ตอนที่ 248 โดนจับคาที่ / ตอนที่ 249 พี่ชาย ฉันเจ็บ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 248 โดนจับคาที่

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบเร่งจนมาถึงยังใต้ตึกของซือกรุ๊ป พอรถจอดก็มุ่งหน้าพุ่งตัวขึ้นไปหาที่ห้องทำงานของไป๋จิ่ง หลังจากเสี่ยวหลิวพึ่งจะออกมาจากห้องทำงานของไป๋จิ่งก็เห็นเจียงมู่เฉินทันที เพียงรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตสังหารอย่างชัดเจน

 

 

           เขาคิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ตัวเองต้องแอบส่งข่าวด่วนไปบอกประธานไป๋ของเขาสักหน่อยไหม แต่ยังไม่ทันได้ใคร่ครวญเสร็จ เจียงมู่เฉินก็พุ่งตัวเข้าไปแล้ว

 

 

           ปัง! ได้ยินแค่เสียงกระแทก ประตูโดนเหวี่ยงในเพียงพริบตา

 

 

           เสี่ยวหลิวเก็บความคิดเรื่องแอบส่งข่าวเข้าไปอย่างเงียบๆ ถึงอย่างไรเขากับประธานไป๋ล้มได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ประธานไป๋ล้มแล้ว เขาก็ต้องพยายามปักหลักยืนหยัดอย่างทรหดเสมอ ไม่อย่างนั้นงานใครจะมาทำ

 

 

           คิดได้ขนาดนี้ เสี่ยวหลิวรู้สึกว่าตัวเองมีความจงรักภักดีที่สุดแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งอยู่ในห้องทำงาน เจียงมู่เฉินกดไป๋จิ่งไว้กับเก้าอี้ ยิ้มเยาะมองเขา ไป๋จิ่งสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น

 

 

           “คือว่า…คุณชายน้อยเจียง ฉันเป็นแฟนของเพื่อนนายนะ นายกดฉันไว้แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง”

 

 

           “แฟนช่วงทดลองใช้”

 

 

           ไป๋จิ่งได้ยินคำที่ฟังไม่เข้าหูที่สุด ‘ช่วงทดลองใช้’ ก็รีบโต้แย้งทันที “เดี๋ยวก็ต้องเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ฉันกลัวว่านายจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันได้เลื่อนขั้นวันนั้นแล้ว”

 

 

           “นายต้องการมาลงความโกรธแค้นอะไรกับฉัน” ไป๋จิ่งกลืนน้ำลาย คุณชายน้อยเจียงคงจะไม่มาหลงเสน่ห์ความหน้าตาดีของเขากะทันหัน แล้วมีใจอยากได้ขึ้นมาหรอกใช่ไหม 

 

 

           “ไป๋จิ่ง วันนี้ของปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของนาย ฉันร่ำลาแฟนช่วงทดลองใช้ของนายให้นายเรียบร้อยแล้ว ให้เขาไม่ลืมไปไหว้นายด้วย”

 

 

           “มั่วไป๋ว่ายังไงบ้าง” ไป๋หน้าสีหน้ารอคอย อยากรู้เหลือเกินว่ามั่วไป๋ของเขาจะพูดคำอาวรณ์อะไรออกมาได้บ้าง

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะเพียงนิด “เขาบอกว่าจะเก็บศพนาย แล้วยังจะส่งดอกกุหลาบวางหน้าป้ายหลุมศพนายด้วย”

 

 

           ไป๋จิ่งมองเขาอย่างสิ้นหวัง “มั่วไป๋ของฉันพูดขนาดนี้จริงๆ เหรอ”

 

 

           “อะไรกัน ตัวนายเองอยู่อันดับที่เท่าไหร่ในใจของมั่วไป๋ นายเองไม่ได้นับดูหรือไง”

 

 

           “เป็นไปไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ที่มั่วไป๋จะไม่ชอบฉัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ชอบกับน้องสาวนายสิ”

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าไม่เข้าใจ “ไม่ได้สิ ฉันไม่มีน้องสาวนะ เขาจะชอบน้องสาวฉันได้ยังไงกัน” เขาเงยหน้ามองเจียงมู่เฉิน “หรือว่าฉันจะต้องแปลงเพศ แล้วแกล้งทำเป็นน้องสาวฉันเข้าใกล้เขา?”

