โซเมนยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิมมอง ไปที่ใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของควีนจู่ๆก็รู้สึกว่าเธอแปลกหน้ามากเหลือเกิน
แม้ว่าพวกเขาจะคบกันมาหลายเดือนแล้ว แต่ช่วงเวลานี้เขาเหมือนไม่เข้าใจเธอเลย
เธอมักจะสวมชุดสูทมืออาชีพสีดำหรือสีเทา มักจะสวมแว่นตาขนาดใหญ่เพื่อปกปิดใบหน้าครึ่งนึง มักจะเข้มงวดและระมัดระวังอยู่เสมอ ราวกับว่าไม่สามารถเล่นมุกตลกอะไรกับเธอได้
มากเสียจนเขาคิดผิดว่าเธอไม่กล้าเล่นเกมรัก คิดผิดว่าเธอไม่มีวันเป็นคนเริ่มบอกลาในความสัมพันธ์นี้กับเขา คิดผิดว่าตราบใดที่เขาไม่บอกลาก่อน เธอก็จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
เพราะเขารู้ว่าเธอรักเขา รักเขามากๆ
แต่ตอนนี้ เธอกลับไม่ฟังสิ่งที่เขาพูดเลย ก็ตัดสินใจประกาศว่าพวกเขาจบกัน
ไร้หัวใจกว่าใครๆ
สำหรับเพื่อนแสนดีของเขาเทาเท่ ไม่แม้แต่จะลังเลใดๆก็ตกลงที่จะให้เธอย้ายจากเมืองเจสเวิร์ด: “ได้ เรื่องของ เขตอุตสาหกรรมซอลท์บิ๊วชิปก็ให้เธอดูแลแล้วกัน”
ใบหน้าควีนเปื้อนด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะเก็บของวันนี้และมอบงาน พรุ่งนี้จะได้ไปเริ่มงานเลย”
เทาเท่ยังคงตอบอย่างรวดเร็ว: “ไม่มีปัญหา”
โซเมนยิ้มเยาะหลังเห็นทั้งสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อย่างน้อยเขายังเป็นหนึ่งในคนที่เกี่ยวข้องในเรื่อง แต่กลับไม่มีใครถามความคิดเห็นของเขา ควีนประกาศเลิกโดยไม่ถามความคิดเห็นของเขา เทาเท่ตกลงให้ควีนจะไปที่เมืองGก็ไม่ได้ถามความคิดเห็นของเขา
ในสายตาพวกเขา เขาตายแล้วหรือไง?
เมื่อรู้ว่าควีนได้ตัดสินใจเอาลูกของพวกเขา อารมณ์ของเขาก็ซับซ้อนอย่างอธิบายไม่ถูก ตอนนี้ ควีนและเทาเท่มองข้ามเขาอย่างนี้ โซเมนก็โมโหขึ้นมาทันทีทันใด
เขาจ้องไปที่ควีนและเทาเท่กัดฟันพูด “ดี! ดี! พวกเธอมันแน่ พวกเธอแน่จริงๆ!”
เขายกมือชี้หาควีน น้ำเสียงสั่นเครือ “ควีน เธอพูดถูก พวกเราจบแล้ว”
“จบแล้ว!”
