ตอนที่ 719 ลงโทษหลังใบไม้ผลิ / ตอนที่ 720 องค์หญิงทรงเชิญ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 719 ลงโทษหลังใบไม้ผลิ

 

 

ป๋ายไต้ซือได้ยินเช่นนี้ร่างกายสั่นเทิ้ม ปิดเปลือกตาลงและเอ่ย “เป็นความผิดของกระหม่อมเอง ขอฝ่าบาทโปรดทรงลงอาญาด้วย”

 

 

การจะผลักภาระเรื่องพวกนี้ให้เด็กรับใช้ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรก็ย่อมได้ แต่หากเกิดขึ้นกับเขาจะกลายเป็นบกพร่องในการสั่งสอนทันที ซูหลียิ้มเย็น หลุบสายตาก้มศีรษะ ไม่พูดอะไรอีก

 

 

จะใช้แค่เรื่องนี้โค่นบ้านสกุลป๋ายก็ถือว่ายากลำบากเอาการ

 

 

แต่อย่างน้อย…

 

 

“เรียกโจวเว่ยมา” ฉินเย่หานที่อยู่ด้านบน เมื่อประทับบนบัลลังก์แล้ว ทรงปั้นสีพระพักตร์เย็นชา แต่ก็ทรงไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานรับคำ ลนลานเดินออกไปด้านนอก ทรงเรียกหาโจวเว่ย

 

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท” โจวเว่ยเห็นคนในตำหนักคุกเข่าลงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่คุกเข่าลงถวายบังคมเท่านั้น และรอฟังกระแสรับสั่งของฮ่องเต้

 

 

“ไปที่จวนป๋ายไต้ซือ เรียกเด็กรับใช้ที่ชื่อฝูวั่งมา” สีพระพักตร์นิ่งเฉย ตรัสด้วยพระสุรเสียงเยือกเย็น

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

“อนึ่ง ถ่ายทอดพระบรมราชโองการ เด็กรับใช้ของป๋ายเฮ่อผู้นี้คบค้าสมาคมกับติ้งอันโหว ปลูกดอกฝิ่นเป็นโทษใหญ่หลวง ป๋ายเฮ่อขุนนางกังฉินแอบอ้างเบื้องสูง ตั้งแต่วันนี้ไปให้ขับออกจากราชการ ริบศักดินา และห้ามเข้าร่วมการสอบเคอจวี่เป็นเวลาห้าปี!”

 

 

“ป๋ายไต้ซือบกพร่องในการสอนสั่ง ตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี กักบริเวณสามเดือน หากทำผิดอีก…” แววพระเนตรเย็นชาจ้องป๋ายไต้ซือ

 

 

แววตาของโอรสสวรรค์ทำให้คนสบตาใจสั่นระรัว ราวกับว่าทรงทำร้ายอีกฝ่ายด้วยสายตาได้จริงๆ

 

 

ถึงจะเป็นคนอย่างป๋ายไต้ซือก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

 

 

“ประหารชีวิตเท่านั้น!”

 

 

หน้าป๋ายไต้ซือเปลี่ยนสี ร่างกายเขาสั่นระริก เขาลนลานแนบลงบนพื้น เอ่ยเสียงสูง “กระหม่อม ขอบพระทัยที่พระองค์ทรงเมตตา ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี!”

 

 

แต่เสิ่นฉางชิงที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง ลอบปลูกฝิ่นนั้นเป็นโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต ผู้ชักใยเบื้องหลังกลับโดนลงโทษเพียงเท่านี้แต่เขากลับต้อง…

 

 

“ติ้งอันโหวเสิ่นฉางชิง ลอบปลูกฝิ่น และยังใช้ฝิ่นหาเงิน ส่งผลเสียต่อราชสำนัก ไม่อาจลดโทษให้ได้ จับเขาไปขังคุกหลวง ลงโทษหลังใบไม้ร่วง!”

 

 

ผลั่ก! เสิ่นฉางชิงทรุดลงไปบนพื้น ใบหน้าซีดเผือด

 

 

ร่วมมือกับคนสกุลป๋าย ถึงกับต้องชดใช้ด้วยชีวิตของตนเอง ตอนนี้ซูหลีคงไม่ต้องพูดมาก เสิ่นฉางชิงอยากจะโยนเรื่องนี้ไปให้คนสกุลป๋าย

 

 

แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้ขาดพยาน ไม่มีคนแก้ต่างให้เขา ไม่ว่าเขาพูดอะไร คนกะล่อนอย่างป๋ายไต้ซือก็มีวิธีเอาตัวรอดไปได้เสมอ!

