บทที่ 102 ความขัดแย้ง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 102
ความขัดแย้ง

“ฉันไม่คิดว่าตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยมีอะไรที่จะต้องพูดนะ นายไม่มีวันได้เข้าใกล้เสี่ยวเสวี่ยอีกเด็ดขาด ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!” ชูอี้เสิ่นขู่ไปกลายๆ

ชางกวนโม่หัวเราะออกมา “ฮ่า! นายเนี่ยนะจะไม่ปล่อยฉันไว้?! ไม่รู้ว่าตระกูลชูรู้หรือเปล่านะว่านายพูดกับฉันแบบนี้?! คงจะน่าสนใจน่าดูถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับท่านผู้อาวุโสของตระกูลชู รีบให้เสี่ยวเสวี่ยมารับสายเดี๋ยวนี้ ปัญหาของเราไม่ใช่เรื่องที่นายต้องเข้ามายุ่งด้วย”

เดิมทีชูอี้เสิ่นเปิดลำโพง คำพูดของชางกวนโม่ดังเข้าไปในหูเธอ เธอไม่อยากให้พี่ชูถูกเขาขู่แบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นและดึงโทรศัพท์ไปจากมือชูอี้เสิ่น “มีเรื่องอะไร?”

ชูอี้เสิ่นประหลาดใจมากและมองมู่หรงเสวี่ยด้วยความกังวลเล็กๆ เพราะกลัวว่าเธอจะรับเรื่องนี้ไม่ได้
ชางกวนโม่ได้ยินเสียงแหบแห้งของมู่หรงเสวี่ยและมือของเขาก็เริ่มสั่น “เสี่ยวเสวี่ย เธอเข้าใจฉันผิดนะ ฟังฉันอธิบายก่อน…” ชางกวนโม่เกือบจะอ้อนวอน

เข้าใจผิด สิ่งที่เธอเห็นด้วยตาตัวเองมีอะไรที่ต้องเข้าใจผิดอีกเหรอ? ภาพของคนสองคนที่เปลือยเปล่านอนกอดกันยังติดตาเธออยู่เลย “ชางกวนโม่ พอกันแค่นี้เถอะนะ…”

“ไม่นะ ฉันไม่ยอม เธออย่าทิ้งฉันไปนะ!” ชางกวนโม่คลั่งไปแล้ว! เขาทำแจกันที่อยู่ข้างกายแตกไปในทันที เขาทนไม่ได้ถ้ามู่หรงเสวี่ยจะทิ้งเขาไป เขาไม่ยอม ถึงแม้เขากับไป๋เสวี่ยหลี่จะมีอะไรกันซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยเมื่อคืน แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้เรื่องมู่หรงเสวี่ย มู่หรงเสวี่ยจะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น…ต้องเป็นของเขาคนเดียว

ใช่แล้ว เขาจะไม่ปล่อยเธอไป นี่เขายังอยากให้เธอเป็นเมียน้อยเขางั้นเหรอ?! ถึงแม้เธอจะหลงในความรัก แต่เธอก็จะไม่ยอมให้คนใจร้ายมาทำลายหัวใจเธอ “แล้วคุณจะเอาไป๋เสวี่ยหลี่ไปไว้ไหน?” เธอถามถึงประเด็นสำคัญออกไปเสียงเบา
ชางกวนโม่เงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงค่อยเอ่ยปากตอบ “ฉันจะจัดการปัญหาเรื่องเสวี่ยหลี่…”

“จัดการงั้นเหรอ?! ชางกวนโม่ เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว…” เธอไม่อยากที่จะฟังอีกแล้ว เธอจึงปิดเครื่องในทันที

