บทที่ 881 ฉันนี่แหละกฎ / บทที่ 882 มีชีวิตอยู่จนกว่าโลงศพคุณจะขึ้นรา

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 881 ฉันนี่แหละกฎ

ไหนบอกว่าคุณชายเก้าใกล้ตายแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาที่นี่ได้?

พวกเขานึกว่าเขาตายแล้ว ซือหมิงหลี่กำลังจะกุมอำนาจตระกูลถึงได้กล้าทำอย่างนี้กับผู้หญิงคนนั้น…

สายตาของซือเยี่ยหานจับจ้องอยู่ที่จุดเดียวตั้งแต่ต้น เขาเดินผ่านกลุ่มคน ตรงไปยังตำแหน่งของหญิงสาว…

วินาทีที่เห็นหน้าเธอในห้องขังชัดเจน นัยน์ตาดำขลับของชายหนุ่มก็ยิ่งลึกล้ำขึ้น

หญิงสาวสวมชุดกระโปรงทางการสีแดง เส้นผมดำสยายบนหัวไหล่ ดวงหน้าสีแดงเลือดฝาด ปากสีแดงเอิบอิ่ม เหมือนกุหลาบที่เบ่งบานในห้องขังอันน่ากลัวนี้ งดงามเหนือคำบรรยาย ส่องสว่างขับไล่ความมืดมนทั้งหมด…

ซือเยี่ยหานชะงักไปเล็กน้อย ยืนอย่างมั่นคงอยู่ตรงหน้าเธอ ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย เพลิงโทสะลุกท่วมในดวงตา “ทำไมถึงไม่ไป?”

ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นปรากฏแววยิ้ม สุกสกาวดุจดวงดาวนับพัน “รอคุณอยู่น่ะสิ! ถ้าคุณฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เห็นหน้าฉันจะทำยังไง?”

นอกจากซือเซี่ยแล้ว ดึกดื่นเมื่อคืนมีใครอีกคนที่เธอไม่คาดคิดปรากฏตัวที่จิ่นหยวน ต้องการจะส่งเธอไปจากที่นี่ แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจจะอยู่ต่อแล้ว จึงไม่ได้ไปกับเขาเป็นธรรมดา

ส่วนเรื่องที่ว่าเธอทำให้คนคนนั้นยอมได้อย่างไร…อืม จะให้ดีที่สุดอย่าให้ซือเยี่ยหานรู้ดีกว่า…

‘ฉันรอคุณอยู่…’

‘ถ้าคุณฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เห็นหน้าฉันจะทำยังไง…’

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง แล้วยังพูดประโยคนั้นด้วยรอยยิ้มสดใส หัวใจพลันสั่นสะท้านรุนแรง ขณะเดียวกัน กลิ่นอายรอบกายเขายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ…

ไม่รู้ว่าเพราะคุกใต้ดินมืดเกินไปหรือเปล่า ทุกคนถึงได้รู้สึกขนลุกไปหมดทั้งตัว

ซือเยี่ยหานถอดสูทออก แล้วสาวเท้ายาวๆ ตรงไปหาเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นคลุมตัวเธอด้วยเสื้อสูท

เมื่อเห็นสีหน้าน่ากลัวสุดขีดของซือเยี่ยหาน เหมือนพญามัจจุราชที่มาจากขุมนรก เยี่ยหวันหวั่นมุดหน้ากับแผงอกของเขา แล้วพูดเสียงขาดๆ หายๆ “ทำไมคุณเพิ่งมา…ฉันกลัวมากเลย…”

บอดี้การ์ดคนที่ 1: “…”

บอดี้การ์ดคนที่ 2: “…”

เจ้าหน้าที่ทรมาน: “…”

ใครบางคนที่นอนอยู่บนพื้น: “…”

สายตาซือเยี่ยหานหันไปมองสวี่อี้

สวี่อวี้รีบถือโทรศัพท์มือถือเดินไปตรงหน้าซือหมิงหลี่

“อ๊าก! อ๊ากกก! พ่อ ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย!”

เสียงกรีดร้องเหมือนใจจะขาดของซืออี้เจี๋ยดังออกมาจากในมือถือ

“อี้เจี๋ย!”