 

 

“ฝ่าบาท ฝ่าบาท เรื่องนี้ป๋ายเฮ่อเป็นคนสั่งให้กระหม่อมทำ ฝ่าบาททรงวินิจฉัยด้วย…” เขาไม่อาจแก้ตัวได้แล้ว ถูกทหารองครักษ์ลากออกจากตำหนัก ปากก็ยังคงสบถด่าคู่พ่อลูกสกุลป๋ายไม่หยุดปาก

 

 

ซูหลีชะงัก หันศีรษะมองอย่างอดไม่ได้ จ้องคนผู้นั้นเต็มตา

 

 

สภาพเขาบ้าคลั่ง ดูอนาถอย่างบอกไม่ถูก โขกศีรษะตัวเองไม่หยุด แต่ก็ยังคงดิ้นรนไม่หยุด สุดท้ายก็โดนทหารองครักษ์ถูลู่ถูกังออกไป

 

 

ซูหลีถอนหายใจ สีหน้าลนลานเล็กน้อย

 

 

นางคิดถึงวันสุดท้ายในการมีชีวิตอยู่ของนาง ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่ฝนโหมกระหน่ำตนเองคุกเข่าตรงหน้าเสิ่นฉางชิง เนื้อตัวสั่นเทิ้ม อ้อนวอนเขาให้ปล่อยนางไปช่วยคนที่บ้าน

 

 

ตอนนั้นคิดไปแล้วก็ทำให้เกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ

 

 

ที่จริงแล้วถือได้ว่านางได้เกิดใหม่อีกครั้ง

 

 

แต่คราวนี้เรื่องราวเปลี่ยนไปแล้ว เสิ่นฉางชิงกลายเป็นคนที่รอความตายแทน

 

 

แววตาซูหลีเย็นชา แต่ทว่านี่เป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น

 

 

เรื่องของสกุลหลี่!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 720 องค์หญิงทรงเชิญ

 

 

นางจะต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ ต้องดูให้ได้ว่าทำไมบ้านสกุลหลี่ถึงต้องโดนฆ่าล้างสกุล!

 

 

เรื่องวันนี้ อันที่จริงบทลงโทษที่สกุลป๋ายโดนไม่น้อยเลย

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งป๋ายเฮ่อโดนริบตำแหน่งไป ภายใน 5 ปีจะไม่สามารถเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ได้ อย่าคิดว่าเป็นระยะเวลาแค่ 5 ปีสั้นๆเท่านั้น

 

 

ป๋ายไต้ซืออายุก็ไม่ใช่น้อยๆ ใน 5 ปีนี้ สกุลป๋ายไม่มีใครรับช่วงต่อในราชสำนัก เช่นนั้นแล้วจะทำให้ขั้วอำนาจของสกุลป๋ายขาดช่วงไป หรืออาจจะถึงกับทำให้สกุลป๋ายอ่อนแอลง

 

 

ถึงจะบอกว่าอูฐผอมก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า แต่เมื่อเจอเรื่องนี้เข้า เกรงว่าสกุลป๋ายคงจะร่วงลงจากตำแหน่งตระกูลสูงศักดิ์อันดับแรกของราชสำนักแล้ว

 

 

ไม่ต้องนับเรื่องที่ป๋ายเฮ่อจะสอบได้หรือไม่ในอีกห้าปีข้างหน้า ต่อให้สอบติด สกุลป๋ายก็ไม่มีทางเป็นสกุลป๋ายในวันวานอีกแล้ว

 

 

โดยสรุปก็คือซูหลีพออกพอใจกับผลลัพธ์นี้

 

 

ส่วนที่สกุลป๋ายเคยมาพูดเรื่องสมรสที่สกุลซู ย่อมไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้อีก เพราะเรื่องเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้แล้ว ซูหลีจัดการลากสกุลป๋ายลงมาจากสกุลสูงศักดิ์ลำดับแรกๆ

 

 

ยังจะพูดเรื่องเกี่ยวดองกันอีกเหรอ?

