บทที่ 103 ผู้ชายเลวๆ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 103
ผู้ชายเลวๆ

ชางกวนโม่ดึงมือมู่หรงเสวี่ยแล้วเธอก็ล้มลงไปในอ้อมแขนของเขา “อย่าคิดจะหนีไปจากฉัน! อย่าคิดเด็ดขาด!” เขาจูบไปที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มและรู้สึกได้ถึงไฟที่รุ่มร้อนและความร้อนรนจากเมื่อหลายวันที่ผ่านมา

“อื่ม…ปล่อยนะ” มู่หรงเสวี่ยดิ้นอย่างแรง เขาจูบเธอหลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นกับไป๋เสวี่ยหลี่ได้ยังไง

ยังไงซะกำลังของผู้ชายและผู้หญิงก็ไม่เท่ากัน เธอสู้ไม่ได้เลยสักนิด เธอโกรธมากจึงกัดเข้าที่ริมฝีปากบาง ฟันคมๆกัดผ่านริมฝีปากบางในทันที กลิ่นเค็มของเลือดกระจายไปทั่ว ชางกวนโม่ยังไม่ปล่อยเธอ แผลจึงลึงลงไปเรื่อยๆ มือเขาเปิดออกและแตะไปที่เอวของเธอ มู่หรงเสวี่ยไม่เคยรู้สึกถึงสัมผัสของเขาที่เป็นแบบในตอนนี้มาก่อนเลย ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาที่ประตู ชางกวนโม่ค่อยๆปล่อยมู่หรงเสวี่ย “เข้ามาได้!”
ในเวลานี้ มู่หรงเสวี่ยยังคงหอบอยู่ในอ้อมแขนของ ชางกวนโม่ รอยแดงที่แก้มของทั้งคู่กระจายไปทั่วและเสื้อผ้าก็ยุ่งเหยิงไปหมด

พนักงานที่เข้ามาเป็นพนักงานที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี เขาจึงไม่แสดงท่าทางอะไรต่อหน้าคนทั้งสอง และความเร็วในการเสิร์ฟก็เร็วอย่างมากและไม่มีเสียงอะไรด้วย หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จ พนักงานก็โค้งให้พวกเขาอย่างสุภาพแล้วจึงค่อยๆเดินออกไปพร้อมปิดประตูอย่างระวัง

มู่หรงเสวี่ยที่ออกมาจากชางกวนโม่ และอยากที่จะออกไปจากห้อง เธอไม่อยากที่จะอยู่กับเขาอีกแม้วินาที

ชางกวนโม่จะปล่อยเธอไปได้ยังไง เขารีบดึงเธอเข้ามาทันทีและกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขน เมื่อคิดถึงความยิ่งใหญ่ในฐานะคุณชายแห่งเกียวโตที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องเข้าหาแต่เธอตรงกันข้ามเลย

“อย่าขยับ ขอฉันกอดเธอหน่อย” เขากอดมู่หรงเสวี่ยแน่นและไม่อยากที่จะปล่อยเธอไปไหนเลย เธอเป็นของเขา
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ขัดขืนแล้ว ชายที่กำลังกอดเธออยู่ข้างหลังคือคนเดียวกับที่เธออยากที่จะอ้าแขนรับแต่เธอไม่คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้

ทั้งสองคนเงียบไปเป็นเวลานาน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของชางกวนโม่ก็ดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นไป๋เสวี่ยหลี่ ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่อยากที่จะรับจึงกดวางสายไป

มู่หรงเสวี่ยแสยะ เธอไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าเป็นไป๋เสวี่ยหลี่ ชางกวนโม่ไม่เคยไม่รับสายไหนต่อหน้าเธอเลย แต่คราวนี้เขากลับกดวางสายทันที นอกจากไป๋เสวี่ยหลี่เธอก็นึกถึงคนอื่นไม่ออกแล้วว่าจะเป็นใคร