ซือหมิงหลี่หน้าซีดเหมือนกระดาษ

พักนี้ซือเยี่ยหานพักรักษาตัว ขนาดมือยังไม่เปื้อนเลือด ทำให้เขาลืมไปว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยมขนาดไหน…

ซือเยี่ยหานปิดหูหญิงสาวในอ้อมแขน ไม่ให้เธอฟังเสียงซืออี้เจี๋ยกรีดร้อง

จากนั้น เขาก็ตวัดสายตาคมกริบที่ไร้ความปรานีไปยังซือหมิงหลี่ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้ถอดตำแหน่งหน้าที่ทั้งหมดของซือหมิงหลี่ และขับไล่ออกจากสภาอาวุโส ห้ามกลับเข้ามาอีกตลอดชีวิต”

วินาทีที่ซือเยี่ยหานพูดจบประโยค ทุกคนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

“อะ…อะไรนะ!!” ซือหมิงหลี่หน้าถอดสี “มีสิทธิ์อะไรกัน! ฉันไม่ยอม การลงโทษนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย! อี้เจี๋ยได้รับโทษแทนฉันไปแล้วไม่ใช่หรือไง!”

ด้วยฐานะของเขาในตระกูลซือ เขานึกว่าบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดก็คือหักขาอีกข้างของลูกชายคนโต ใครจะนึกว่าซือเยี่ยหานกลับตัดสินโทษเด็ดขาดถึงขนาดนี้

“พี่สะใภ้…” ซือหมิงหลี่หันไปมองหน้าคุณหญิงย่าที่ยืนอีกด้าน

คุณหญิงย่าหลับตา ไม่สนใจซือหมิงหลี่

“พี่ใหญ่! พี่พูดอะไรหน่อยสิ! หัวหน้าตระกูลตัดสินโทษส่งเดชอย่างนี้ พี่จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือไง!”

ซือหมิงหลี่กำหมัดแน่น แววตาเปลี่ยนไปโดยไม่รู้สาเหตุ

ถึงแม้ซือเยี่ยหานจะเป็นหัวหน้าตระกูล แต่ตระกูลซือนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว!

ซือหมิงหรงก้าวเท้ามาข้างหน้า แล้วกล่าวเสียงเข้ม “หัวหน้าตระกูล บทลงโทษนี้เกินเหตุไปจริงๆ ในตระกูลเราไม่มีกฎอย่างนี้อยู่!”

ซือเยี่ยหานถาม “ไม่มี?”

ซือหมิงหรงถูกชายหนุ่มจ้องหน้า รู้สึกแต่ว่าราวกับจมอยู่กลางบ่อน้ำแข็ง “ใช่แล้ว…”

ซือเยี่ยหานไล่มองคนตรงนั้นที่กระเหี้ยนกระหือรือเตรียมจะแก้ต่างให้ซือหมิงหลี่อย่างเรียบเฉย ก่อนเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ตอนนี้มีแล้ว”

กฎเหรอ

เขานี่แหละคือกฎของตระกูลซือ

…………………………….

บทที่ 882 มีชีวิตอยู่จนกว่าโลงศพคุณจะขึ้นรา

ตอนนี้มีแล้ว…

เมื่อสิ้นวาจาเย็นชาของซือเยี่ยหาน ห้องขังอันมืดมิดและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดพลันเงียบกริบ ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เหล่าผู้อาวุโสไม่กล้าปริปากสักคน

ซือหมิงหรงขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายก็ไม่คัดค้านอะไรอีก

เพราะหากว่ากันตามจริง ครั้งนี้พวกเขาทำไม่ถูกต้องจริงๆ…

หากซือเยี่ยหานทำให้กฎเกณฑ์ของตระกูลวุ่นวายเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว เขาต้องขัดขวางแน่นอน แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้รักษาหัวหน้าตระกูลจนหายดี ก็เท่ากับช่วยชีวิตทั้งตระกูลซือของพวกเขาไว้

ผู้อาวุโสคนอื่นที่เหลือต่างหดตัวอยู่ตรงมุมห้อง เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ถึงแม้หัวหน้าตระกูลจะทำเกินเหตุไปบ้าง แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไร

ถึงมี…แล้วใครจะกล้ากันล่ะ…

เกรงว่าครั้งนี้ ซือหมิงหลี่ต้องพบกับจุดจบจริงๆ เสียแล้ว…

ผู้อาวุโสบางคนตกใจเมื่อพบว่าบนหน้าอกของตนยังมีดอกไม้สีขาวที่ซือหมิงหลี่ติดให้พวกเขาก่อนหน้านี้อยู่ เวลานี้จึงรีบแกะออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ซือเยี่ยหาน! แกกล้าเหรอ!!”

ซือหมิงหลี่ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ไม่กล้าเชื่อว่าซือเยี่ยหานจะกล้าทำถึงขนาดนี้จริง!