 

 

ไม่เอาคืนก็ถือว่าใช้ได้แล้ว!

 

 

“เลิกได้…”

 

 

เพราะว่าซูหลีก่อเรื่องเช่นนี้ เรื่องที่ถวายรายงานฝ่าบาทต่อมา จึงกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเปรียบเทียบกัน จนไม่ควรค่าให้ใส่ใจ

 

 

ซูหลีเหม่อลอย จึงไม่ได้ฟังเรื่องหลังจากนั้นอย่างละเอียด จนได้ยินเสียงหวงเผยซาน นางถึงได้สติ

 

 

“เจ้าเก่งเสียจริง!” เมื่อเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นฉินเย่หานยืนอยู่ตรงหน้านาง ด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว!

 

 

“ก็เก่งทั่วๆไป” ซูหลีเลิกคิ้ว ไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย นอกจากฝ่าบาททรงลงโทษคนทั้งสองแล้ว ยังทรงประทานรางวัลให้ซูหลีไม่น้อยเลย

 

 

เพียงแต่ว่านางเพิ่งจะเป็นขุนนางระดับหนึ่ง ยังไม่เลื่อนตำแหน่ง แต่เงินรางวัลนี้ไม่น้อยเลย ยังทรงประทานที่นาให้นางด้วย

 

 

ทั้งหมดนี้เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น

 

 

ซูหลีย่อมรับรางวัลอย่างอารมณ์ดี

 

 

“ใต้เท้าซู!” ซูไท่เห็นท่าทางเช่นนี้ของซูหลี ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่ได้ยินเสียงแบบนี้ดังขึ้นพอดี หันหน้าไปก็เห็นนางกำนัลในชุดแดงเดินมา ซูหลีนิ่งไปน้อยๆ

 

 

ซูหลีชะงักน้อยๆ จากนั้นก็มองนางกำนัลนางนั้น “พี่สาวมีอะไรหรือไม่?”

 

 

ใบหน้านางขาวนวลราวหยก ใบหน้านั้นน่าชมจนทำให้นางกำนัลหน้าแดงอย่างอดไม่ได้

 

 

“บ่าวชื่อหลิงเอ๋อร์เป็นบ่าวข้างกายองค์หญิงจินเย่ว์ ใต้เท้าซู องค์หญิงทรงเชิญท่านไปเฝ้า”

 

 

องค์หญิง…

 

 

ใบหน้าซูหลีตกตะลึง แล้วชะงักนิ่ง นึกถึงเรื่องที่ฉินเย่หานคุยกับนางอย่างอดไม่ได้

 

 

แล้วองค์หญิงจินเย่ว์ทรงเรียกหานาง คงจะไม่…

 

 

นางกระตุกมุมปาก คงจะไม่ล่ะมั้ง ไม่ว่าอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงองค์หญิง คงจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นกระมัง

 

 

“เจ้านิ่งอยู่ทำไม ไม่ได้ยินพระกระแสรับสั่งขององค์หญิงเหรอ รีบไปเข้า!” ซูไท่ชะงักไป แต่เมื่อเขาเหลือบตาเห็นท่าทางของซูหลี ก็หงุดหงิด โบกมือไล่ซูหลีไปไกลๆ ทันที

 

 

ซูหลี “…”

 

 

ไม่รู้ว่าบิดาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของนางคิดอะไรอยู่

 

 

ราชวงศ์ต้าโจวมีกฎคนที่อภิเษกสมรสกับองค์หญิง ซึ่งก็คือราชบุตรเขย จะไม่สามารถรับราชการได้

 

 

ดังนั้นไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม ซูหลีก็ไม่สามารถแต่งกับองค์หญิงได้

 

 

นางยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก อีกอย่างนางไม่ใช่ผู้ชาย สมรสกับองค์หญิงจะได้ยังไง?

 

 

“ไปเถอะ” ซูหลีถอนหายใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องไปเข้าเฝ้าอยู่ดี นางไม่อาจทำให้องค์หญิงทรงรอได้

 

 

พูดให้ชัดเจนก็ดี

 

 

“เชิญใต้เท้าซูตามบ่าวมา” หลิงเอ๋อร์เห็นสถานการณ์เช่นนั้นค้อมศีรษะให้ซูไท่ แล้วนำซูหลีไปอีกทาง