ซูจิ่นซียกมือจับไปที่หน้าอก และก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้า
“พี่สะใภ้”
ทันใดนั้น เสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ซูจิ่นซีตกตะลึงกับเสียงนั้น นางหันหลังไปเห็นสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น และค่อยๆ เคลื่อนที่มาทางนาง
“เว่ยเหม่ยเจีย? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น
แม้ใบหน้าของสตรีผู้นั้นจะมีผ้าคลุมไว้ ทำให้มองใบหน้าได้ไม่ชัดนัก ทว่าอาศัยเพียงรูปร่างและน้ำเสียง ซูจิ่นซีก็แน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือ เว่ยเหม่ยเจีย
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สะใภ้ช่างเฉียบแหลมเสียจริง เหม่ยเจียกลายเป็นเช่นนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าพี่สะใภ้ยังจำได้”
เว่ยเหม่ยเจียปิดปากแผ่วเบา พลางหัวเราะเสียงดังราวกับเสียงของระฆังทองเหลือง
ซูจิ่นซีหรี่ตาลง แววตาดั่งคมมีดเหมือนจะฉีกเว่ยเหม่ยเจียออกเป็นชิ้นๆ
ทำให้นางบาดเจ็บสาหัสมากถึงเพียงนั้น ต่อให้เว่ยเหม่ยเจียกลายเป็นเถ้าถ่าน ซูจิ่นซีก็จำนางได้
“ทว่า พี่สะใภ้ เหม่ยเจียตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านมอบให้! ท่านว่า เหม่ยเจียควรตอบแทนท่านอย่างไรดี? ”
เสียงหัวเราะของเว่ยเหม่ยเจียพลันหยุดลง
ซูจิ่นซีรู้ดีว่าเว่ยเหม่ยเจียปรากฏตัวในเวลานี้ ต้องไม่เป็นเรื่องดีแน่นอน
แววตาดุดันของซูจิ่นซียิ่งเพิ่มความเคร่งขรึมมากขึ้น
คนเช่นเว่ยเหม่ยเจียชำนาญในการสังเกตสีหน้าคน จากการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของซูจิ่นซี ทำให้คาดเดาได้ว่าภายในใจของนางกำลังเตรียมพร้อม
“พี่สะใภ้วางใจ เหม่ยเจียไม่ทำอันใดพี่สะใภ้อย่างแน่นอน แม้เหม่ยเจียคิดจะทำก็ตาม ท่านดูสภาพของเหม่ยเจียในตอนนี้สิ ยังสามารถทำอันใดได้อีก? ”
เพียงจะให้อภัยเจ้า ก็ยังไม่กล้า!!!
แววตาเคร่งขรึมเย็นชาของซูจิ่นซีผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ต่อให้เจ้าคิดจะทำอันใด ทว่ายังไม่ทันลงมือ ข้าก็สาดพิษใส่เจ้าจนตายไปก่อนแล้ว!
ซูจิ่นซีครุ่นคิดพลางตรวจดูระบบถอนพิษว่า มียาพิษใดที่ร้ายแรงและเหมาะสมพอที่จะใช้กับเว่ยเหม่ยเจีย
เว่ยเหม่ยเจียเห็นสีหน้าของซูจิ่นซีสงบลงและดูเป็นมิตรมากขึ้น จึงเข็นรถเข้าไปใกล้ซูจิ่นซีอีกเล็กน้อย
แม้ร่างกายของนางจะพิการไปแล้ว ทำได้เพียงอาศัยรถเข็นเท่านั้น ทว่าสตรีนางนี้ยังคงทำตัวแข็งแกร่ง แววตายังปรากฏรอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อก่อน
“พี่สะใภ้ เหม่ยเจียมาหาท่านเพราะต้องการพูดเปิดใจกับท่าน! ”
ซูจิ่นซีมองไปรอบๆ พื้นที่กว้างใหญ่ นอกจากเสาหินเย็นเฉียบ โซ่เหล็กที่แขวนอยู่บนเสาหิน และอัคคีศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังลุกโชนพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการสนทนาหรือ?