ไม่ว่าเขาจะจัดการปัญหายังไง ไป๋เสวี่ยหลี่ก็เหมือนหนามที่จะคอยทิ่มแทงระหว่างเธอและเขาไปตลอด อย่างน้อยเธอก็ควรที่จะปล่อยมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสองคนนี้เป็นสามีภรรยากันในชีวิตที่แล้ว เดิมทีเธอคิดว่าเมื่อเธอพูดคำพวกนี้ออกไป หัวใจเธอคงจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้พูดออกไป เธอพบว่าเธอไม่ได้แคร์มากมายขนาดนั้นและไม่มีอะไรที่จะต้องให้แคร์ด้วย เรื่องนี้คงจะไม่เจ็บปวดมากมายจนถึงกับตาย

ตอนนี้เธอไม่อยากที่จะนั่งลงบนเตียงอีกแล้ว เธอไม่อยากที่จะนั่งทั่งๆที่สายตาเธอเบลอไปหมด
เธอเวียนหัวและเป็นลมไปทั้งๆที่ยังคิดถึงเรื่องชีวิตที่แล้ว ความเจ็บปวดซ้อนทับกันกับในชีวิตนี้และสีหน้าของเธอก็เริ่มซีดเผือด

ชูอี้เสิ่นตกใจมากและรีบเข้ามากอดเธอไว้ทันที “เสี่ยวเสวี่ย ร้องออกมาเลย…ร้องออกมาให้พอ…ในโลกนี้ยังมีผู้ชายดีๆอีกตั้งมากมาย…ไม่ต้องเศร้าไปนะ ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ…” ถึงแม้เสี่ยวเสวี่ยจะไม่ได้รักเขา เขาก็ยอมที่จะมอบทุกอย่างเพื่อทำให้เธอมีความสุข

มู่หรงเสวี่ยพิงอยู่ที่ไหล่ของชูอี้เสิ่นเงียบๆ น้ำตาที่เหือดแห้งไปไม่ไหลออกมาอีกแล้ว หัวใจตายด้าน ไร้เรี่ยวแรงที่จะสู้กับตัวเอง

เธอคิดว่าตัวเองจะได้ความสุขอย่างที่คู่ควรกับเธอจริงๆแต่ก็เปล่า เธอคิดว่าตัวเองจะหนีออกจากเงาของชีวิตที่แล้วได้แต่ก็เปล่าเลย

ชางกวนโม่ท่าทางไร้เรี่ยวแรง หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่หรงเสวี่ย หัวใจของเขาก็ว่างเปล่า เสี่ยวเสวี่ยขีดเส้นกั้นระหว่างเขาและเธอ อย่างที่คาดไว้เมื่อคืนเธอเสียใจและสิ้นหวังมากจึงถึงขนาดคิดที่จะทิ้งเขาไป

เขานั่งพิงกำแพงเงียบๆ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ดูเหมือนจะกินและนอนได้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอยิ้มและกล่าวทักทายกับคนอื่นๆ ราวกับว่าความรักที่มีให้ชางกวนโม่ไม่เหลือร่องรอยในหัวใจเธออีกแล้ว อย่างไรก็ตามแบบนี้มันดีจริงๆเหรอ? ชูอี้เสิ่นเป็นกังวลอย่างมาก เขายอมให้เธอร้องไห้กรีดร้องหรือแม้แต่ทุบตีเขาซะดีกว่า อย่างน้อยหัวใจเขาก็ไม่เจ็บ

หลังจากที่พักในวิลล่าของชูอี้เสิ่นมาสองวันแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็มีแผนที่จะกลับเมืองA คำขอให้เธออยู่ต่อของชูอี้เสิ่นถูก ปฏิเสธซ้ำไปซ้ำมา แต่เมื่อเขาคิด บางทีมันอาจจะดีกว่าที่ไปจากเมืองหลวงและกลับไปในที่ที่คุ้นเคย บางทีเธออาจจะเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น