 

 

           เจียงมู่เฉินจะโดนความคิดพิสดารของไป๋จิ่งโจมตีจนจะแพ้แล้วจริงๆ เมื่อก่อนรู้สึกว่าคนคนนี้ดูเหมือนจะยังเป็นผู้เป็นคนอยู่บ้าง ตอนนี้เดินบนเส้นทางนักแสดงตัวพ่อนับวันยิ่งไปไกลแล้ว

 

 

           ยังเป็นประเภทที่กู่อย่างไรก็กู่ไม่กลับเสียด้วย

 

 

           เจียงมู่เฉินหลับตาลง กำปั้นทุบไปบนเก้าอี้ข้างตัวไป๋จิ่ง “ใครอนุญาตให้นายเอาเรื่องฉันไปโพนทะนาไปทั่วแบบนี้”

 

 

           “ฉันโพนทะนาเรื่องอะไรของนาย”

 

 

           “แม่งเอ๊ย เรื่องที่ฉันโดนซือเหยี่ยนกักตัวสามวันเต็มๆ นายไม่ได้พูด เป็นผีพูดหรือไง” เจียงมู่เฉินขบกราม “นายจะให้คุณชายกักตัวนายสามวันเต็มๆ ให้นายโดนจับกดครั้งแล้วครั้งเล่าใช่ไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งคิดไตร่ตรองอย่างจริงจังสักพักหนึ่ง “ถ้านายอยากจะกักตัวฉันไว้สามวันเต็มๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” เขาลูบคางไปมา “ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”

 

 

           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา ตอนนี้ยังกล้ามีเงื่อนไขอีกเหรอ

 

 

           “ให้มั่วไป๋ของฉันเข้ามาอยู่ด้วยกันกับฉันได้ไหม แบบนี้นายอย่าว่าแต่สามวันเลย สัปดาห์หนึ่งฉันก็ไม่ต่อต้านอะไรทั้งนั้น”

 

 

           เจียงมู่เฉิน “…”

 

 

           อดจะมองบนใส่ไม่ได้แล้วจริงๆ วงจรสมองของคนคนนี้เป็นลำไส้ใช่ไหม ไม่ปกติเลยสักนิด

 

 

           เขามองไป๋จิ่งเอ่ยถามอย่างจริงจัง “นายต่ำทรามขนาดนี้ มั่วไป๋รู้บ้างไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งใคร่ครวญครู่เดียว “มั่วไป๋จะรู้หรือไม่รู้ เรื่องนี้ฉันไม่แน่ใจ แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันแน่ใจ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “เรื่องอะไร”

 

 

           ไป๋จิ่งได้ยินเสียงประตูเปิด เขายิ้มเบาๆ แต่สดใสไม่มีใครเกินให้กับเจียงมู่เฉิน “ฉันแน่ใจว่านายอาจจะต้องโดนจับกลับไปกักตัวสามวันอีกครั้ง”

 

 

           ประตูถูกผลักเปิดเข้ามาพอดี เจียงมู่เฉินกำลังกดไป๋จิ่งไว้อยู่ อิริยาบถของคนสองคนใกล้ชิดแนบสนิทกัน

 

 

 

 

ตอนที่ 249 พี่ชาย ฉันเจ็บ

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้าดำคร่ำเคร่งยืนอยู่หน้าประตู เห็นสองคนที่อยู่ไม่ไกล เส้นเลือดบนหน้ากระตุกแล้วกระตุกอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินหันกลับมามองซือเหยี่ยน ทั้งยังก้มหน้ามองมือที่กดอยู่บนตัวของไป๋จิ่ง เขารีบเก็บมือเข้าไป แล้วมองซือเหยี่ยน “ถ้าฉันบอกว่า ฉันเตรียมจะล้อเล่นกับไป๋จิ่ง นายจะเชื่อไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น เดินเข้าไปอย่างช้าๆ หิ้วปีกเจียงมู่เฉินกลับมากดที่ห้องทำงานของตัวเอง “ตอนนี้ผมกดคุณอยู่ก็คือการล้อเล่นเหมือนกัน คุณจะเชื่อไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินมุมปากกระตุกแล้วกระตุกอีก เขาอยู่ในท่าแบบนี้แล้ว ยังจะกดไว้ล้อเล่นเหรอ

 

 

           “ซือเหยี่ยน นายเห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง” เขาดูเหมือนปัญญาอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ

 

 

           “แล้วคุณคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ” ซือเหยี่ยนเอาคำพูดคงเดิมย้อนใส่เจียงมู่เฉิน

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกตัวเองก็จะไม่พุ่งเข้าไปคิดบัญชีในห้องทำงานของไป๋จิ่ง ควรจะให้ซือเหยี่ยนไปช่วยเขาคิดบัญชี

 

 

           ซือเหยี่ยนขบกรามมองเขา “สองวันก่อนจูบมั่วไป๋ วันนี้มาคร่อมทับไป๋จิ่ง ทำไม ผมเติมเต็มให้คุณไม่ดีพอกับใจคุณใช่ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกถึงก้นที่เกร็งแน่น รีบยอมแพ้ “พี่ชาย พอใจๆๆ พอใจเป็นพิเศษเลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “อ้อ แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าคุณพอใจนะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินร้องโหยหวนในใจอย่างเงียบๆ ตอนนี้ใครช่วยพาเขาออกจากปากซือเหยี่ยนออกมาได้ เขารับรองจะขอบคุณเขาคนนั้นไปตลอดชีวิตเลย