โซเมนพูดคำรุนแรงเหล่านี้ไว้แล้วเดินจากไป
เดินไม่กี่ก้าวก็ผ่านเก้าอี้เตี้ยที่จอนห์เพิ่งเตะไป เขาก็เตะมันแรงๆอีกครั้ง ถีบเก้าอี้แตกออกเป็นชิ้นๆ โซเมนก็ไม่สน กระแทกประตูออกไปด้วยความโกรธ
หลังจากเสียงปิดประตูดังลั่น ในห้องก็กลับคืนสู่ความสงบ
หลินจือเดินไปหาควีนทันทีและดึงเธอให้นั่งลง เกลี้ยกล่อมเธอด้วยความเสียใจมาก: “เธอเพิ่งแท้งมา ร่างกายของเธอทำงานหนักไม่ได้ เธอบอกว่าจะออกเดินทางพรุ่งนี้ได้ยังไง”
จอนห์ที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างกังวล: “ใช่พี่ พี่ต้องรักษาร่างกายให้ดีก่อนถึงจะไปได้”
“อีกอย่าง ทำไมพี่ถึงไป เมืองGล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่รู้นะ พี่ไม่ใช่ไม่รู้ ที่นั้นอยู่ใกล้บ้านเรามาก ถ้าแม่เราพวกเขา รู้ว่าพี่กลับไปอยู่ใกล้ขนาดนั้น คงเป็นปลิงมาดูดเลือดทั้งวัน”
แม้ว่าจะเป็นพ่อแม่ของตัวเอง แต่จอนห์ยังคงบ่นอย่างไม่เกรงใจ
ความคิดที่พ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวทำให้เขารู้สึกขยะแขยงอย่างมาก พวกเขาเอาเงินจำนวนมากไปจากลูกสาวอย่างควีนทุกปี ภายหลังก็แอบเอาให้ลูกชายเขาคนนี้ จอนห์พูดไม่ได้เลยว่าเกลียจขนาดไหน
เขาบอกพวกเขาหลายครั้งแล้วว่า ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยพิเศษของเทาเท่แล้ว ซึ่งเทียบเท่ากับรองประธานของบริษัท เงินเดือนประจำปีที่ เทาเท่ให้ก็สูงมาก ไม่ขาดเงิน ให้พวกเขาหยุดขอเงินจากควีนแล้วมาให้เขาสักที
แต่พ่อแม่ของเขาพูดยังไง?
บอกว่าไม่ว่าเขาจะมีเงินเท่าไหร่พวกเขาก็ยังจะขอควีนอยู่ดี เพราะควีนเป็นลูกสาว เป็นคนนอก ถ้าพวกเขาไม่ขอทีหลังควีนแต่งงานแล้ว เงินของเธอก็จะกลายเป็นของคนอื่นแล้ว
จอนห์แทบจะบ้าตาย เพราะเรื่องนี้ยังทะเลาะกับพวกเขาไปยกใหญ่
แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ยังร้องไห้และดุด่าเขา บอกว่าเขาไม่กตัญญู พวกเขาทำงานหนักคิดหน้าคิดหลังทุกวิถีทาง ทั้งก็ไม่ใช่เพียงเพื่อลูกชายคนนี้หรอ
ถ้าไม่ใช่ควีนห้ามเขา เขาคงมีใจที่จะตัดสัมพันธ์กับพวกเขาไปแล้ว
ดังนั้น หลายปีมานี้เขาจึงกลับบ้านน้อยมาก ยกเว้นวันรวมญาติในวันตรุษจีนที่เขาต้องกลับแล้ว ปกติเขาจะไม่ยอมกลับไปอีก
เมื่อถูกพ่อแม่ปฏิบัติอย่างโหดร้าย ควีนแม้ไม่ได้พูดอะไร แต่จอนห์ก็ดูออกว่าเธอเจ็บปวด เพราะหลายปีมานี้แม้แต่วันตรุษจีนเธอก็ไม่กลับ ใช้ทำงานล่วงเวลาเป็นข้ออ้าง
แน่นอน เธอจะซื้อของหลายอย่างให้พ่อแม่พร้อมโอนเงินก้อนใหญ่ พวกเขายิ้มจนหน้ายืด ไม่มีปัญหากับควีนที่จะไม่กลับไป
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในใจพวกเขาไม่สำคัญว่าลูกสาวจะกลับไปไหม ตราบใดที่เธอให้เงินก็พอ
เพราะงั้น พวกเขามีพ่อแม่อย่างนั้น ถ้าควีนไป เมืองG พวกเขาคงไปหาควีน ทั้งวันเพื่อขูดเลือดขูดเนื้อเธอแน่