มู่หรงเสวี่ยปฏิเสธที่จะให้ชูอี้เสิ่นไปส่ง บอกเพียงว่าเธออยากที่จะเดินคนเดียวลำพังแต่ชูอี้เสิ่นไม่ได้บอกว่าจะพาเธอไปส่งที่สนามบิน หลายวันที่ผ่านมาที่เขาได้อยู่กับมู่หรงเสวี่ย ทำเขาได้รู้ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยมากกว่าคนอื่นๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะคนอื่นที่อยู่รอบๆไม่ได้ทำให้เธอผ่อนคลาย ดังนั้นชูอี้เสิ่นจึงไม่ได้บังคับที่จะไปส่งเธอที่สนามบินแต่เขาก็ยังตามไปและนั่งมองข้างหลังของมู่หรงเสวี่ยด้วยท่าทางเป็นห่วง

มู่หรงเสวี่ยคือคนที่นั่งเงียบๆอยู่ในสนามบิน ความคิดร่องลอยไปไกล แม้แต่เสียงดังรอบข้างก็ยังเข้ามากระทบเธอไม่ได้

หลังจากนั้นสักพัก รองเท้าสีดำคู่หนึ่งก็มาปรากฎขึ้นตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที ชางกวนโม่ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

“ตามฉันมา!” ชางกวนโม่จับมือเธอและอยากที่จะพา มู่หรงเสวี่ยออกมาข้างนอก

“คุณจะทำอะไร?! ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉัน…” เสียงกรีดร้องของมู่หรงเสวี่ยและท่าทางแปลกๆของพวกเขาดึงดูดสายตาของคนมากมายได้ในทันที

“อย่างส่งเสียงดัง ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า! แต่เธอไม่รับสายฉัน ฉันเลยมารับเธอ…ขอเวลาฉันหน่อยได้ไหม?” ชางกวนโม่หยุดและหันมามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งพร้อมความอ้อนวอนเล็กๆในสายตา
มู่หรงเสวี่ยหยุดขัดขืนและพูดว่า…”ไปสิ!”
ชางกวนโม่ตอบ “โอเค ไปกินข้าวกันก่อน” มู่หรงเสวี่ยจะยกโทษให้เขาไหม?

ตลอดทาง ชางกวนโม่พยายามที่จะพูดหลายครั้งแต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่นิ่งสงบของมู่หรงเสวี่ย เขาก็พูดไม่ออก เมื่อไปถึงร้านอาหาร พวกเขาก็ยังไม่พูดอะไรกันสักคำ

ชางกวนโม่กังวลมากว่าจะเสียเธอไป
หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ ชางกวนโม่ก็พูดขึ้นมาอย่างระวัง “เสี่ยวเสวี่ย คืนนั้น…คืนนั้นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด…”

“ชางกวนโม่ ไม่ว่าความจริงมันจะเป็นยังไง มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว…”

ชางกวนโม่จับมือเธอไว้อย่างลนลาน “มันจะไม่สำคัญได้ยังไงล่ะ?! คืนนั้นฉันเมา…ฉันคิดว่าเสวี่ยหลี่เป็นเธอ…”

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ชางกวนโม่ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆหัวใจถึงได้รู้สึกสงบ บางทีนี่อาจจะเป็นความเจ็บปวดแต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้ว “ใช่ คุณคิดว่าเป็นฉัน แต่คุณก็ยังกอดเธอซึ่งเรื่องนี้ปฎิเสธไม่ได้…ถ้าเป็นแบบนี้การอธิบายจะมีประโยชน์อะไร? ปล่อยเถอะชางกวนโม่…”

“ไม่ ฉันไม่อยากที่จะปล่อย!”
“คุณต้องการอะไร?! คุณจะเอาฉันไปไว้ที่ไหน เป็นเมียน้อยงั้นเหรอ?! ต่อให้ฉันตายฉันก็ไม่ยอมเป็นเมียน้อยคุณหรอก!” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกโกรธ เขาพาเธอมาเพื่ออะไร?