ใบหน้าซูจิ่นซีเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
“พูดคุย? สถานที่เช่นนี้หรือ? อีกอย่าง เจ้ากับข้า… มีสิ่งใดให้พูดคุยกันอีก? ”
“ฮ่า ฮ่า พี่สะใภ้อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ! แม้เหม่ยเจียจะเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของท่าน ทว่าเสด็จป้ามีข้าเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว ระหว่างท่านกับข้ายังมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน! อย่างเช่น เพื่อนเล่นสมัยเด็กของเสด็จพี่เป็นคุณชายตระกูลใด เสด็จพี่เคยชอบพอกับคุณหนูตระกูลใดมาก่อน ก่อนที่พี่สะใภ้จะเข้ามา แม่สื่อได้ติดต่อเรื่องการสมรสไว้กี่แห่งแล้ว มีกี่คนที่อยู่ในใจของเสด็จพี่… ”
ซูจิ่นซีรู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้เป็นไปไม่ได้ ต่อให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง เว่ยเหม่ยเจียก็คงไม่เอ่ยปากโดยง่าย
สิ่งเหล่านี้ เว่ยเหม่ยเจียจงใจพูดยั่วยุซูจิ่นซี แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่าเว่ยเหม่ยเจียจะพูดเสริมอีกครั้ง “และตัวอย่างเช่น พูดคุยเรื่องที่พี่สะใภ้สนใจที่สุด เรื่องที่ท่านตรวจสอบมานานทว่ายังไม่พบเบาะแสอันใด เรื่องเกี่ยวกับความจริงเมื่อหลายปีก่อนของการเกิดโรคระบาดที่เมืองเจียงหลิง”
เรื่องในเมืองเจียงหลิง?
ซูจิ่นซีหรี่ตามองทันที
“เรื่องของเมืองเจียงหลิงในตอนนั้นหรือ? เจ้ารู้ได้อย่างไร? ผู้ใดบอกเจ้าว่าข้าสนใจเรื่องนี้? ”
ปกติแล้วเว่ยเหม่ยเจียรังเกียจเรื่องพวกนี้ ทว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึก ทั้งยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยโยวเหยาซึ่งนางเป็นกังวลอยู่ในใจ ทว่าในด้านอื่น ไม่มีเรื่องใดที่ทำให้นางรู้สึกกระตือรือร้น
การตอบสนองแรกของซูจิ่นซีคือ จะต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังเว่ยเหม่ยเจียแน่นอน
“พี่สะใภ้ ท่านอย่าเพิ่งรีบถามว่าผู้ใดบอกเหม่ยเจีย จุดสำคัญคือ เหม่ยเจียสามารถบอกพี่สะใภ้เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่ท่านต้องการรู้ได้”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองเจียงหลิงในตอนนั้น เป็นเรื่องที่ซูจิ่นซีกังวลใจมาตลอด เรื่องนั้นไม่เพียงเกี่ยวพันกับชีวิตของนางเท่านั้น มันยังเกี่ยวโยงถึงข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของมารดานางอีกด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซูจิ่นซีมักรู้สึกว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ซูจิ่นซีเฝ้าค้นหามานาน ในที่สุด ความจริงอันซับซ้อนก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม นางสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
ซูจิ่นซีหรี่ตาทั้งคู่ลง สังเกตอาการของเว่ยเหม่ยเจีย “มีอันใดก็พูดออกมาตามตรงเถิด! อย่ามัวอ้อมค้อมอยู่เลย พูดสิ่งที่เจ้ารู้ออกมาให้หมด”
รอยยิ้มแห่งความสำเร็จของเว่ยเหม่ยเจียถูกผ้าคลุมหน้าผืนบางปิดบังไว้ นางพูดต่อไปว่า
“เรื่องที่เมืองเจียงหลิงในตอนนั้น แท้จริงแล้วต้องเริ่มจากพิษที่รุนแรงชนิดหนึ่ง พี่สะใภ้ ท่านมีความชำนาญด้านยาพิษ ท่านต้องรู้จักพิษอั้นหรานเซียวหุนอย่างแน่นอน”
อั้นหรานเซียวหุน?