ไป๋เสวี่ยหลี่ที่อยู่อีกฝั่งโกรธมากจนถึงกับเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง ไม่คิดว่าพี่โม่จะกดวางสายเธอแบบนี้ เขากับนังมู่หรงเสวี่ยกำลังทำอะไรกันอยู่?! เธอเริ่มที่จะกังวลตั้งแต่ที่ได้ข่าว จึงรีบโทรหาพี่โม่ทันทีแต่เขาวางสายเธอจริงๆ
ไม่ เธอจะไม่ยอมให้สองคนนั้นคืนดีกัน เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เธอหยิบกุญแจรถและขับไปที่โรงแรมที่ที่พวกเขาสองคนอยู่
ไม่นาน ไป๋เสวี่ยหลี่ก็มาปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งสอง เธอร้องไห้อย่างโศกเศร้า น้ำตาในดวงตาเอ่อไหลล้นออกมา “พี่โม่…” สองคนนี้อยู่ด้วยกันจริงๆด้วย ไม่คิดว่าพวกเขาจะยังอยากอยู่ด้วยกันอีก เธอไม่มีทางยอมหรอก

มุ่หรงเสวี่ยผลักชางกวนโม่ออกทันทีที่เห็นการปรากฏตัวของไป๋เสวี่ยหลี่ เธอรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เธอไม่แคร์ไป๋เสวี่ยหลี่ที่อยากจะอยู่กับชางกวนโม่ และถ้าเขาเมาทำไมเธอไม่ขัดขืนเขา ตอนนี้เธออยากที่จะหนีออกไปมากที่สุด ในคืนนั้นเธอก็หนีออกไปเหมือนกันที่ได้เห็นพวกเขาที่ร่างเปลือยเปล่าซึ่งเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเสวี่ยหลี่ดูภูมิใจมาก

“เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” ชางกวนโม่นวดขมวดที่กำลังปวด และถามออกมาด้วยเสียงต่ำ

“ฉันแค่ผ่านมาแล้วบังเอิญเห็นรถ เลยแวะเข้ามาดูว่าพี่อยู่ที่นี่หรือเปล่า พี่โม่ไม่อยากจะเห็นหน้าฉัน…ถ้ารู้แบบนี้ ฉันคงจะไม่เข้ามา…”น้ำตาของไป๋เสวี่ยหลี่ไหลร่วงลงมาทันที ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะทำเสียงอ่อนโยน “พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น…”
ไป่เสวี่ยหลี่รีบวิ่งเข้าไปหาชางกวนโม่อย่างมีความสุข “พี่โม่ ฉันคิดถึงพี่เหลือเกิน…”

มู่หรงเสวี่ยไม่รู้จะพูดอะไร สองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอใกล้ชิดกันราวกับคู่รัก หัวใจเธอเจ็บปวดจนด้านชา แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก เธอกำหมัดแน่นแล้วรีบวิ่งออกมาจากห้องอาหารทันที

ชางกวนโม่เห็นมู่หรงเสวี่ยวิ่งออกมา จึงรีบผลักไป๋เสวี่ยหลี่ออกทันทีและวิ่งตามออกมา “เสี่ยวเสวี่ย เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป…”

มู่หรงเสวี่ยหันกลับไปและหัวเราะอย่างประชดประชัน “คุณอยากที่จะมีความสุขกับใครสักคนงั้นเหรอ?!! แต่ฉันไม่อยากที่จะอยู่กับคุณ ลาก่อนและฉันไม่อยากที่จะเจอคุณอีกแล้ว”

“มู่หรง…” ชางกวนโม่อยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่เสวี่ยหลี่วิ่งตามเขาออกมาและจับเขาที่แขน
“พี่โม่ พี่ไม่อยากที่จะรับผิดชอบฉันบ้างเลยเหรอ?” เมื่อพูดจบ น้ำตาของไป่เสวี่ยหลี่ก็ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยสีหน้าที่น่าสงสารอย่างมาก

“เสวี่ยหลี่ พี่…” เมื่อนึกได้ว่าไป๋เสวี่ยหลี่ที่เกือบตายเพราะช่วยชีวิตเขาไว้ เขาอยากที่จะบอกปฏิเสธไปแต่ก็พูดไม่ออก

