยงคือผู้พ่ายแพ้อย่างแท้จริง! เขาสูญเสียบริษัท ลูกชายคนเล็กถูกจับเข้าคุกด้วยคดีฆาตกรรม ตัวเขาหลบเลี่ยงภาษี และ… ลูกชายคนโตก็เห็นเขาเป็นศัตรู เขาเป็นบุคคลล้มเหลวอย่างแท้จริง”
ขณะคุณปู่เซียวพูดอย่างนี้ เซียวเจี่ยนและเซียวหงอี้ต่างมองมาที่ถังซี พยายามวิเคราะห์ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ถังซีเพียงแค่ทานโจ๊กเป๋าฮื้อที่ลิลลี่ยกมาให้ด้วยท่าทางสงบนิ่ง และดูทีวีอย่างตั้งใจ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับข่าวนี้ และกล่าวว่า “หนูเคยดูข่าวก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนี้เลวร้ายมากค่ะ แล้วยังเป็นคนเลวร้ายที่ดวงซวยมากด้วย”
เซียวเจี่ยนยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี ลู่กวงสยงดวงซวยอย่างแน่นอน ลักพาตัวใครไม่ลัก มาลักพาตัวถังซี ที่บังเอิญเป็นน้องสาวเซียวเหยา…
เซียวเจี่ยนแทบไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นข้อความที่เซียวจิ่งส่งมาในแวดวงเพื่อนๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนอย่างเซียวเหยาจะระดมพลจากกองกำลังพิเศษ ไม่เว้นแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ เพื่อมาช่วยเซียวโหรว
“บริษัทเขาล้มละลายไม่ใช่แค่เพราะเขาดวงซวยครับ แต่ยังเป็นเพราะการจัดการที่ไม่ดี แถมยังทุจริต ซึ่งลูกชายเขามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ผมเดามาหลายเดือนแล้วว่าหงคุนจะต้องเลิกกิจการ” เซียวเจี่ยนกล่าว แล้วหันไปมองหน้าลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ส่งสัญญาณให้เธอไปยกอาหารของถังซีมาอีก
ลิลลี่หันกลับไปหยิบขนมเค้กมาให้ถังซี ถังซีมองเค้กชิ้นใหญ่ แล้วกะพริบตาปริบๆ มองหน้าลิลลี่ ก่อนจะรับเค้กมาเริ่มทาน คุณปู่เซียวยิ้ม เมื่อเห็นถังซีทานเค้กอย่างมีความสุข ท่านก็ถามเซียวเจี่ยนด้วยรอยยิ้ม “เธอรู้ได้ยังไงว่าหงคุนจะต้องปิดตัวลง”
เซียวเจี่ยนบอกว่า “บริษัทเรากำลังจะร่วมมือกับหงคุนในโครงการเล็กๆ โครงการหนึ่งครับ ผมก็เลยตรวจสอบฐานะการเงินของหงคุน พบว่าช่องโหว่ทางการเงินของพวกเขานั้นใหญ่มาก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการของเรา เราจึงยังคงจะร่วมมือกับพวกเขา”
คุณปู่เซียวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ยังคงร่วมมืออย่างนั้นหรือ บริษัทเราเคยร่วมมือกับหงคุนด้วยหรือ”
เซียวเจี่ยนรีบอธิบายเมื่อเขาเห็นคุณปู่เซียวกังวล “คุณปู่ไม่ต้องกังวลนะครับ เรายกเลิกโครงการนี้ไปแล้วเมื่อสองเดือนก่อน เพราะฉะนั้นการล้มละลายของพวกเขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อเรา”
คุณปู่เซียวรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนี้ ท่านถอนหายใจ “เราไม่ควรร่วมมือกับบริษัทเช่นหงคุน ถึงแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเรา! เราจะไม่มีทางได้รับความร่วมมือที่ดีจากบริษัทที่เป็นแบบนี้”
เซียวเจี่ยนพยักหน้า “ครับ คุณปู่ คุณปู่พูดถูก ผมเข้าใจแล้วครับ”