ภายในใจซูจิ่นซีรู้สึกสั่นไหว ทว่าใบหน้าของนางกลับไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมามากนัก ทั้งยังฟังเว่ยเหม่ยเจียพูดต่อไปอย่างสงบนิ่ง
“เมืองเจียงหลิงเป็นชายแดนติดต่อระหว่างแคว้นจงหนิงกับแคว้นไหวเจียง เป็นที่อยู่อาศัยของชาวเผ่าไป๋ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ชาวเผ่าไป๋ได้รับคำสั่งจากเทพโบราณและอาศัยอย่างสันโดษที่เมืองเจียงหลิง พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์อั้นหรานเซียวหุน ในตำนานกล่าวว่า ภายในสุสานจิ่นอีโฮวสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกมีความลับของการรวบรวมแผ่นดินเก็บซ่อนไว้ และอั้นหรานเซียวหุนเป็นกุญแจสำหรับเปิดสุสานจิ่นอีโฮว เวลานั้นผู้คนของแต่ละแว่นแคว้นต่างแย่งชิงอั้นหรานเซียวหุน ฝ่าบาทรับสั่งให้แม่ทัพผู้มีความสามารถไปยังเมืองเจียงหลิงเพื่อนำอั้นหรานเซียวหุนกลับมา เมื่ออั้นหรานเซียวหุนสูญหาย ชาวเผ่าไป๋จึงถูกสาปให้ต้องเจ็บป่วยด้วยโรคระบาดชนิดหนึ่ง ฝ่าบาทส่งคนไปบรรเทาภัยพิบัติที่เมืองเจียงหลิง ทว่าแท้จริงแล้ว พระองค์แอบส่งคนไปทำลายล้างเมืองเจียงหลิง”
ใช้เลือดชำระล้างเมืองเจียงหลิง?
ภายในใจซูจิ่นซีพลันตกตะลึง
เว่ยเหม่ยเจียสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของซูจิ่นซีอย่างละเอียด และค่อยๆ พูดว่า “ได้ยินว่า ตอนนั้นทุกคนในเมืองเจียงหลิง นอกจากพระสนมเหมยที่ตกใจจนสูญเสียความทรงจำและถูกส่งกลับมายังวังหลวง ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ก็ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ผู้คนทั้งหมดต่างเสียชีวิตภายใต้คมดาบของผู้ที่ฝ่าบาทส่งไป พี่สะใภ้ลองทายดูสิว่า ตอนนั้นฝ่าบาทส่งกองทัพใดไป? แม่ทัพผู้นั้นคือใคร? ”
ความจริงที่ถูกปิดบัง ทว่าความคลุมเครือนั้นกลับปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เพราะเหตุใด ยิ่งซูจิ่นซีเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไร ภายในใจของนางยิ่งรู้สึกเจ็บปวดจนต้องการวิ่งหนี
ทว่าสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า ซูจิ่นซีเต็มใจเดินเข้าสู่กับดักของเว่ยเหม่ยเจีย เว่ยเหม่ยเจียจะยอมปล่อยให้ซูจิ่นซีหลบหนีไปได้อย่างไร?
ซูจิ่นซีรู้สึกสับสนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เว่ยเหม่ยเจียแย้มยิ้มอย่างมีความสุข พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือนราวกับใบมีดดังเข้าหูของซูจิ่นซี
เว่ยเหม่ยเจียหัวเราะแล้วพูดว่า “หากพี่สะใภ้ทายไม่ถูก เหม่ยเจียจะบอกพี่สะใภ้ให้ก็ได้ ตอนนั้นฝ่าบาทส่งขุนพลผีของเสด็จพี่ไป ส่วนแม่ทัพผู้นำขุนพลผีเป็นผู้ใด พี่สะใภ้ ท่านยังต้องให้เหม่ยเจียพูดอีกหรือ? ”
เหตุใด…
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้??