ควีนยิ้มจางๆ : “เธอพูดแบบนี้เกี่ยวกับพ่อแม่ได้ไง ยังไงพวกเขาก็กำเนิดและเลี้ยงเรามา ให้เงินพวกเขานิดหน่อยก็สมควรแล้ว”
“พี่ให้เงินพวกเขานิดหน่อยที่ไหน พวกเขาเอาเงินเดือนของพี่ไปจนจะหมดอยู่แล้ว” จอนห์โกรธจัด
เขาหันไปขอร้องเทาเท่: “ประธานเทาเท่ คุณอย่าให้พี่สาวของผมไปที่ เมืองG เลย”
เทาเท่รู้สถานการณ์ที่บ้านของควีนดี ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ควีนอย่างเข้มงวดพูดว่า “ฉันสัญญาอย่างรวดเร็วก็เพื่อช่วยเธอยั่วโมโหโซเมน ตอนนี้ฉันจะให้เวลาเธอพิจารณา เธอเลือกที่จะไม่ไปได้”
น้ำเสียงของควีนหนักแน่น: “นี่เป็นผลมาจากการพิจารณาอย่างรอบคอบของฉันแล้ว”
เธอไม่ต้องการอยู่ในเมืองเจสเวิร์ดอีกต่อไป
จะอยู่ต่อไปได้ยังไง
เธอเป็นมือขวาของ เทาเท่อยู่ที่เมืองเจสเวิร์ดก็จะพบกับ โซเมนในสถานการณ์ทางธุรกิจต่างๆ หากพวกเขาคบกันเฉยๆแล้วเลิกกัน เธอก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับโซเมนได้อย่างไม่แยแส
แต่ตอนนี้มีชีวิตเล็ก ๆ ระหว่างพวกเขา ชีวิตเล็ก ๆ ที่เป็นของพวกเขาสองคน
เธอไม่สามารถข้ามอุปสรรคนี้ในใจเธอได้ ดังนั้นเธอจึงต้องไป
จู่ ๆ เธอก็เข้าใจการตัดสินใจของหลินจือที่จะหย่ากับเทาเท่ในตอนนั้น ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้แม้สักวินาทีจริงๆ มีเพียงแค่จากไปเท่านั้นที่จะช่วยหัวใจที่มีบาดแผลมากมายของเธอได้
เมื่อเทาเท่เห็นท่าทางแน่วแน่ของเธอ ก็กล่าวว่า “ตกลง ฉันยอมให้ที่จะย้าย แต่หลินจือพูดถูก เธอต้องดูแลร่างกายให้ดีก่อนที่จะไป”
ควีนส่ายหัวอย่างแน่วแน่: “ประธานเทาเท่ ถ้าคุณหวังดีกับฉันจริงๆ ก็ให้ฉันจากไปให้เร็วที่สุด”
“ร่างกายของฉันดีมาก แค่ทำแท้งไม่ถึงกับทรุดลงหรอก”
ควีนยืนกรานที่จะไป เทาเท่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
“พี่!” จอนห์โกรธจนปวดใจ นัยน์ตาก็แดงขึ้นทันทีทันใด
ควีนยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปลอบโยนเขา: “อย่ากังวล ฉันได้ขอให้เพื่อนร่วมชั้นของฉันช่วยหาที่พักให้แล้ว เก็บกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่เลย เมื่อฉันไปถึง เมืองG ก็พักผ่อนได้เลย”
“เธอนั่นแหละ ฉันไปในเวลานี้ กลัวว่าทีหลังงานของเธอจะเหนื่อยขึ้นเยอะขึ้น เธอต้องทำงานให้หนักเพื่อประธานเทาเท่ของเรา เขาเป็นผู้ให้ข้าวให้น้ำของเรานะ”
ควีนพูดเล่นๆ แต่จอนห์พวกเขากลับหวังให้ควีนร้องไห้ออกมา
ร้องไห้ออกมาเพื่อระบายความเจ็บในใจ ยังดีกว่าเก็บเอาไว้ในใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินจือมองควีนและเม้มปากตัวเองแน่นอย่างเสียใจ
ความเจ็บปวดที่อธิบายออกมาได้ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่แท้จริง
คนที่พูดไม่ออก เก็บมันไว้ในใจตลอดเวลา ถึงจะเป็นความเจ็บถึงขั้วหัวใจจริงๆ
ควีนก็คงเป็นอย่างหลังหละมั้ง