 

 

           ‘ก้นเขายังเจ็บอยู่นะ’ ถ้าโดนซือเหยี่ยนจับกดอีก ไม่ช้าก็เร็วจะต้องตายภายใต้ร่างของซือเหยี่ยนแน่

 

 

           “พี่ชาย ฉันเจ็บ” เจียงมู่เฉินเริ่มแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา

 

 

           “พอดีเลย ผมจะได้ช่วยคุณดู” ขณะพูดก็จะลงมือถอดกางเกงของเจียงมู่เฉินไปด้วย

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ต่อไปจะไม่รนหาที่ตายอีกแล้ว โดนจับกดบ่อยๆ ขนาดนี้ช่างขาดทุนง่ายมากจริงๆ เขายังหนุ่มขนาดนี้ไม่อยากจะตายตั้งแต่ยังหนุ่มนะ

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทีของเขา รอยยิ้มก็ฉายสะท้อนขึ้นในแววตาแวบหนึ่ง เขาจงใจจ้องมองคนตรงหน้า พร้อมแสดงท่าทางเหมือนว่าจะจัดการเขาตรงนี้จริงๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินหวาดกลัว หรือว่าสถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีใครที่ไหนจะมาช่วยเขาเลยเชียวเหรอ

 

 

           ก๊อก ก๊อก…

 

 

         จู่ๆ ประตูก็ถูกเคาะสองที เจียงมู่เฉินได้ยิน ดวงตาก็ลุกวาวในพริบตา หรือว่าผู้ช่วยชีวิตมาถึงแล้วใช่ไหม ผู้มีพระคุณสินะ

 

 

           เขายกเท้าถีบเข้าไป “รีบปล่อยคุณชายสิ มีคนมาแล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางร้อนรนของเขา แอบออกแรงในมือเงียบๆ ไม่ยอมปล่อยมือ เขาจงใจก้มหน้าเข้าใกล้ใบหน้าของเจียงมู่เฉิน ทำท่าทางต้องการจะจูบอีกฝ่าย “ห้องทำงานของผม ผมไม่ให้เข้ามา เขาก็ต้องยืนรออยู่ข้างนอกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

 

 

           เขากัดเข้าที่มุมปากของเจียงมู่เฉิน “มาแก้ปัญหาระหว่างพวกเราสองคนก่อนดีกว่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินตกใจจนฉี่จะราดแล้ว ไม่ขนาดนี้มั้ง ข้างนอกยังมีคนอยู่ เจ้าหมอนี่ยังคิดจะกดเขา เมื่อกี้ที่พวกเขาเข้ามายังไม่ได้ล็อกประตูนะ ถ้าหากโดนคนเห็นเข้า จะไม่เสียหน้าไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิกเลยเหรอ

 

 

         เจียงมู่เฉินขบกราม ตอนนี้ในอิริยาบถนี้ ซือเหยี่ยนไม่ร้อนใจอยู่แล้ว มีความสามารถให้เขาพลิกกลับมากดซือเหยี่ยนได้ รับรองเขาเองก็ใจเย็นมากเหมือนกัน

 

 

           “นายแม่งปล่อยฉันนะ ฉันไม่ได้อยากแก้ปัญหากับนายสักหน่อย”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “เฉินเฉิน คุณไม่ยินยอมจริงๆ เหรอ”

 

 

           “หัวฉันโดนประตูหนีบเท่านั้นแหละถึงจะเห็นด้วยได้” เขาขยับขาอยากจะเตะซือเหยี่ยน “แม่งเอ๊ยนายปล่อยฉันนะ ได้ยินไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้รอยยิ้มในแววตายิ่งหยั่งลึก เขาวางมือบนกระดุมเสื้อเชิ้ตของเจียงมู่เฉิน หัวใจเจียงมู่เฉินตกใจแทบจะหยุดเต้นแล้ว “ซือเหยี่ยน นายแม่งจะมาจริงๆ เหรอ”

 

 

           เขาลงมือแยกกระดุมเม็ดแรกออก “อะไรกัน ผมมาหลอกๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

           นอกประตูมีเสียงเคาะดังขึ้นมาอีกสองครั้ง หัวใจที่ตื่นตระหนกของเจียงมู่เฉินใกล้จะกระโดดออกมาแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่ตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน

 

 

           “นายว่ามา นายจะเอายังไงกันแน่” เจียงมู่เฉินขบกราม