“ฮึ!” มู่หรงเสวี่ยรีบออกมาอย่างเร็ว เธอนี่โง่จริงๆถึงยอมตามชางกวนโม่มาง่ายๆแบบนี้

ชางกวนโม่แขนตกอย่างไร้เรี่ยวแรง ความสัมพันธ์นี่จบลงแล้วจริงๆเหรอ?! ผู้หญิงสองคน เขาถูกกำหนดให้ต้องทำร้ายหนึ่งคน มู่หรงเสวี่ยคือผู้หญิงที่เขารักที่สุดและไป๋เสวี่ยหลี่คือน้องสาวที่ยอมมอบชีวิตให้กับเขา เขารักมู่หรงเสวี่ยแต่ก็ทิ้งไป๋เสวี่ยหลี่ไว้ลำพังไม่ได้ เธอทำอะไรหลายอย่างให้กับเขา แล้วแบบนี้เขาจะเนรคุณและไม่สนใจเธอหลังจากที่เธอทำให้เขามากมายขนาดนั้นได้ยังไง

เขาคิดจนปวดหัวแต่ก็ยังคิดหาวิธีแก้ไขไม่ได้
หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเดินออกมา ในที่สุดเธอก็อดกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหวจึงต้องปล่อยให้ไหลออกมา เธอไม่สนใจผู้คนตามท้องถนนที่มองพร้อมทั้งชี้มาที่เธอแปลกๆ

ฮวงฟูอี้ที่นั่งอยู่ในรถประกอบมือไม่ไกลนักรู้สึกสนใจแล้วจ้องมาที่ผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ข้างถนนและร้องไห้อยู่เงียบๆอย่างไม่สนใจใคร ผมยาวดูยุ่งเหยิงและใบหน้าที่ซีดขาวแต่ก็หยุดความละเอียดอ่อนของใบหน้าเธอไว้ไม่ได้เลย ในตอนนี้น้ำตาใสๆที่ไหลออกมายิ่งทำให้เธอดูเป็นทุกข์เข้าไปใหญ่ แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ คนปกติจะมาร้องไห้อยู่คนเดียวริมถนนได้ยังไงกัน

“ฉันจะเข้าไปดูหน่อย! พวกนายอยู่นี่แหละ!” ฮวงฟูอี้พูดกับชายอีกสองคนที่อยู่ในรถ

“นายท่าน อย่านะครับ! ข้างนอกมันอันตรายนะครับ” ชายในชุดดำคนหนึ่งพูดออกมา

“อย่ามาสั่งฉัน!” เสียงเย็นยะเยือกของฮวงฟูอี้ดังตอบกลับมา ทันใดนั้นภายในรถก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก

“ครับ” ชายในชุดดำก้มหัวต่ำ เขาพูดล้ำเส้นเกินไป
ฮวงฟูอี้เดินตรงเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยที่กำลังร้องไห้อยู่ทีละก้าว หลังจากนั้นสักพัก เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย เขาไม่ได้เปิดปากพูดอะไรแต่ก้มมองไปที่ใบหน้าที่กำลังร้องไห้ของเธอด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจจึงเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะกำลังหัวเราะเยาะเธอ ทันใดนั้นเธอก็เอามือปาดน้ำตาด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก

“คนไม่มีมารยาท! ไม่เคยเห็นคนอื่นร้องไห้หรือไง?!!” มู่หรงเสวี่ยพูดด้วยเสียงสั่นเครือ แน่นอนว่าน้ำเสียงอาจจะไม่ทรงอำนาจเท่าไร

ฮวงฟูอี้เลิกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครกล้าพอจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ น่าสนใจจริงๆเลย