“เจ้าเด็กเหลือขอ อย่าลืมว่าตอนที่พ่อแกตาย ใครกันที่เป็นคนค้ำจุนตระกูลซือ ตอนนี้แกปีกกล้าขาแข็งแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำอย่างนี้กับฉัน!”

ในเมื่อซือเยี่ยหานลงโทษเขาสถานหนัก ในที่สุดซือหมิงหลี่ก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป ตะคอกเสียงดังด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด

หญิงชราได้ยินเขาพูดอย่างนั้น สีหน้าก็เริ่มไม่น่าดู

หลายปีมานี้ ซือหมิงหลี่คนนี้ลำพองใจเพราะมีผลงาน จิตใจทะเยอทะยาน ยิ่งอยู่ยิ่งควบคุมได้ยาก…

ติดตรงที่เจ้าเก้าป่วย เธอจึงไม่กล้าทำอะไรเขา นึกไม่ถึงว่าเขากลับยิ่งได้คืบจะเอาศอก

ซือหมิงหลี่ยังคำรามลั่น “เดิมทีตระกูลซือควรเป็นของฉันอยู่แล้ว แกมันเด็กเมื่อวานซืน จะดีเด่อะไร! หัวหน้าตระกูล หัวหน้าตระกูลกับผีน่ะสิ!”

พอเห็นเขาพูดจาเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ คุณนายใหญ่หันไปมองบอดี้การ์ด บอกว่า “เอาตัวเขาออกไป”

“ครับ!”

ซือหมิงหลี่ถูกลากตัวออกไปทันที เสียงตะโกนของเขาดังก้องอยู่ในห้องขัง “ไอ้เด็กเหลือขอ แกไม่ได้ตายดีแน่! ไม่ได้ตายดีแน่นอน! ฉันจะรอดูว่าแกจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน!”

ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตาของเยี่ยหวันหวั่น เธอยืนพิงหน้าอกซือเยี่ยหาน จับจ้องซือหมิงหลี่ที่ถูกลากตัวออกไปพลางบอก “วางใจเถอะ จะมีชีวิตอยู่จนกว่าโลงศพคุณจะขึ้นราเลยละ!”

ได้ยินหญิงสาวกัดฟันพูดเย้ยหยัน สีหน้าเย็นยะเยือกของซือเยี่ยหานก็อ่อนลงมาก

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร นัยน์ตาพลันฉายแววกังวล

ซือเยี่ยหานไล่ซือหมิงหลี่ออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท รวมถึงลบชื่อออกจากสภาผู้อาวุโส เท่ากับขับไล่เขาออกจากตระกูลซือ ทำอย่างนี้ก็ไม่อาจหาตัวคนอยู่เบื้องหลังได้แล้วไม่ใช่เหรอ

แต่อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เมื่อสุนัขจนตรอก กลับจะยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ให้หงายไพ่ตายไม่ได้…

“เจ้าเก้าเอ๋ย รีบออกไปกันเถอะ ที่นี่อากาศหนาว อยู่นานๆ ไม่ดีต่อสุขภาพ!” นายหญิงใหญ่เอ่ยปาก

ซือเยี่ยหานพยักหน้า ย่อกายอุ้มเยี่ยหวันหวั่นขึ้นมา แล้วสาวเท้าเดินออกจากห้องขังไปอย่างรวดเร็ว

ด้านหลังกลุ่มคน ฉินรั่วซีที่สวมชุดกระโปรงสีขาวยืนจ้องชายหนุ่มซึ่งอุ้มเยี่ยหวันหวั่นอย่างทะนุถนอมด้วยแววตาหม่นหมองอยู่ไกลๆ จากนั้นก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ

……

“รั่วซี เกิดอะไรขึ้น?” เสียงเข้มขรึมของฉินเฟิงดังมาจากปลายสาย

“คุณพ่อคะ อาการของคุณเก้าดีขึ้นแล้ว หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ”

“เจ้าเด็กนั่น…ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ! เจ้าโง่ซือหมิงหลี่นั่น ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเลย ก็สมควรแล้วที่โดนแม้แต่เด็กคนหนึ่งเล่นงานเสียได้!”

ฉินเฟิงพูดจบ ก็เสริมอีกว่า “ในเมื่อซือเยี่ยหานหายดีแล้ว งั้นทำตามแผนเดิมต่อไปแล้วกัน ถ้าหากไม่ไร้ทางเลือกจริงๆ ก็ไม่อยากใช้วิธีอื่น ถึงอย่างไรทั้งตระกูลซือก็มีผู้ชายคนนี้คนเดียวที่คู่ควรกับลูก”

…………………………..