คุณปู่เซียวกล่าวว่า “ตรวจสอบว่ามีบริษัทที่เราร่วมลงทุนอยู่ตอนนี้บริษัทไหนบ้าง ที่มีความใกล้ชิดกับหงคุนกรุป ถ้ามีรีบยุติความร่วมมือทันที เข้าใจไหม”
เซียวเจี่ยนพยักหน้าและลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบไปทำงานก่อนนะครับ”
คุณปู่เซียวพยักหน้า เซียวเจี่ยนหันมามองถังซีซึ่งยังคงทานเค้กอยู่ และเลิกคิ้ว “ให้พี่ไปส่งเธอไปโรงเรียนนะ”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ เซียวเจี่ยนขอไปส่งเธอที่โรงเรียนหลายครั้งแล้ว หากเธอปฏิเสธอีกคงไม่ดีแน่ จะเป็นการหยาบคาย นอกจากนี้วันนี้เฉียวเหลียงก็ยังไม่มา… เธอจึงถือจานลุกขึ้น พูดเสียงอู้อี้ว่า “ตกลงค่ะ ถ้าไม่ทำให้พี่เสียเวลามากนัก”
เซียวเจี่ยนยิ้ม ในที่สุดเซียวโหรวก็ยอมให้เขาไปส่งเธอที่โรงเรียน “ไม่เลย พี่มีเวลาเหลือเฟือที่จะไปส่งเธอไปโรงเรียน”
ถังซียิ้ม บอกให้ลิลลี่ขึ้นไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่ห้องให้เธอ หลังจากทานเค้กเสร็จ เธอก็เดินไปที่ห้องอาหาร รินนมมาดื่มแก้วหนึ่ง เมื่อเห็นว่าถังซีทานอาหารได้มากเซียวเจี่ยนก็ยิ้ม “เมื่อคืนทานข้าวน้อยไปใช่ไหมล่ะ”
ถังซีวางแก้วลงบนโต๊ะ รับกระดาษทิชชูที่คุณปู่เซียวส่งให้มาเช็ดปาก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าฉันทานน้อยเกินไป ฉันจะหิวตอนสิบโมงค่ะ” จากนั้นเธอก็บ่นกับคุณปู่เซียว “คุณปู่คะ การบ้านที่คุณปู่เพิ่งให้หนูยากจริงๆ ค่ะ สมองหนูเหนื่อยล้ามาก หนูก็เลยต้องทานมากขึ้น จะได้มีพลังกระปรี้กระเปร่าค่ะ”
คุณปู่เซียวหัวเราะและพยักหน้า “ไม่เห็นเป็นไรเลยถ้าหนูจะทานให้มากกว่านี้ โหรวโหรว หนูผอมจะแย่อยู่แล้ว ควรทานอาหารให้มากกว่านี้ จะได้ดีต่อสุขภาพ”
ถังซีหัวเราะเบาๆ พอดีกับที่ลิลลี่ลงมาจากชั้นบน ถือกระเป๋านักเรียนมาส่งให้ ถังซีรับกระเป๋ามา และออกไปกับเซียวเจี่ยน ทันทีที่เดินพ้นจากประตูเธอก็เห็นชายคนหนึ่งในชุดดำ สวมหมวกและหน้ากาก หางตาเธอหรี่ลง เธอตามเซียวเจี่ยนไปขึ้นรถ พยายามไม่มองดูชายท่าทางแปลกๆ คนนั้น…
เซียวเจี่ยนพูดคุยกับถังซีระหว่างทาง ถังซีถามเขาเรื่องงาน เซียวเจี่ยนตอบอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความประหลาดใจของเซียวเจี่ยน เมื่อเขาพูดถึงปัญหาของบริษัท ถังซีก็สามารถให้คำแนะนำที่ดีและตรงประเด็นแก่เขา ซึ่งทำให้เขาแปลกใจมาก
เมื่อสังเกตเห็นความประหลาดใจของเซียวเจี่ยน ถังซีก็รู้ตัวว่าเธอได้เปิดเผยตัวตนของเธอโดยไม่ตั้งใจ เซียวเจี่ยนถามถังซีว่า “โหรวโหรว เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
ถังซียิ้มมุมปากกลบเกลื่อน เธอรู้ว่าเซียวเจี่ยนอาจสงสัยในตัวเธอ “ทำไมล่ะคะ สิ่งที่ฉันพูดมันผิดใช่ไหม” ถังซีหัวเราะเบาๆ และกล่าวด้วยท่าทางเขินอาย “ฉันเรียนรู้เรื่องพวกนี้จากทีวี ถ้าฉันพูดผิดก็อย่าหัวเราะฉันนะ คิดซะว่าเป็นเรื่องไร้สาระก็แล้วกัน”
เซียวเจี่ยนส่ายศีรษะ “ไม่ใช่อย่างนั้น ความคิดเห็นและคำแนะนำของเธอดีใช้ได้ทีเดียว เธอทำให้พี่ประหลาดใจจริงๆ”