“ถนนนี่ไม่ใช่ของเธอ จะห้ามไม่ให้คนอื่นยืนได้เหรอ?! และที่ฉันหัวเราะ ฉันไม่ได้หัวเราะเธอซะหน่อย เธอคิดมากเกินไปแล้ว เดาว่าเธอคงคิดว่าตัวเองน่าขำสินะ…”
ชายคนนี้เป็นอะไรกันเนี่ย?!! มัวแต่ยืนยิ้มและทิศทางที่ยิ้มก็เห็นได้ชัดๆว่าจ้องมาที่เธอที่กำลังร้องไห้อยู่

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะยุ่งด้วยมากนักและเธอก็ไม่มีอารมณ์ด้วย อีกอย่างความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่อยู่ดีๆจะหายกันได้ง่ายๆด้วย ทุกๆวินาทีในตอนนี้หัวใจของเธอราวกับว่าถูกมีดกรีด จึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาเถียงกับคนอื่นอีก

ฮวงฟูอี้ดึงเธอขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยขัดขืนจนเกือบที่จะล้มไปข้างหลัง ฮวงฟูอี้รีบช่วยเธอไว้ทันที

หลังจากที่มู่หรงเวี่ยยืนได้อย่างมั่นคง เธอจึงหันหัวกลับมาและถามออกไปว่า “นายจะทำอะไร?” วันนี้เธอดวงไม่ดีเลยจริงๆ ต้องมาเจอชางกวนโม่กับไป๋เสวี่ยหลี่ ได้มานั่งร้องไห้ข้างถนนและต้องมาเจอคนแปลกๆแบบนี้อีก

อันที่จริงถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปก็คงจะตื่นเต้นไปแล้ว มีเพียงมู่หรงเสวี่ยที่ไม่สนใจรูปร่างหน้าตาของฮวงฟูอี้เลยสักนิด

“เธอชื่ออะไร?” อยู่ดีๆฮวงฟูอี้ก็อยากที่จะรู้ชื่อของเด็กสาว เขาจึงถามออกไปโต้งๆจนทำให้เธอตกใจ เขาจับที่มือของ มู่หรงเสวี่ย เวลาผ่านไปนานแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร นี่ยิ่งทำให้ ฮวงฟูอี้สนใจมากขึ้นไปอีก

ตั้งแต่เล็กจนโต ฮวงฟูอี้จะเป็นโรคแพ้ผู้หญิงและถึงขนาดมีหลายครั้งที่ถึงกับเป็นลมไปเลยจนต้องพึ่งยา แต่ตอนนี้เขาจับมือมู่หรงเสวี่ยแต่กลับไม่เป็นอะไรเลย เขารู้สึกสนใจมากจริงๆ นอกจากผู้หญิงแล้ว พวกผู้ชายเองก็ไม่ค่อยอยากที่จะอยู่ใกล้ๆเขา ซึ่งพูดได้ว่าไม่มีใครกล้าที่จะเข้าหาเขาเลย

“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย?” มู่หรงเสวี่ยมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย

ฮวงฟูอี้ปล่อยมือเธอ อีกฝ่ายไม่อยากที่จะบอกเขาและเขาเองก็ไม่เสียมารยาทมากพอที่จะถามอีกรอบ เขาเพียงแค่รู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยกำมือแน่น หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายตรงหน้าไม่ได้สนใจเธอ หลังจากที่ก่นด่าอยู่ในใจ เธอก็รีบเรียกแท็กซี่ให้จอด “ไปสนามบิน” ตั๋วที่เธอจองมาเลยเวลาไปแล้ว จึงทำได้เพียงกลับไปดูว่ายังมีเที่ยวบินที่มีที่นั่งว่างอยู่อีกหรือเปล่า?!

จนกระทั่งมู่หรงเสวี่ยไป ฮวงฟูอี้ไม่ได้สนใจอะไรมาก สำหรับเขามู่หรงเสวี่ยก็เป็นแค่นกที่อยู่ดีๆก็บินเข้ามาซึ่งทำให้เขาสนใจได้เพียงเล็กน้อย เวลาที่เขารู้สึกมีความสุข เขาก็อยากที่จะแกล้งมันนิดหน่อยอย่างที่ต้องการ แต่ถ้าเขาไม่อยาก เขาก็แค่ไม่สนใจ