ถังซียิ้ม เลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอคะ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยนะเนี่ย ฉันว่าฉันควรจะดูละครเกี่ยวกับธุรกิจให้มากขึ้นอีก” จากนั้นเธอก็ยิ้มให้เซียวเจี่ยนอย่างซุกซนและถามว่า “พี่เจี่ยน พี่คิดว่าคนอย่างฉันจะทำธุรกิจได้ไหม”
เซียวเจี่ยนหันมามองถังซี แล้วหันกลับไปมองข้างหน้า ขับรถต่อไป ก่อนจะถามเธอด้วยความประหลาดใจ “เธออยากทำธุรกิจหรือ”
ถังซียิ้ม “ฉันอยากเริ่มทำธุรกิจ และเริ่มต้นทำเป็นอาชีพ ถึงฉันจะยังเป็นแค่นักเรียนปีหนึ่งโรงเรียนมัธยมปลาย แต่จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่เด็กน้อยอย่างนั้น ฉันคิดว่าฉันควรคิดพิจารณาถึงอนาคตของตัวเองได้แล้ว”
เซียวเจี่ยนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ แล้วยิ้มออกมา เขานำรถเข้าจอดข้างทาง มองไปที่ประตูโรงเรียนซึ่งมีนักเรียนหลั่งไหลกันเข้าไป แล้วหันมาถามถังซี “บอกพี่ได้ไหม ว่าเธอสนใจธุรกิจด้านไหน”
ถังซียิ้ม “ฉันยังไม่แน่ใจค่ะ ตอนนี้ฉันแค่สงสัยว่าฉันควรจะทำหรือเปล่า แต่พี่เพิ่งบอกว่าฉันมีความสามารถทางนี้ ฉันก็เลยลองถามดู พี่คิดว่าเป็นไปได้ไหมสำหรับฉันที่จะเริ่มต้นธุรกิจ”
“เธอทำได้แน่นอน” เซียวเจี่ยนมองหน้าถังซี ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “คิดออกเมื่อไหร่ว่าสนใจธุรกิจอะไรบอกพี่ได้เลย พี่จะช่วยเธอเอง”
ถังซีพยักหน้า หยิบกระเป๋านักเรียนแล้วบอกกับเซียวเจี่ยนว่า “ขอบคุณนะคะ พี่เจี่ยน ฉันไปเข้าห้องเรียนก่อนนะคะ”
เซียวเจี่ยนมองตามหลังถังซีที่เดินเข้าไปในโรงเรียน แล้วโทรหาผู้ช่วยของเขา “สืบค้นรายชื่อบริษัทที่ใกล้ชิดกับหงคุนกรุป และถอดบริษัทเหล่านั้นออกจากรายชื่อพันธมิตรทางธุรกิจของเรา”
ทางปลายสายอีกด้านหนึ่ง ผู้ช่วยของเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ถ้าทำแบบนั้นเราจะต้องชดใช้ค่าเสียหายหลายสิบล้านหยวนเลยนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยคำนวณจำนวนเงินอย่างละเอียด แล้วนำรายงานไปวางไว้ที่ห้องทำงานผม ผมจะเป็นคนตัดสินใจเองเมื่อผมไปถึง” เซียวเจี่ยนวางสาย สตาร์ตรถ แล้วโทรออกอีกครั้ง เมื่อปลายสายอีกด้านรับโทรศัพท์เซียวเจี่ยนก็กล่าวว่า “จัดการให้ผมหน่อย ผมอยากพบเถาเยี่ยน”
ทางด้านถังซี หลังจากเข้าประตูโรงเรียนไปแล้วเธอก็ยืนนิ่งอยู่สองนาที แล้วแอบมองกลับออกมา เมื่อเห็นว่ารถเซียวเจี่ยนลับสายตาไปแล้ว เธอก็เดินออกจากโรงเรียน เพราะเห็นว่ามีคนมาแอบมองลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว ถังซีมองดูอาหกซึ่งอยู่ในชุดฮิปฮอปที่ดูแปลกประหลาด หางตาเธอหรี่ลง ก้าวถอยหลังออกห่างจากอาหก “นี่ อาหก คุณกำลังจะเข้าร่วมวง ‘เดอะแรปออฟไชน่า’ เหรอ”
อาหกหัวเราะเบาๆ “นายน้อยสั่งให้ผมสวมเสื้อผ้าที่แตกต่างไปจากปกติ ผมก็เลยแต่งตัวแบบนี้ คุณดูการแสดงของ ‘เดอะแรปออฟไชน่า’ ด้วยหรือครับ คุณถัง”
หางตาถังซีกระตุกทันที เธอเบิกตากว้าง ถามเสียงต่ำว่า “เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ”
อาหกนิ่งขึง ร้องอุทานในใจ พระเจ้า ทำไมเขาถึงเรียกเธอว่าคุณถัง! เขาเน้นย้ำกับตัวเองอย่างน้อยหนึ่งล้านครั้ง ให้เรียกเธอว่าคุณหนูเซียว แต่ว่านับตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เธอกลายเป็นคุณถังไปแล้วในใจเขา…
“คุณหนูเซียว… เอ้อ คุณถังครับ ผมไม่ได้อยากล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณเลยนะครับ! แต่นายน้อยกับคุณชายเซียวเรียกคุณว่าซีซีอยู่นั่นแหละ ตอนที่เขาสองคนทะเลาะกันน่ะครับ ผมขับรถอยู่ไม่รู้จะปิดหูไว้ได้ยังไง” อาหกถอดหมวกและหน้ากากออก ทำให้เธอเห็นรอยคล้ำเป็นวงใต้ตาเขา ถังซีตกใจ จ้องมองรอยคล้ำขนาดใหญ่ “คุณเป็นอะไรน่ะ! มีใครชกคุณหรือเปล่า”
คนเราไม่น่ามีรอยคล้ำใต้ตาใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้อดนอนทั้งคืนก็ตาม!
อาหกถอนหายใจและกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ผมบังเอิญได้ล่วงรู้ความลับอันยิ่งใหญ่แบบนี้ คุณรู้ไหมครับ คุณหนูเซียว ว่าผมกลัวแค่ไหน ต่อไปผมคงไม่กล้าแม้แต่จะนอนหลับ”
หางตาถังซีหรี่ลง “ทำไมล่ะ”
“ผมกลัวว่าผมอาจหลุดปากออกมา แล้วนายน้อยจะหั่นผมเป็นชิ้นๆ น่ะสิครับ!”
ถังซีกลอกตาไปมา แล้วหันหลังเดินเข้าไปในโรงเรียน ขณะเดินไปเธอก็โบกมือให้อาหก ส่งสัญญาณให้เขากลับไป “อย่าอยู่ที่นี่เลย คุณดูเหมือนมนุษย์ประหลาด ถ้าคุณอยากทำงานที่นายน้อยของคุณสั่งให้ลุล่วงละก็ ช่วยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยกลับมาที่นี่”
อาหกมองดูเสื้อผ้าตนเองแล้วรู้สึกว่าไม่มีชุดไหนจะน่าพึงพอใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาเม้มริมฝีปาก “อันที่จริงผมคิดว่าชุดนี้เหมาะกับผมดีนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมอง แต่พบว่าถังซีเดินจากไปแล้ว เขาเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร และกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันทีที่ถังซีเดินเข้าไปในโรงเรียนเฉินจื่อเยียนก็รีบวิ่งมาหา เมื่อเห็นว่าเด็กสาวกำลังจะโถมตัวเข้ามาในอ้อมแขนตน ถังซีก็รีบกะระยะการพุ่งตัวของเธออย่างรวดเร็ว และรีบหลบก่อนที่เธอจะมาถึงตัว เฉินจื่อเยียนตกใจกับปฏิกิริยาของถังซี เธอเกือบจะร่วงลงไปกับพื้น ถังซีคว้ามือเฉินจื่อเยียนไว้ รีบพยุงร่างเธอให้ทรงตัวได้ และกล่าวว่า “ถึงตัวเธอจะไม่หนัก แต่ฉันอาจบาดเจ็บสาหัสได้ถ้าเธอเข้ามาปะทะฉัน เพราะฉะนั้นอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ มันอันตรายสำหรับฉัน”
เฉินจื่อเยียนเกาศีรษะอย่างงุนงงแล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา เธอพยักหน้าแล้วคว้าแขนถังซีอย่างตื่นเต้น “โหรวโหรว เธอรู้ไหมว่าแม่ของลู่เสี่ยวจิงมาลาออกจากโรงเรียนให้ลู่เสี่ยวจิงแล้ว ยายนั่นดูซูบซีดมากเลย พวกเขาคงได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้วล่ะ!”
ถังซีมองหน้าเฉินจื่อเยียนพลางคิดในใจ ถ้าเด็กสาวรู้ว่าเฉียวเหลียงยิงลู่เสี่ยวจิงเมื่อคืนนี้ เธอคงกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ!
เมื่อเห็นว่าถังซีไม่สนใจข่าวนี้ เฉินจื่อเยียนก็เขย่าแขนถังซีและกล่าวว่า “มีอีกเรื่องหนึ่ง เราจะมีวันหยุดยาวนับจากพรุ่งนี้ไป คุณครูเหอก็เลยเตรียมเพลงไว้ให้เธอซ้อมเปียโน แต่มีนักเรียนหลายคนบอกว่าเพลงพวกนั้นง่ายเกินไป พวกเขาเลยเลือกเพลงอื่นๆ มาให้เธอจับฉลาก และเธอต้องเล่นเพลงที่เธอจับได้…” เฉินจื่อเยียนกล่าวพร้อมกับมองหน้าถังซีด้วยความกังวล “โหรวโหรว ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ใช่ไหม เล่นเปียโนเพลงไหนก็ตามที่จับฉลากได้… ฉันคิดว่าน่าจะยากอยู่สักหน่อย…”
เฉินจื่อเยียนเข้าโรงเรียนช้า เพราะพ่อแม่เธอรักเธอมาก เธอจึงอายุสิบแปดปีแล้วเมื่ออยู่ชั้นปีที่หนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลาย เธอเป็นหนึ่งในนักเรียนที่อายุเยอะที่สุดของชั้นเรียน เธอจึงเรียกถังซีว่าโหรวโหรวเฉยๆ แทนที่จะเรียกว่าพี่
ถังซีไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เธอเดินไปเข้าห้องเรียน “ฉันไม่สนใจหรอก แตกต่างกันตรงไหนเหรอ เพลงไหนๆ ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“แตกต่างกันสิ!” เฉินจื่อเยียนเบิกตาโตจ้องมองถังซี “ระดับความยากของแต่ละเพลงน่ะแตกต่างกันนะ! คนพวกนั้นคงอิจฉาเธอนั่นแหละ พวกเขาคงอยากเห็นเธอเสียหน้าในการแสดง ก็เลยยืนยันว่าเธอควรจะจับสลาก”