“ไม่ ฉันจะให้เธอเป็นเมียน้อยได้ยังไง!” ชางกวนโม่กุมมือเธอไว้แน่น

“คุณจะแต่งงานกับฉันเหรอ? แล้วคุณจะเอาไป๋เสวี่ยหลี่ไปไว้ตรงไหน?!! ชางกวนโม่ ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าคุณจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้…”
สีหน้าของชางกวนโม่ซีดเผือด เขายังไม่ได้คิดถึงทางออกของเรื่องไป๋เสวี่ยหลี่เลย สิ่งที่แย่กว่านั้นคือไป๋เสวี่ยหลี่ดูเหมือนจะอยากเป็นภรรยาของเขา…แต่เขามองไป๋เสวี่ยหลี่เป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น

เขาเปิดปากและปิดมันอีกครั้ง เขาอยากที่จะพูดว่าเขาจะแก้ปัญหาเรื่องนี้แต่ในบรรยากาศตอนนี้มันก็เป็นเพียงคำแก้ตัว

ความเงียบของชางกวนโม่ทำให้หัวใจของมู่หรงเสวี่ยเย็นขึ้นมาอีกครั้ง

ถึงแม้เธอพร้อมที่จะยอมรับทุกผลลัพธ์แล้ว แต่เธอก็ประเมินตัวเองสูงเกินไป เธออยากจะออกไปจากที่นี่ทันที เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่ เธอลุกขึ้นและเตรียมที่จะเดินออกไป ชางกวนโม่จับมือเธอไว้ “เธอจะไปไหน?” เขาถามเธอด้วยความกังวล

“ปล่อย เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว! ไม่ว่ายังไง ฉันก็ยังคิดเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเสวี่ยหลี่ ฉันยอมรับไม่ได้และทนเรื่องนี้ไม่ได้ด้วย เราไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว…”
“ทำไมล่ะ?! ตราบใดที่ฉันแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ฉันแค่เมา ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย! เธอยกโทษให้ฉันไม่ได้เหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องว่าฉันไม่ยกโทษให้คุณแต่ฉันลบภาพที่ยังติดตาไม่ได้ ฉันคิดว่าเรื่องพื้นฐานที่สุดสำหรับความรักคือต้องซื่อสัตย์ต่อกันทั้งทางกายและทางใจ…”

หลังจากที่พูดอยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็ดูเหมือนจะยังไม่สนใจ ดูเหมือนว่าจะเป็นเขาคนเดียวที่ไม่อยากจะยอมแพ้ เมื่อเขาคิดถึงมื้อค่ำของเธอกับชูอี้เสิ่น บางทีเธออาจจะอยากไปจากเขานานแล้วก็ได้และไป๋เสวี่ยหลี่ก็เป็นแค่ข้ออ้าง ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมา คำพูดของเขาเปลี่ยนเป็นคำถาม “มู่หรงเสวี่ย เธออยากจะไปจากฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ!!!! เพื่อจะได้ไปอยู่กับ ชูอี้เสิ่นงั้นเหรอ?”

มือของมู่หรงเสวี่ยเจ็บอยู่นิดหน่อย เธอดึงมือออกมาแรงมากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเองก็โกรธเหมือนกัน “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับพี่ชูด้วย? พี่ชูเขาต่างจากคุณและเขาไม่เคยพูดให้ร้ายใครเหมือนคุณ ฉันคิดว่านี่เป็นข้ออ้าง…”
“พี่ชู พี่ชูงั้นเหรอ?! เรียกกันสนิทสนมขนาดนี้หรือพวกเธอแอบมีอะไรกันลับหลังฉันแล้ว” มู่หรงเสวี่ยมองหน้าชางกวนโม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? คุณเองเป็นคนที่ทำผิดแต่กลับมากล่าวหาคนอื่น ฉันได้เรียนรู้อะมากมายเลย คุณนี่มันเจ้าชายของเมืองหลวงจริงๆ สามารถพูดเปลี่ยนดำให้เป็นขาวได้…” มู่หรงเสวี่ยพูดประชดใส่ชางกวนโม่!